Bucket List Ryogan 7 ออนเซ็นห้ามพลาดในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี 2566

7 Bucket list Ryogan ห้ามพลาดในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี🎌🍁

ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเวลาที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเพราะอากาศไม่หนาวจัด ต้นเมเปิ้ลหรือแปะก๊วยก็จะเปลี่ยนสีสวยงาม และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดคือแช่ออนเซ็น ยิ่งถ้าเรียวกังหรือรีสอร์ตที่มีออนเซ็นสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ยิ่งเพิ่มความฟินเข้าไปใหญ่ วันนี้แอดมินมี 7 เรียวกังวิวสวยมาแนะนำเพื่อเป็นไอเดียในการเดินทางท่องเที่ยว

1.Kameyamaen

https://www.kaneyamaen.com/onsen/

บ่อออนเซ็น 3 ชั้น ที่มีวิวฟูจิแบบเต็มตา น้ำแร่จากที่นี่มาจากจุดลึกสุดของภูเขาไฟฟูจิ ด้วยวิวที่สวยราวกับสะกดคุณเอาไว้ ก็อย่าลืมเตือนตัวเองว่าคุณไม่ควรแช่ออนเซ็นเกิน 15 นาทีติดต่อกันนะคะ ^^

2.Iyaonsen, Tokushima

https://www.iyaonsen.co.jp/en/spa/#section03

เรียวกังที่มีกิมมิคเท่ๆ ด้วยการนั่งรถรางลงเขาไปเพื่อแช่ออนเซ็น บรรยากาศดีแบบไม่ต้องพยายาม เป็นบ่อแบบโบราณทอดตัวขนานอยู่กับแม่น้ำอิยะ

3.Takimotokan, Noboribetsu Hokkaido

https://takimotokan.co.jp/ja/

“สวรรค์แห่งออนเซ็น” ณ ใจกลางเมืองโนโบริเบทสึ แช่จุใจด้วยบ่อออนเซ็นใหญ่-เล็ก  สุดปังกับการแช่ออนเซ็นจิบสาเก พร้อมชมวิวหุบเขาจิโกกุคุดานิไปด้วย

4.Takarakawa Onsen , Gunma

https://www.takaragawa.com/huro01.html

ออนเซ็นกลางแจ้ง ใกล้โตเกียว วิวสวยจนแทบลืมหายใจ! ยิ่งไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี การเดินทางก็สะดวก และยังสวยมากๆ อีกด้วย

5.Minakamikan, Gunma

http://minakamikan.com/bath/

เรียวกังขนาดใหญ่ในเมืองกุมมะ เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมายในทุกฤดูในที่พักมีออนเซ็นหลากหลายบ่อ 1 ในนั้นคือออนเซ็นบ่อฮิโนกิ ที่ออกแบบมาสวยงามในทุกฤดูกาล

6.Ashinomaki Ookawaso Hotel, Fukushima

https://www.ookawaso.co.jp/spa

เรียวกังที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา บ่อออนเซ็นเรียงเป็นขั้นบันไดริมแม่น้ำ ทั้งเสียงดนตรีซามิเซ็ง (เครื่องดนตรีญี่ปุ่น) และบรรยากาศในเรียวกัง ราวกับพาคุณย้อนไปในอดีตเลยทีเดียว

7.Towada Prince Hotel, Akita

https://www.princehotels.co.jp/towada/

ออนเซ็น ณ ใจกลางทะเลสาบวงกลมโทวาดะ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นสีสลับเหลือง ส้ม แดง เขียว ทั้งหุบเขา การแช่ออนเซ็นมองภาพดังกล่าว เป็นภาพที่สวยแปลกตา อิ่มเอมใจ ควรค่าแก่การมาชมสักครั้งในชีวิต

จัดกรุ๊ปทัวร์ส่วนตัวในประเทศ

จัดกรุ๊ปทัวร์ส่วนตัวในประเทศ

ในประเทศ บริการใหม่!! จากเรา

จัดกรุ๊ปเที่ยวไทยแบบส่วนตัว

จัดกรุ๊ปเหมา เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ ต้องรอไปก่อนเหรอ?? ไม่ต้องหรอกค่ะ เราจะทำให้การจัดกรุ๊ปเหมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศทริปสำคัญของคุณไม่ต้องสะดุด ราบรื่นและไม่เหนื่อยค่ะ ด้วยบริการระดับมืออาชีพของเรา คุณจึงมั่นใจได้ว่า คุ้มค่ากับทุกสิ่งที่คุณต้องจ่ายอย่างแน่นอน เราจะทำให้การเดินทางของคุณ สะดวกสบายแบบที่คุณไม่อยากเชื่อ

เราเข้าใจสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี ว่าจะทำยังไงให้ทริป กรุ๊ปเหมา ในประเทศที่จะเกิดขึ้น สร้างความประทับใจได้เท่ากับการเดิทางท่องเที่ยวต่างประเทศ 🙂 ให้เราลองจัดเส้นทางกรุ๊ปเหมาให้ไหมคะ

จัดกรุ๊ปทัวร์ส่วนตัวในประเทศ ด้วยการออกแบบเส้นทางกรุ๊ปเหมาแบบมืออาชีพ ที่เราคำนึงถึงความสะดวกสบายของคุณเป็นที่ตั้ง เราจะไม่ทำให้คุณต้องเหนื่อยกับการวางแผน และการเดินทาง พร้อมความอิ่มอร่อย ในทุกการเดินทางกรุ๊ปเหมา อย่างแน่นอน

สายการบิน แบบ Full Service Airline ที่พร้อมให้บริการทุกท่านในหลากหลายจุดหมายปลายทางในประเทศไทย (ในกรณีที่ไม่มีสายการบิน Full Service เดินทาง บริษัทฯ จะเลทอกจากความเหมาะสมกับการเดินทางในแบบอื่น เช่น เวลาการเดินทาง / จุดหมายปลายทาง)

เครื่องบินส่วนตัวสุดหรู

นอกจากการเดินทางแบบสายการบินพานิชย์แล้ว เรายังให้บริการการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวอีกด้วย (Private Jet)

โรงแรม ทุกรูปแบบที่คุณต้องการ โดยผ่านมาตรฐาน ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวยุคปกติใหม่ (SHA) โดยท่านสามารถเลือกโรงแรมได้ทุกแบบ เช่น โรงแรมหรู ระดับ 5 ดาว , Luxury Hotel ที่คุณคาดไม่ถึงว่ามีโรงแรมแบบนี้, โรงแรมในทะเลสาบสุดสงบ, โรงแรมแนวใหม่ ,

Soneva Kiri เกาะกูด

รวมไปถึงการ แคมป์ปิ้งแบบหรูหรา ( G l a m p i n g )

Glamping
Credit : www.yourglamping.com

ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางของคุณได้อย่างไม่เคยคิดมาก่อน

Activities การเที่ยวในประเทศ จะสนุกขึ้น ถ้าคุณได้ร่วมกิจกรรมสุดว้าวจากเรา

ล่องเรือยอร์ชส่วนตัว

การล่องเรือยอร์ช พร้อม Private Party สุดมันส์

 

การขึ้นบอลลูน ชมวิวเมืองไทยจากมุมสูง

ขึ้นบอลลูนชมวิว
phusanfahresort

ปาร์ตี้สุดมัน จากศิลปินสุด Entertain

การบริการระดับ Premium จาก มักคุเทศก์ มาตรฐาน สยามออเชิร์ดกรุ๊ป

 

อาหาร ระดับภัตตาคาร และมื้อพิเศษของทริป ซึ่งอาจจะเป็นร้าน “มิชลิน” กรุ๊ปเหมาของเราก็จัดให้ได้ค่ะ

ของที่ระลึกสุดว้าว พิเศษ เฉพาะกรุ๊ปเหมาที่สยามออเชิร์ดเท่านั้น

ลองให้เราจัดให้สักทริปไหมคะ แล้วคุณจะรักการเดินทางในทุกสถานที่

 

 

#ผู้ช่วยที่ดีที่สุด

สำหรับการท่องเที่ยว และความพิเศษที่คุณจะได้รับจากเรา

  • วางแผนให้ฟรี
  • ได้ของตามสัญญา 100%
  • ยินดีคืนเงินถ้าหาได้ถูกกว่าในเงื่อนไขเดียวกัน

เราจะดูแลคุณเหมือนพาญาติพี่น้องไปเที่ยว เพื่อทำให้คุณสะดวกสบายและรู้สึกดีที่สุด ในทริปของคุณ เพราะเรารู้ว่าการท่องเที่ยว เป็นช่วงเวลาพิเศษและสำคัญสำหรับคุณ เราจึงเป็นบริษัททัวร์ที่ทำทุกอย่างจากใจ

 

ติดต่อจัดกรุ๊ปส่วนตัว Click ที่นี่

เฉิงตู l Chengdu l 成都市 เฉิงตูไม่ได้มีแค่แพนด้า

การเดินทางครั้งที่แล้วจากเฉิงตู เริ่มต้นทริปที่ หย่าเฉิน การ์ l ཡ་ཆེན་སྒར་ l Yarchen Gar Monastery สถาบันพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก

และเดินทางต่อไปยัง 四姑娘山 l Siguniangshan l ซื่อกู่เหนียง

ถึงเวลาเข้าเมืองเฉิงตูแบบจริงๆจังๆแล้วเรามีเวลาเที่ยวเฉิงตู 2 วันเต็มๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เริ่มจากถนนโบราณจิ๋นหลี่ (Jinli 锦里古街) ถนนคนเดินโบราณนี้เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยว ไม่ว่าใครมาเฉิงตูนี้ก็จะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน

ถนนโบราณนี้เรียกได้ว่ามีทุกอย่าง ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวแบบเราๆ ของกิน ร้านคาเฟ่สมัยใหม่ สตาร์บัค และคาเฟ่สมัยเก่า ร้านกาแฟ-ชา ร้านอาหาร สตรีทฟู๊ด ของฝากของที่ระลึก งานฝีมือ

รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและ ชาวจีนเองเยอะแยะเต็มไปหมดค่ะ

สังเกตุได้ว่าคนเดินจะเยอะหน่อยนะคะ

สิ่งล่อตาล่อใจที่สุดของที่นี่คือของกินค่ะ เยอะแยะมากมาย

แค่เมนูก็สนุกแล้ว..ดูสิคะ การสั่งก็ง่ายๆ เราแค่ใช้วิธีชี้ไปที่อันที่เราอยากกินเลยค่ะ ไม่ก็ชี้จากโต๊ะข้างๆที่เค้ากินกันอยู่ ^^

ร้านอาหารนี่มีแทบจะทุกแบบค่ะ ตกแต่งสวยงามตามท้องเรื่อง

เดินไปเดินมาทนกลิ่นหอมไม่ไหว ได้นี่มาค่ะ ปลาหมึกราดด้วยพริก และต้นหอม อร่อยเผ็ดๆหวานๆได้ใจ (แต่แอบแพง ราคาประมาณ 20 หยวนได้ค่ะ) แต่ไม่เป็นไรเนาะเรามาซื้อประสบการณ์

ข้างในจะมีสวนร่มรื่นค่ะ หาที่นั่งตามใจชอบได้เลย

เดินเล่นไปเรื่อยๆค่ะ เหนื่อยก็พัก มาจนถึงจุดนี้เป็นเหมือนที่ๆคนในเมืองนี้มพักผ่อนทำกิจกรรมกันค่ะ

มีเด็กๆมาวาดรูปด้วยนะคะ จากตรงนี้เราจะไปต่อที่ Tianfu Square 天府广场 จตุรัสเทียนฟู่ ค่ะซึ่งวันนี้เราจะเที่ยวเฉพาะในเมืองกันค่ะ แต่เนื่องจากตรงจุดนี้ระยะทางจะห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินหน่อยค่ะ

ดูจากแผนที่แล้วค่อนข้างไกลเราจึงอยากใช้รถสาธารณะอื่นนอกจากรถไฟใต้ดิน เราเลยลองใช้บริการนี่ รถสามล้อค่ะ หน้าตาคล้ายรถเก๋งบวกกับตุ๊กๆ พอเข้าไปนั่งแล้วคันเล็กมากๆเลยค่ะ ถ่ายรูปแทบไม่ทัน^^

และแล้วเราก็มาถึง Tianfu Square 天府广场 เป็นลานจตุรัสใจกลางแยกใหญ่ของเมือง มีอนุสาวรีย์ท่านประธานเหมาอยู่เด่นชัดเลยค่ะ

ตรงจุดนี้จะมีผู้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ กันเยอะเลยค่ะ อากาศกำลังดีช่วงเย็น ทั้งเล่นสเก็ตบอร์ด นั่งพูดคุย รวมถึงถ่ายรูป

เริ่มมืดถ่ายรูปสวยเลย ที่สำคัญจตุรัสเทียนฟู่นี้มีใต้ดินค่ะ เหมือนห้างดีๆนี่เอง มีทั้ง Mcdonal Miniso Starbucks ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้าเต็มไปหมด

แน่นอนค่ะ จากตอนที่ผ่านๆมาเราอยู่นอกเมืองตอนนี้เราดูตื่นเมืองกันมาก เห็น Mcdonal ก็อยากกิน เอาเป็นว่าเราฝากท้องมื้อเย็นนี้กับที่นี่แล้วกันนะคะ

สำหรับราคาเราเริ่มรู้สึกว่าแพงไปซะทุกอย่าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะก่อนหน้าเราอยู่นอกเมืองค่าครองชีพก็จะถูกกว่าย่อมเป็นธรรมดา

จากนั้นเราจะเข้าที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจตุรัสเทียนฟู่ นั่งใต้ดินไปเพียง 1 สถานีเองค่ะ พักผ่อนเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้นะคะ

เช้านี้ฝนตกปรอยๆ เรายังรู้สึกตื่นเมืองอยู่ลืมตาตื่นมาก็อยากกาแฟ หลังจากที่ไม่ได้เจอกาแฟมาหลายวัน

ขอเสพกาแฟสักหน่อย และร้านกาแฟที่น่าสนใจที่สุด ใกล้ที่สุดคือ Starbucks ย่านควานจ่าย Kuanzhai 宽窄巷子

มาถึงถนนควานจ่ายแล้วโอ้โห สไตล์คล้ายๆกับถนนคนเดินเมื่อวานค่ะ แต่ดีกว่าเงียบสงบ ฝนปรอยนิดๆได้บรรยากาศที่ต่างออกไปอีกแบบค่ะ

 

อันนี้น่าเดินค่ะ ตอนนี้ถือว่าอากาศเย็นเลยทีเดียว

และแล้วก็เจอร้านสตาร์บัคส์ อันนี้ชอบมากสาขานี้สวยค่ะ

วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เฉิงตู ดังนั้นแพลนของเราคือจะเที่ยวกันทั้งวัน จากนั้นจะเดินทางกลับไฟล์ตีสองค่ะ โดยที่จะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนดึกๆค่อยกลับมาเอาค่ะ

เราตั้งใจจะไปเมืองโบราณลั่วไต้ Luodai Ancient Town 洛带古镇 เดินทางโดยรถบัสออกนอกเมืองเฉิงตูไปนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้เริ่มไม่กังวลอะไรกับการเดินทางรถโดยสาธารณะในจีนแล้วค่ะ ยิ่งในเมืองนี่ไม่มีอะไรยากเลย

แต่ตอนอยู่บนรถบัสก็แอบกังวลอยู่เพราะไม่รู้ว่าถึงรึยัง บัสคล้ายๆกับเมืองอื่นๆที่ขึ้นจากข้างหน้าแล้วหยอดเงินลงในตู้ข้างๆคนขับรถ ระหว่างทางแต่ละจุดจอดต่างๆก็จะมีประกาศบนรถบัสว่าชื่อสถานีอะไร อันนี้ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ

มันยากตรงที่ชื่อสถานีที่ประกาศเป็นภาษาจีน ดังนั้นเราต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ปรากฏว่าที่เราต้องลงเป็นสถานี Bus Terminal สถานีปลายทางนั่นเอง งั้นขากลับง่ายเลยที่นี้

ความยากอีกอย่างคือหาถนนโบราณนี่ค่ะ เหมือนว่าส่วนใหญ่คนที่มีที่นี่จะเป็นคนที่พักอยู่แถวนี้ หรือไม่ก็เป็นนักท่องเที่ยวค่ะ เพราะเมื่อมาถึงจะมีรถสามล้อมารอรับ และถามว่าไปไหน ซึ่งหนึ่งในสถานที่ๆคุณลุงถามคือ Luodai ค่ะ

เราหาข้อมูลมาแล้วว่าไม่ไกลดังนั้นเราจะเดินค่ะ ปัญหามันอยู่ตรงที่แผนที่ๆเราใช้มันพามาผิดทางค่ะเดินไปไกลมากสุดท้ายเลยใช้วิธีถามชาวบ้านค่ะ กลายเป็นว่าใกล้สถานีรถบัสนิดเดียว เราเดินกันไปตั้งไกล

ที่นี่พื้นที่ค่อนข้างใหญ่นะคะ จะเดินทั่วคงไม่ไหว แต่เอาจริงๆที่นี่่น่าเดินที่สุดแล้วอาจจะเป็นเพราะว่าคนเดินไม่เยอะ และบรรยากาศมีความโลคอลสุดๆค่ะประมาณว่ามีคุณลุง คุณป้านั่งขายผัก ผลไม้ กับพื้นกันเลย อันนี้เราเรียกว่าร้านขายขนมพริกค่ะ เพราะมีพริกกระป๋องแบบกินได้เลยด้วย ตอนชิมที่ร้านอร่อยดี ซื้อกลับมาไทยด้วยนะคะ มาถึงไทยแล้วไม่อร่อยเลยค่ะ

อันนี้ร้านเดียวกันเราเรียกว่าบราวนี่พริกค่ะ

ร้านของกินเต็มไปหมด ถนนโบราณ Luodai เค้าทำดีค่ะ ด้วยความที่พื้นที่ใหญ่จึงมีป้ายบอกตลอดว่าแต่ละทางปลายทางคืออะไร เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาเดินหลงค่ะ

ส่วนร้านนี้เค้าขายเสี่ยวหลงเปาค่ะ คนยืนรอซื้อเต็มหน้าร้านเลยค่ะ ทำให้เราสนใจขึ้นมาไม่รอช้าค่ะ ต่อแถว…

เป็นเสี่ยวหลงเปายักษ์ค่ะ ราคาไม่ธรรมดา 20 หยวนค่ะ (เงินไทยตอนนั้นก็ประมาณ 80 บาทค่ะ)

มาถึงนี่เราขอแนะนำพวกร้านทีขายไส้กรอกแบบข้างทางน่ะค่ะ แบบอันละ 1-2 หยวนค่ะ อร่อยมาก เค้าจะเอามาราดด้วยผงปรุงรสก่อนค่ะ หากมีโอกาสลองดูนะคะ

ร้านนี้ก็น่าสนใจทำกันให้เห็นสดๆเลยค่ะ

ทำออกมาแล้วหน้าตาประมาณนี้ค่ะ มันคล้ายๆกับเส้นบะหมี่ทอด ซึ่งไส้ข้างในเป็นหมูสับใส่ต้นหอมค่ะ พอทานได้ค่ะ แต่มันอมน้ำมันไปหน่อย

ที่สำคัญ มาถึงแล้วต้องไปคือ อันนี้ค่ะ หน้าตาด้านนอกเป็นแบบนี้ ส่วนด้านในเค้าทำดีมาก

ซึ่งที่นี่จะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ ที่เก็บเรื่องราววัฒนธรรมและข้าวของเครื่องใช้ และบ้านเรือน ของชาวจีนโบราณ (Hakka culture)

รูปแบบด้านในสวยมากค่ะ ดูยิ่งใหญ่ มีคนใส่ชุดจีนโบราณมาถ่ายแบบที่นี่ด้วยนะคะ

ตอนเราไปพิพิธภัณฑ์ ห้องแสดงเค้าให้เราเข้าฟรีนะคะ

เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ ที่เห็นชัดคือมีคนท้องถิ่นออกมาเดินเล่นเต็มไปหมดค่ะ

เหมือนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจค่ะ เด็กๆเต็มไปหมด

เหมือนที่บอกค่ะจะมีคนมาถ่ายรูปกับชุดจีนสมัยก่อนเยอะมากค่ะ

ส่วนอันนี้ตอนแรกเราไม่รู้ว่ามัคืออะไร พอนั่งดูเหตุการณ์ซักพัก เหมือนเป็นรถรับจ้างให้เด็กๆขี่เล่นค่ะ ดูการแต่งรถสิคะ แจ่มไหม

สังเกตุเห็นน้องหมีที่โดนผูกไว้หน้ารถสิคะ น่าสงสาร จากที่นี่เราไปต่อกันที่ใน“สยามของเฉิงตู” กลับเข้าเมืองกันอีกทีค่ะ

เดินทางมาที่นี่โดยรถไฟใต้ดิน พอโผล่ออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินปุ๊บ โอ้โห…อิเซตันก็มา

เรารู้กันอยู่แล้วก่อนมาว่าที่นี่เปรียบเสมือนสยามของเมืองเฉิงตู แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เห็นอะไรไกลๆที่ตึกขวามือไหมคะ เป็นแพนด้ายักษ์กำลังปีนป่ายตึกอยู่ค่ะ

รูปนี้น่าจะเห็นชัดค่ะ ปีนขึ้นไปจนเห็นแต่ตูดแพนด้ายักษ์ละค่ะ ผู้คนนี่ดูดีกันทุกคนเลยค่ะ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง

เราตัดสินใจกันว่าจะลองกินแบบอาหารที่ไปที่ไหนๆก็มี เลยตกลงไปที่ KFC เรามาดูกันว่า KFC ที่เฉิงตูจะเป็นยังไง

หืม..พูดถึงราคาก่อนอย่างแรก แพง(สำหรับเรา) อาจเป็นเราะที่นี่ค่าครองชีพค่อนข้างสูง เรายกตัวอย่างให้เห็นชัดนะคะ ปกติเรากิน KFC บ้านเรา ในราคาสองร้อยกว่าบาทเนี้ยจะอิ่มเลยสำหรับ 2 คน แต่นี่คือ ได้ไก่ป๊อบอันเล็ก มันบด น้ำ และไก่ทอด 2 ชิ้นเองค่ะ(บอกเลยไม่อิ่ม555)

หลังจากที่วันนี้เราออกมาตะลอนข้างนอกทั้งวันแล้วถึงเวลาพักผ่อนซักที แต่… วันนี้เราจะไม่มีที่พักเพราะเราต้องกลับไทยไฟล์ตีสอง

ดังนั้นเราเลยตัดสินใจกันว่าจะไปหาร้านกาแฟนั่งชิวๆกันแถวที่พักย่าน Kuanzhai เพราะวันนี้เราเที่ยวกันเต็มที่แล้ว จากความประทับใจในถนนสายนี้เมื่อเช้า เราได้กลับมาที่นี่อีกรอบ พอตกกลางคืนที่นี่เปลี่ยนไปค่ะ คนเยอะเต็มไปหมด เราสังเกตุได้ว่าคนที่นี่ชอบนั่งจิบชาคุยกัน ฟังเพลง เราเลยอยากลองดูบ้าง จัดไปค่ะ..

ได้เวลาอันสมควรแล้วนี่ก็สีทุ่มแล้ว ไปที่พักเพื่อเอากระเป๋าแล้วไปหาที่นอนสนามบินกันค่ะเมื่อถึงสนามบินก็จับจองหาที่นอนได้เลยค่ะ เดจาวูอีกครั้งนั่นเพราะเราเคยนอนมาแล้วครั้งนึ่งขามาไงคะ เราก็เลยมีประสบการณ์การนอนสนามบินแล้ว แต่ๆๆๆที่สำคัญก่อนกลับ.. แบงค์หยวน และเหรียญ เราต้องจัดการให้หมดค่ะ

ตามจริงที่ไทยสามารถรับแลกเงินหยวนทุกแบงค์ค่ะ ไม่จำกัดว่าแบงค์เล็กใหญ่ แต่ขอเพียงให้อยู่ในสภาพดี (เอาแบบง่ายๆคือแบงค์ที่เมือนพลาสติกลื่นๆน่ะค่ะ ไม่ใช่แบงค์กระดาษ) *อันนี้เราแลกกับ Xone นะคะ ส่วนเหรียญแน่นอนว่าใช้ให้หมดค่ะ ไม่ต้องเอากลับไทยค่ะ แลกคืนไม่ได้^^

สนามบินเฉิงตูพอถึงเที่ยงคืนร้านค้าจะเริ่มปิดแล้วค่ะ เราจะนอนพักเพื่อรอเวลาเช็คอิน และกลับไทยตอนตี 2 ค่ะ ถึงไทยก็แต่เช้า การเดินทางไฟล์แบบนี้ไม่แย่ค่ะ เวลาบินเราอาจจะเหนื่อยนะคะ แต่บอกว่าไฟล์บินแบบนี้ทำให้เรามีเวลาเที่ยวคุ้มค่ะ

การเดินทางมาจีนครั้งแรกของเราโดยเริ่มจากเส้นทางสุดทรหดนี้พอเรามานั่งนึกถึงทุกครั้ง เราจะคิดเสมอว่าไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาได้ไกลขนาดนี้…

การเดินทางครั้งนี้จบลงแล้วให้อะไรกับเราเยอะมาก ในที่ๆภาษาไม่ได้สำคัญอีกต่อไปหากเราต้องการจะสื่อสารกันจริงๆ

“เรารู้สึกตัวเล็กลงทุกครั้งที่ออกเดินทาง ให้รู้ว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน”

 

 

ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยว Jigokudani Park ดูลิงหิมะ

ใครที่ชอบท่องเที่ยว ทัวร์ญี่ปุ่น ในช่วงฤดูที่มีอากาศหนาวๆโปรยปรายเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนมีลิงหน้าแดงๆ ออกมาแหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน เราขอแนะนำต้องมาที่นี่เลย Jigokudani Park หรือ หุบเขานรก ที่นี่มีสวนลิงโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park) อยู่ในจังหวัดยามาโนอูจิ(Yamanouchi) ของประเทศญี่ปุ่น มีการสร้างสระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นมา ไว้ให้สำหรับเจ้าลิงทั้งหลายโดยเฉพาะ มีเจ้าลิงนับร้อยนับพันที่กำลังแช่บ่อน้ำพุร้อนกับอากาศที่หนาวมาก -3 องศา อยู่ท่ามกลางหุบเขายาวตลอดเส้นทาง ซึ่งคุณไม่ต้องตกใจมันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดแถมดูๆไปก็ช่างน่ารักเหลือเกิน นักท่องเที่ยว ทัวร์ญี่ปุ่น ที่รักและชอบเดินทางผจญภัยแบบลุยๆ นั้น ไม่ควรพลาดมาสถานที่นี้คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอย่างใกล้ชิด ที่อบอวลเต็มไปด้วยฝูงลิงที่ต่างก็มีความสุข ต่างเพลิดเพลิน สนุกสนานกับการเล่นน้ำ ที่อยู่กันเป็นกลุ่มๆบ้างหรืออยู่เป็นคู่บ้าง บางตัวนอนอาบแดดอย่างสบายใจ ใครๆที่เห็นนั่งดูไปดูมาต่างก็คงคิดเหมือนกันว่าเจ้าลิงน้อยทำอะไรทำไมเหมือนกับคนซะจริงๆตลกเหมือนกันนะเนี่ย สำหรับใครที่อยากเห็นลิงออนเซ็นตัวเป็นๆของจริงนั้นสามารถเดินทางมาดูกันได้ที่นี่ เราเลยรับรองคุณคุณจะไม่ผิดหวังที่ได้เดินทางมาเที่ยวแน่นอน

[สนใจจองโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น 2566  ]

ขากลับ อย่าลืมแวะดูของที่ระลึกกันหน่อย มี Magnet น่ารักมากมาย สำหรับหาซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ ก็แวะกันได้เลย และเราได้เก็บภาพบรรดาเหล่าเจ้าลิงน้อยมาฝากให้ชมกันด้วย อาจทำใครหลายคนอยากเดินทางมาเที่ยวกันมากขึ้น

( ดูภาพตัวอย่าง : ลิงโกคุดานิ Jigokudani Monkey Park )

( ภาพตัวอย่าง : ลิงโกคุดานิ Jigokudani Monkey Park )

 

การให้บริการ

( ช่วงเดือนที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปชม ลิงโกคุดานิ Jigokudani Monkey Park )

  • เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม จะเปิดตั้งแต่ 08.30 – 17.00 น.
  • เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม เปิด 09.00 – 16.00 น.

 

( ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ / อายุ 18 ปีขึ้นไป ค่าเข้าชม = 800 เยน/คน

: เด็ก / อายุ 6-17 ปี ค่าเข้าชม = 500 เยน/คน

: เด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 6 ปี = (เข้าชมฟรี)

 

( วิธีการเดินทาง ไปสวนลิงโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park)

  • จากสถานี Yudanaka Station โดยสารรถบัสไปยัง Kanbayashi Onsen(10-15 นาที 310 เยน บัสออกชั่วโมงละ 1 รอบ), Shibu Onsen(5-10 นาที 190 เยน บัสออกชั่วโมงละ 1-2 รอบ) หรือ Nagano Station(40 นาที 1,400 เยน บัสออกวันละ 4-10 รอบ)
  • โดยรถบัส Yudanaka-Kanbayashi จะจอดที่ Kanbayashi Onsen bus stop แต่บัสสายอื่นๆจะจอดที่ Kanbayashi Onsen-guchi bus stopแล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย
  • จากลานจอดรถที่คิดค่าบริการ (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของสวนลิง) เดินไปประมาณ 10-15 นาที แต่อย่างไรก็ตามถนนเส้นแคบๆจาก Shibu Onsen ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะให้บริการ จะต้องขับรถยนต์ส่วนตัวไปเองและจะปิดทางในช่วงฤดูหนาว แต่ท่านสามารถเดินเท้าได้ หากไม่มีหิมะปกคลุม ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที

ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (Churaumi Aquarium) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 2002 ตั้งอยู่ใน ที่เคยจัดแสดงงานนานาชาติเอ็กซ์โปในปี 1975 ไฮไลท์ของการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือแท็งก์น้ำคุโรชิโอะ (Kuroshio Tank) ซึ่งเป็น 1 ในแท็งก์น้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งภายในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตในทะเลแถบโอกินาว่าที่หลากหลาย สัตว์น้ำที่โดดเด่นที่สุด คือ ฉลามวาฬยักษ์ และกระเบนราหู รวมถึงยังมีสื่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำลึก รวมถึงปลาเรืองแสง และยังมีการแสดงของ โลมาแสนรู้, เต่าทะเล , พะยูน อีกด้วย นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปกับทัวร์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้เวลาชม ณ จุดนี้นานที่สุด เพราะที่นี่มีโรงภาพยนตร์ที่ฉายวีดีโอเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตทางทะเลของโอกินาว่าให้ได้ชมกันด้วยดูกันให้เพลินไปเลย

แท็งก์น้ำคุโรชิโอะ (Kuroshio Tank) ซึ่งเป็น 1 ในแท็งก์น้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลก ชมการแสดงของ โลมาแสนรู้, เต่าทะเล , พะยูน

พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ โอซาก้า (Kaiyukan Osaka Aquarium) Osaka Aquarium หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆว่า Kaiyukan อควาเรียมแห่งหนึ่งที่มีความยิ่งใหญ่ระดับโลก และถูกจัดเป็นอควาเรียมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และในเอเชีย

ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเหล่าสิ่งมีชีวิตไว้ตามถิ่นที่อยู่ มีให้ชมถึง 15 ตู้ จัดแสดงให้ชมทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ไม่มีกระดูก รวมไปถึงพืชพันธุ์ต่างๆ มากถึง 30,000 ชีวิต ราว 620 สายพันธุ์ ดังนั้น อย่ารอช้า เราไปดูกันดีกว่าว่าในพิพิธภัณฑ์นี้ มีอะไรให้ชมกันบ้าง

มาเริ่มจาก Aqua Gate (ทางผ่านของปลา) อุโมงค์ใต้น้ำ มีปลามากมายหลากหลายชนิด รวมถึงปลากระเบนตัวใหญ่ ที่ชวนเห็นแล้วต้องมองกันตาค้างแน่นอน

  • Japan Forest (ป่าญี่ปุ่น)
  • Aleutian Island (หมู่เกาะอะลูเซียน) มีการจำลองหมู่เกาะจำลองในสหรัฐอเมริกา ที่มีอากาศหนาวเย็น มีทั้งสัตว์ปีกและสัตว์น้ำ เช่น นกพัฟฟิน ที่ปกติจะอาศัยอยู่ในท้องทะเลที่ต้องมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ
  • Monterey Bay (อ่าวมอนเทอเรย์) จำลองชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่ เช่น แมวน้ำ
  • Ecuado Rainforest (ป่าฝนเขตร้อนเอกวาดอร์) จำลองสัตว์ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของอเมริกา ที่ตั้งอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรที่มีปลาอาศัยอยู่ที่นี่นับล้านล้านปี
  • Antarctica (ทวีปแอนตาร์กติกา) โซนนี้จะมี นกเพนกวิน ให้ชมน่ารักๆ อีกทั้งยังมีปลาโลมา ที่มาอาศัยอยู่ในแถบบริเวณน้ำอุ่น ในประเทศนิวซีแลนด์
  • Great Barrier Reef (เกรตแบร์ริเออร์รีฟ) จำลองเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ของประเทศออสเตรเลีย แนวประการังมากกว่า 5000 แนว ความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตรไว้ที่นี่ เราจะได้ชมปะการังที่มีรูปร่างและสีสันที่หลากหลาย กับบรรดาน้องปลาสีสันสดใส
  • Pacific Ocean (มหาสมุทรแปชิฟิก) โซนจัดแสดงปลาฉลามวาฬ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • Seto Island (ทะเลเซะโตะโน) โซนของทะเลต้นกำเนินของการประมงแบบเพาะเลี้ยง มีสัตว์น้ำหลากหลายให้เราได้ชม
  • Seasonal Exhibit ( แทงค์น้ำจัดแสดงพิเศษ ) โซนนี้จะจัดแสดงสิ่งมีชีวิตที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังคัดสรรมาว่าน่าสนใจ เช่น ปลาแสงอาทิตย์ หน้านิ่ง เห็นแล้วแปลกตาจริงๆ
  • Coast of chile (แนวหินชายฝั่งของชิลิ) โซนนี้เป็นเป็นโซนที่ปลาซาร์ดีนว่ายวนรอบหินตามกระแสน้ำเย็นจากทางใต้ที่ไหลไปยังชายฝั่งของชีลี
  • Jellyfish ( แมงกะพรุน ) เป็นธีมกาแล็กซี่ แมงกะพรุนโปร่งใส ตัวน้อย ๆ ขยับไปขยับมาเต็มพื้นน้ำท้องทะเล เหมือนดวงดาวที่กระพริบอยู่บนท้องฟ้าเลย
  • สัมผัสใหม่ โซนนี้เพื่อนจะได้เห็นสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด สัตว์หลายอย่าง อย่างน้องแมวน้ำตัวอ้วนกลม และนกเพนกวินที่ส่งเสียงร้องเรียกกันไปมาดังก้องกังวาลเชียว

ก่อนกลับ ที่นี่ก็มีร้านค้าให้แวะซื้อสินค้าของที่ระลึก เช่น กาชาปอง ตุ๊กตาสัตว์น้ำน่ารักๆ มากมายให้เลือกซื้อสะสม และไว้เป็นของฝากกันอีกด้วย

เยือนญี่ปุ่น ไปสักการะศาลเจ้าอิเสะ อายุพันปี

ศาลเจ้าแห่งแรกของญี่ปุ่น เป็นที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่สำคัญ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และยังเป็นที่ประดิษฐานของ “อามะเทระสึ โอมิคามิ” เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ หรือเทพแห่งแสงสว่าง มีอายุนับ 2,000 ปี เลยทีเดียว ถือว่าเป็นสถานที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ใครที่มีโอกาสเดินทางมา ทัวร์ญี่ปุ่น เราอยากใหคุณลองเดินทางแวะมาสักการะไหว้พระที่ศาลแห่งอันศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เป็นยังแหล่งโบราณสถานที่ถือว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจศาลเจ้าอิเสะ-จิงกุ (Ise Jingu Shrines) จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ที่แห่งนี้จะมีการบูรณะใหม่ทุกๆ 20 ปี โดยให้ทุกอย่างคงเดิมมากที่สุด

ศาลแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าองค์นี้นับว่ามีความสำคัญกับชาวญี่ปุ่นมากๆ ถือเป็นเทพของศาสนาชินโต อันเป็นรากฐานของพิธีกรรมต่างๆมากมาย ทั้งยังเชื่อกันว่า จักรพรรดิของชาวญี่ปุ่นนั้น สืบเชื้อสายมาจากเทพองค์นี้โดยตรง รวมถึงธงชาติญี่ปุ่น ที่ยังมีสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ศาลนี้ชาวญี่ปุ่นต่างต้องมาสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

บรรยากาศของที่นี่ นับว่ามีมนต์ขลังสมดั่งคำร่ำลือจริงๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนอันเงียบสงบ ที่แฝงไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และลึกลับ แถมบริเวณนี้ยังอากาศหนาวเพราะอยู่ติดทะเล

สถานที่นี้ประกอบไปด้วย ศาลเจ้าหลัก 2 ศาล คือ ศาลเจ้าชั้นใน (Naiku) และ ศาลเจ้าชั้นนอก (Geku) และศาลเจ้าขนาดเล็กอีกกว่า 125 ศาลเจ้าย่อย

ศาลเจ้าชั้นใน ด้านหน้าของบริเวณนั้นมีถนน Oharai-machi และ Okage-yokocho ซึ่งเป็นชุมชนที่ก่อตั้งขึ้นมาเนิ่นนาน เพื่อรับคนที่เดินทางมาให้ได้พักกินข้าว และน้ำก่อนจะเดินทางต่อเข้าไปในยังศาลเจ้า เก่าขนาดที่ร้านค้าที่เก่าที่สุดบนถนนเส้นนี้ที่ยังคงเปิดกิจการอยู่มีอายุกว่า 300 ปี

ศาลเจ้าชั้นนอก (Outer Shrine) หรือ เงะกุ (Geku) จากสถานี Ise-Shi เดินตามเสาหินประดับโคมไฟริมถนนไปเรื่อยๆ ไม่ถึง 10 นาที ก็จะถึงทางเข้าศาลเจ้าชั้นนอก ข้ามสะพานเล็กๆ เข้าไปในบริเวณศาลเจ้าก็เห็นประตูโทริอิ ซึ่งทำจากไม้ต้นใหญ่ตั้งอยู่

หากเราเดินทางมาทัวร์ญี่ปุ่น สามารถลงเครื่องบินโอซาก้าเดินทางมายังเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ ด้วยตั๋วรถไฟ Kintetsu Pass มุ่งหน้าสู่ศาลเจ้าอิเสะในทันที

ศาลเจ้าอิเสะ เปิดบริการให้เข้าชม : ทุกวัน โดยแบ่งเวลาเปิด-ปิดในแต่ละปี ดังนี้

05:00 – 18:00 น. (มีนาคม, เมษายน, กันยายน และตุลาคม)

04:00 – 19:00 น. (พฤษภาคม – สิงหาคม)

05:00 – 17:00 น. (พฤศจิกายน – ธันวาคม)

05:00 – 17:30 น. (มกราคม – กุมภาพันธ์)

เที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไปเยือน อามาโนะฮาชิดาเตะ

ทัวร์ญี่ปุ่น อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) บนสันทรายยาว 3.6 กิโลเมตร ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางอ่าวมิยาซุ (Miyazu) ในจังหวัดเกียวโตกลายเป็นทางเชื่อมระหว่างแผ่นดิน 2 ฝั่งอ่าว และเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และมีชื่อปรากฏอยู่ในบทกวีโบราณ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1020

(สันทรายยาว 3.6 กม. ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางอ่าว มิยาซุ (Miyazu) จังหวัดเกียวโต )

บนแผ่นดินทั้ง 2 ฝั่งของอามาโนะฮาชิดาเตะเป็นชุมชนเก่าแก่ ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว และมีร้านค้ามากมาย เราจึงอยากขออาสาพาผู้อ่านไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ยาวนาน ชมทิวทัศน์สวยงาม ชิมอาหารอร่อย ไหว้พระในวัดศักดิ์สิทธิ์ และนั่งรถไฟวินเทจเลียบริมฝั่งทะเลของญี่ปุ่นกัน ฉะนั้น เราอย่ารอช้าไปอ่านเรื่องราวน่าประทับใจเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้กันเลย

เมื่อได้มาเที่ยวในจุดที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด Top 3 ของประเทศญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้เลย คือ การได้หาวิวทิวทัศน์สวยๆ จุดที่น่าถ่ายภาพ มีหลายวิธีที่สามารถทำได้ คือ การขี่จักรยานไปเรื่อยๆ บนสันทรายเพื่อเก็บภาพจากมุมมองด้านในอย่างใกล้ชิด หรือจะนั่งเรือข้ามฝั่งเพื่อซึมซับกับบรรยากาศรอบๆด้าน ก็ได้

จุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ (Amanohashidate View Land) จุดชมวิวฝั่งนี้เราจะเห็นสันทรายในมุมมองที่ต่างออกไป เป็นรูปมังกรตัวใหญ่กำลังเหาะขึ้นท้องฟ้า อีกทั้ง สถานที่เที่ยวแห่งนี้ยังมีเครื่องเล่น เช่น ม้าหมุน ชิงช้าสรรค์ รถบั๊ม หรือเล่นเครื่องเล่น Cycle-car หรือการขี่จักรยานบนรางลอยฟ้า ทำให้เห็นวิวโดยรอบได้ 360 องศา ช่างดูน่าสนุกจัง

จุดที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อขึ้นมาบนนี้ คือ ไฮเรียวกัง ไคโร (Hiryukan-kairo) สถาปัตยกรรมโครงสร้างโปร่ง มีทางเดินเล็กๆ คดเคี้ยวที่ได้แรงบันดาลใจมากจากลำตัวของมังกร

จุดชมวิว คาสะมัสสึ พาร์ก (Kasamatsu Park) ตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศเหนือของสันทราย สามารถชมวิวทิวทัศน์บรรยากาศจากมุมที่สูงได้ ปัจจุบันนี้ มีกระเช้าเคเบิ้ลให้ใช้บริการแล้วด้วยนะ

จุดชมวิวอีกจุดเพิ่มความหวาดเสียวด้วยการเดินบนพื้นไปเดินพื้นกระจกที่ยื่นออกไปนอกหน้าผา มันดูช่างน่าตื่นเต้นใช่ไหม

ทัวร์ยุโรป ไปเที่ยวประเทศไหนดี 2

เยอรมนี (Germany) เมืองมิวนิก (Munich) เมืองมิวนิค (Munich ) ประเทศเยอรมนี เมืองหลวงของรัฐไบเอิร์น (บาเยิร์น) หรือแคว้นบาวาเรียในภาษาอังกฤษนั่นเอง และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมันอีกด้วย ย้อนอดีตไปเมื่อราวศตวรรษที่ 10-11 มีพระจาก Tegernsee Abbey ได้มาตั้งรกรากที่ริมฝั่งแม่น้ำอีซาร์ (Isar) ซึ่งมีน้ำที่เขียวใสไหลลงมาจากเทือกเขา จึงเรียกชื่อเมืองนี้ว่า Muenchen หากใครได้มาเยือนเมืองมิวนิค รับรองไม่ผิดหวังกับการได้ชื่นชมศิลปะและสถาปัตยกรรมในสไตล์บาร็อค และเรอเนสซองส์ ความรุ่งเรืองมั่งคั่งทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าก็ยังคงปรากฏอยู่จวบจนทุกวัน

มหาวิหารโคโลญ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 12 คริสตจักรโรมันอันงดงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง นักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันมาเยือน ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามของโลก

ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) อยู่ในเทือกเขาแอลป์ ต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์นั่นเอง

อิตาลี (Italy)

อิตาลี ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆหลายที่ เป็นผู้นำทางด้านแฟชั่น เช่น

กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี รุงโรมเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลีจ้า มีคนอาศัยประมาณ 2.5 ล้านคน ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวย และน่าไปที่สุดอีกเมืองหนึ่งของอิตาลี

โคลอสเซียม (Colosseum) โคลอสเซียม หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตแอนด์มโหฬารที่สุดในสมัยโบราณค่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ.72 โดยจักรพรรดิเวสปาเซียน รูปทรงโค้งเป็นวงกลม ก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบ ยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น จุคนได้ถึงประมาณ 80,000 คน ที่นี่เคยเป็นฉากในเกมการต่อสู้ที่ดุเดือดของกลาดิเอเตอร์หรือนักสู้ในโรมัน สำหรับขังนักโทษที่รอประหารและสิงโตที่หิวโซมาสู้กัน ถ้านักโทษคนไหนเอาชนะฆ่าสิงโตได้ก็ได้รอดชีวิตแถมยังให้นักโทษ และทาสมาประลองฝีมือ ใครที่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตายได้ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูง

 

นอร์เวย์ (Norway)

นอร์เวย์ (Norway) สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของนักเดินทางทั่วโลก ด้วยที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอลังการมากมาย ทั้งภูเขา น้ำตก ท้องทะเล และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการเดินทางไปดูแสงเหนืออีกด้วย

ออสโล (Oslo) เอกลักษณ์ของที่นี่คือมีสถาปัตยกรรมทั้งเก่า และใหม่สวยงามมากมาย มีทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และโรงละคร

Nidaros Cathedral วิหารที่มีความเก่าแก่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ทั้งภายในและภายนอกออกแบบอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง

Reine หมู่บ้านชาวประมงบนเกาะ Lofoten มีบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบ บ้านเรือนเป็นแบบดั้งเดิมมีสีสันสดใส ชวนให้หลงใหล

Latefossen น้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของเมือง Hordaland เป็นสถานที่ห้ามพลาด เพราะน้ำตกแห่งนี้มีความสูงประมาณ 165 เมตร มีลักษณะเป็นสายน้ำ 2 สาย ที่นี่จึงเป็นจุดแวะพักยอดนิยมของนักท่องเที่ยว

รัสเซีย (Russia)

รัสเซีย มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวหลายล้านคน เพื่อสัมผัสกับศิลปวัฒนธรรม และศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ “กรุงมอสโก” เมืองหลวง ที่วันนี้ได้พลิกโฉมเป็นมหานครทันสมัย รวมไว้ด้วยสถาปัตยกรรมสุดตระการตาผสานกับวัฒนธรรมที่โดดเด่น สถานที่สำคัญน่าชม อาทิ

จัตุรัสแดง (Red Square) เป็นดั่งใจกลางเมืองมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด เพื่อชมความงามของสถาปัตยกรรมอันสวยงามที่ตั้งอยู่ในเมือง

พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace) เป็นอาคารที่มีความสวยงามโออ่ามาก ประกอบด้วย 700 ห้อง เนื้อที่ใช้สอยประมาณ 20,000 ตรม. ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวมอสโคว์ คือ N.I. Chichagov,F.F. Richter, N.A. Shokhin และ P.A. Gerasimov มีห้องใช้สอยหลายห้อง และที่พักส่วนพระองค์ของราชวงศ์ตั้งอยู่ชั้นล่าง ภายในมีการตกแต่งอย่างหรูหรา ด้านบนชั้นสองมีห้องโถงหลายห้องเช่น St.George, St. Vladimir และ St.Catherine มีการซ่อมแซมในปี ค.ศ. 1930 ห้องที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดนั้นสร้างอุทิศให้แก่เซนต์จอร์จ (St.George) นักบุญแห่งความกล้าหาญของรัสเซียที่คุ้มครองในการทำสงคราม

สวีเดน (Sweden)

สวีเดน ดินแดนดวงอาทิตย์เที่ยงคืน และดินแดนแห่งไวกิ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปรารถนาจะมาเยือนสักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะเมืองหลวง เช่น กรุงสต็อกโฮล์ม โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก (Baltic Sea) ทะเลสาบมาลาเร็น (Lake Malaren) ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


พระราชวังหลวง (Stockholms slott) เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์สวีเดน กล่าวกันว่า ที่นี่คือพระราชวังที่งดงามที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของทวีปยุโรป
ย่านเมืองเก่า (Gamla Stan) ย่านเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อีกหนึ่งแลนมาร์กที่น่าตื่นตา บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบสวีเดน ที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี

สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

สวิตเซอร์แลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวอย่างเทือกเขาจุงเฟรา, เมืองเจนีวา, ภูเขาทิตลิต ทั้งที่ประเทศนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ

ทะเลสาบโอชิเนน (Oeschinen Lake) ตั้งอยู่ตรงกลางหุบเขาโอชิเนน ที่ระดับความสูง 1,578 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาจุงเฟรา มีความสวยงามเป็นอย่างมาก

ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ กลาเซียร์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในบรรดาธารน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ มีความยาวถึง 22 กิโลเมตร หนาถึง 700 เมตร ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 120 ตารางกิโลเมตร มีน้ำแข็งอัดทับถมกันราว 27 พันล้านตัน กลายเป็นที่เที่ยวมรดกทางธรรมชาติสุดอัศจรรย์

ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 4,478 เมตร มีจุดเด่นแปลกตาเรียกว่าฮอร์น (เขาสัตว์) ลักษณะสามเหลี่ยมพีระมิด

ทะเลสาบลูเซิร์น (Lucerne lake) เป็นทะเลสาบสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ท่ามกลางหุบเขา มีทิวทัศน์ที่สวยงาม น่าเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ

บทความนี้เราแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยๆน่าเดินทางทัวร์ยุโรปซะจริงๆเลยใช่ไหม เป็นสถานที่น่าดึงดูดให้ใครหลายคน และต้องเดินทางมาให้เห็นกับตาว่าสมคำร่ำลือจริงๆหรือไม่ ดังนั้น เราขอเป็นส่วนหนึ่งที่อยากบอกว่าแต่ละที่สวยงามตามภาพที่ได้เห็นเลยจริงๆ เราก็อยากให้ทุกท่านที่ชอบเรืองของสถานที่เก่าแก่ เมืองโบราณหรือสถาปัตยกรรมสวยๆ ดินแดนแห่งธรรมชาติอันน่าหลงใหลน่าอัศจรรย์ คุณต้องมาประเทศที่เราแนะนำให้นี่ดีชัวร์ คุณต้องลองไปดูแล้วคุณจะเชื่อ

ทัวร์ยุโรป ไปเที่ยวประเทศไหนดี 1

ออสเตรีย (Austria)

เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ อันขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแสนสะอาดรายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา เป็นเมืองที่น่าอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาด มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไป เช่น

พระราชวังมรดกโลก-พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace)

สถานที่นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ถึงสองแห่ง คือ เขตเมืองเก่าใจกลางกรุงเวียนนา ปี ค.ศ. 2001 และพระราชวังเชินบรุนน์ ปี ค.ศ. 1996 ดินแดนแห่งปราสาทและตำนานลี้ลับ ตกแต่งพระราชวังสไตล์แบบรอคโคโคทั้งหมด (Schonbrunn Palace) แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับสเบิร์กแห่งออสเตรีย ชื่อ เชินบรุนน์ มีความหมายว่า น้ำพุอันสวยงาม เพราะด้วยแต่เดิมมีการผุดขึ้นของน้ำบาดาลที่อยู่รายล้อมพระราชวังแห่งนี้นั่นเอง ตรงบริเวณด้านหน้าพระราชวังเชินบรุนน์แสดงถึงความอลังการที่อยู่เบื้องหลังสวนดอกไม้นานาชนิด ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโอ่อ่าหรูหราจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ที่เดินทางแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงาม และความอลังการของพระราชวังแห่งนี้กันมาก หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนแประเทศออสเตรีย คุณจึงไม่ควรพลาดมาชม

จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางกรุงเวียนนา ผู้คนมากมายนิยมมาเที่ยวที่จัตุรัสแห่งนี้ เพราะเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen) สัญลักษณ์ของเมืองและสำคัญที่สุดของออสเตรีย ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่อ่อนช้อยงดงามมาก เป็นต้น

เบลเยี่ยม (Belgium)

ประเทศนี้ มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ประเทศเล็กๆแห่งนี้แสนสงบอากาศดี อุณหภูมิเฉลี่ย 5-18 องศาเซลเซียส ตลอดปี น่าไปชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ โดยเฉพาะ “กรุงบรัสเซลส์” (Brussels) เมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสหภาพยุโรป มีความงามเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน จัตุรัสกรองด์ ปลาส (Grong Plas) สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียม อายุกว่า 400 ปี ถือเป็นจุดดึงดูดให้ทุกกรุ๊ปทัวร์มาเยือน เพราะสวยงามติดอันดับต้นๆ ของทวีปยุโรป เเวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่สถาปัตยกรรมเเบบบาร็อก, โกธิก เเละนีโอโกธิก เเต่ละอาคารที่โอบล้อม ล้วนสูงตระหง่านสง่างาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1983


เดนมาร์ก (Denmark)

โอบล้อมด้วยมหาสมุทร และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามมากมาย ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมสุดอลังการ ไม่ว่าจะเป็น อาทิเช่น

พระราชวังอะเมรินโบรก ที่ยิ่งใหญ่ เคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก อาคารเป็นสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ตรงกลางมีลานกว้างใหญ่แบบแปดเหลี่ยม ประดิษฐานอนุสาวรีย์ King Frederik V ประทับบนหลังม้า

พระราชวังโรเซนเบิร์ก กรุงโคเปนเฮเกนซึ่งเป็นงานสถาปัตยกรรมดัตส์เรเนสซอง อายุกว่า 400 ปี ด้านนอกโอบล้อมด้วยสวนคิงส์การ์เด้น


จัตุรัสซิตี้ฮอลล์ สถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยที่สุดของกรุงโคเปนเฮเกน และใกล้ๆ กัน ยังมี ถนนคนเดินสตรอยก์ (Stroget) แหล่งช้อปปิ้งที่ถูกยกให้เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในยุโรป

อังกฤษ (England)

ประเทศที่มีอิทธิพลต่อทวีปยุโรปมาตั้งแต่อดีตจวบจนมาถึงปัจจุบัน เสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรัก อังกฤษมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีธรรมชาติที่สวยงามพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham palace) ถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของโลกที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมความยิ่งใหญ่อลังการของที่นี่ เพราะนอกจากจะเป็นพระราชฐานที่มีชื่อเสียงที่สุดของบริเตน ยังเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และที่ทรงงานสุดหรูหราของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 เป็นพระราชฐานอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ นับตั้งแต่ค.ศ.1837 และยังเป็นศูนย์กลางของระบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญของอังกฤษ เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญไว้จัดงานสมาคมอันหรูหรา และจัดงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญของราชวงศ์อยู่เสมอ

หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์กลางกรุงลอนดอน อายุมากกว่า 150 ปี สูงเกือบ 100 เมตรมีหน้าปัดนาฬิกาทั้ง 4 ด้าน ระฆังด้านในหนักถึง 13 ตัน

สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) อนุสรณ์สถานที่สร้างความแปลกตาอันน่าอัศรรย์ มีกลุ่มแท่งหินมหึมา อายุมากกว่า 5,000 ปี เรียงเป็นวงกลม 2 วง ซ้อนกัน ช่างน่าทึ่ง และน่าไปสัมผัสด้วยตาตัวเองจริงๆ

ฝรั่งเศส (France)


พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา ภายในมีห้องถึง 700 ห้อง พร้อมจิตรกรรมและประติมากรรมประดับตกแต่ง ด้านนอกมีสวนแวร์ซายที่ยิ่งใหญ่ให้ถ่ายรูปที่ระลึก มีสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาโรค และรอคโคโค ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ผสานกับลวดลายอันอ่อนช้อยบรรจง มีขนาดพื้นที่ของพระราชวัง ทั้งหมด 800 เฮกการ์ (5,000 ไร่) โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ ได้แก่ The Palace, The Gardens, The Estate of Trianon และ The Park

พระราชวังฟงแตนโบล (Château de Fontainebleau) พระราชวังหลวงอันเก่าแก่และใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส มีสัญลักษณ์สำคัญ คือ บันไดเกือกม้าด้านหน้าพระราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่นโปเลียนได้บัญชาการรบเพื่อขยายแสนยานุภาพไปทั่วทวีปยุโรปและยังมีห้องเลี้ยงรับรองสุดหรูซึ่งเคยเป็นที่รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5


( รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จเยือนประทับที่พระราชวังฟงแตนโบล Château de Fontainebleau )
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สำหรับ 5 ประเทศในทวีปยุโรป แต่ละที่ล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป ใครที่สนใจรีบๆจองตั๋วทัวร์ยุโรปกันสักครั้งสิ ลองหาเวลาเดินทางมาชมสถานที่น่าอัศจรรย์สวยงาม และมีความอลังการ ดูใหญ๋โตหรูหราชวนชม ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพลาดการเดินทางมาเที่ยวยุโรป

ทัวร์หาดทรายสวยๆ ในญี่ปุ่น

ไปทัวร์ญี่ปุ่น ใครๆก็คงอยากไปท่องเที่ยวหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ ที่มีความสวยงามมองเห็นปะการังใต้น้ำ เป็นที่ชอบของบรรดาผู้ที่ชอบทำกิจกรรมดำน้ำดูปะการังแน่นอน เรามาจัดอันดับหาดทรายบนเกาะต่างๆที่สวยติดอันดับต้นในประเทศญี่ปุ่น และเราจะยกตัวอย่างแต่ละหาดมีความสวยงามอย่างไรบ้างไปชมกันเลย

อันดับเกาะ หรือหาดทรายที่สวยที่สุด ในประเทศญี่ปุ่น

Nishihama Beach (Hateruma Island, Okinawa)
Yonaha Maehama Beach (Miyako Island, Okinawa)
Kozamami Beach (Zamami, Okinawa)
Hatenohama Beach (Kume Island, Okinawa)
Aharen Beach (Tokashiki, Okinawa)
Kondoi Beach (Taketomi Island, Okinawa)
Sunayama Beach (Miyako Island, Okinawa)
Chirihama Nagisa Driveway (Hakui, Ishikawa)
Aragusuku Beach (Miyako Island, Okinawa)
Tatadohama Beach (Shimoda, Shizuoka)

Nishihama Beach (Hateruma Island, Okinawa)

เกาะฮาตารุมะ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะยาเอะยามะ และ เกาะอิริโอโมเตะ โดย

“หาดนิชิบามะ” ที่อยู่บนเกาะนี้ได้ติดอยู่ในอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และได้รับเลือกให้เป็นสุดยอดชายหาดในญี่ปุ่น

หาดนิชิบามะ เป็นชายหาดที่มีทะเลสีน้ำเงินสวย และน้ำทะเลใสมาก อีกทั้งยังมีหาดทรายสีขาวที่มีความยาวต่อเนื่องมากกว่า 1 กิโลเมตร

Yonaha Maehama Beach (Miyako Island, Okinawa)

เกาะมิยาโกะ (Miyako Island : 宮古島) ตั้งอยู่ห่างจากเกาะหลักโอกินาวาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 300 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที เกาะมิยาโกะเป็นหนึ่งในเกาะเล็กใหญ่ 8 เกาะที่เกิดจากการก่อตัวของแนวปะการัง

“สะพานอิราบุโอฮาชิ” (Irabu Bridge : 伊良部大橋) ที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะมิยาโกะและเกาะอิราบุ มีความยาวทั้งหมดเป็นระยะทาง 3,540 เมตร โดยหลังจากที่มีการเปิดสะพานเมื่อปี ค.ศ.2015 ก็ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นจำนวนมาก, “หาดโยนาฮะมาเอฮามะ” (Yonaha Maehama beach : 与那覇前浜ビーチ) ที่มีหาดทรายสีขาวทอดยาวเป็นระยะทางถึงประมาณ 7 กิโลเมตร, “ยาบิจิ” (Yabiji : 八重干瀬) สถานที่ซึ่งเกิดจากอะทอลล์ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และว่ากันว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นก็เป็นแหล่งดำน้ำลึกและดำน้ำตื้นยอดนิยม

Kozamami Beach (Zamami, Okinawa)

เกาะคุเมะ (久米島 / Kumejima) เป็นเกาะที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกประมาณ 100 กม. จากอำเภอเมืองนาฮะจังหวัดโอกินาว่า เกาะทั้งเกาะถูกกำหนดให้เป็นอุทยานธรรมชาติของจังหวัดอันเนื่องมาจากจุดชมวิวและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีแนวปะการังอยู่อาศัยและเติบโต นอกจากนี้ ยังมีชื่อเสียงในฐานะเกาะแห่งของอร่อยที่มีการผลิตสุรากลั่นอะวาโมริ รวมไปถึงของอร่อยอย่างเช่นอาหารทะเลสดและผลไม้เมืองร้อนด้วย

เกาะทาเคโทมิ (Taketomi) เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักจากที่ทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันเก่าแก่ ที่มีหาดทรายสีขาวอันแพรวพราว และบ้านเรือนท้องถิ่นแบบโอกินาว่าที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ที่มีประชากรราว 300 คน ซึ่งเกาะอันเงียบสงบ และแปลกตาแห่งนี้จึงมีความเป็นชนบทที่แตกต่างออกไปและไม่เหมือนกับสถานที่ที่คุณเคยได้ไปในเยือนที่โอกินาว่า บนเกาะนี้ นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นสวนที่ถูกแต่งแต้มด้วยดอกไม้อันงดงามจำนวนมาก และบ้านไม้บ้านหินที่มีเทพสีแดงคอยปกปักษ์รักษา ทัวร์ญี่ปุ่นที่ไปเยือนเกาะทาเคโทมินั้น จะเริ่มขึ้นหลังเรือออกเดินทางจากจุดนัดพบของคุณได้โดยจะใช้เวลาเดินทางราวๆประมาณ 10-15 นาที จากเกาะอิชิงากิ (Ishigaki)

เกาะทาเคโทมิ (Taketomi)

หาดโยนาฮะมาเอะฮามะ ถูกจัดอันดับว่าเป็นชายหาดที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น เป็นหาดที่มีสีสันสดใสที่ค่อยๆ ไล่ระดับจากทรายสีขาวบนชายหาดไปยังน้ำทะเลสีเขียวมรกตที่จะค่อยๆ กลายเป็นน้ำทะเลสีฟ้าครามไปทางเกาะคุริมะที่อยู่อีกฝั่งเป็นความสวยงามอันแสนวิเศษ ถูกกล่าวไว้ว่าเป็นหาดที่สวยที่สุดในซีกโลกตะวันออก และด้วยความยาวของชายหาดที่ยาวที่สุด ที่เกาะมิยาโกะนั้น คุณสามารถเล่นกิจกรรมทางน้ำต่างๆ เช่น เจ็ทสกี, บานาน่าโบ๊ท, พาราเซลลิ่ง ฯลฯ เกาะมิยาโกะถูกจัดอันดับอยู่ในอันดับต้นๆ ของอันดับชายหาดภายในประเทศจากรายการทีวี

เกาะนี้ มีสะพานที่อยู่เหนือทะเล ไม่ว่าทัศนียภาพใดก็แสนวิเศษ เป็นทัศนียภาพมากมายที่เห็นได้โดยขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลง และองศาของพระอาทิตย์ ฯลฯ ไม่เพียงข้ามไปยังเกาะทั้ง 5 ได้อย่างสะดวกเท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกันทัศนียภาพต่างๆ ด้วย

รีวิวการใช้งาน Card Point ก่อนออกทัวร์ญี่ปุ่น

ใครที่จะกำลงัจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องมีบัตรสะสมแต้มสุดคุ้มอย่าง d POINT CARD นั้นมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคุณจึงสามารถสมัครได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปีหรือค่าสมัครสมาชิก และหากคุณสมัครตอนนี้คุณจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายเลยนะคะ ใครที่ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกหรือยังไม่มี d POINT CARD ล่ะก็ครั้งนี้จะมาแนะนำวิธีการรับบัตรรวมไปถึงวิธีการใช้งานจริงเพื่อเพื่อนๆ

ก่อนที่คุณจะออกเดินทางไปทัวร์ญี่ปุ่น มีขั้นตอนการสมัครลงทะเบียน เพียง 3 นาที เท่านั้น

  • เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียนและกรอกพร้อมยืนยันอีเมล์ของคุณ
  • จากนั้นใส่ข้อมูลชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และประเทศที่คุณอาศัยอยู่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
  • คุณสามารถไปรับบัตร d POINT CARD ของจริงและเชื่อมโยงกับบัญชีของคุณได้อย่างง่ายดาย กับเคาน์เตอร์ DOCOMO ทุกที่หรือแม้แต่ในสนามบินก็ตาม มองหาสัญลักษณ์ตัวหนังสือสีแดงที่เขียนว่า “NTT DOCOMO” เท่านั้นเอง
  • เมื่อคุณไปถึงที่เคาน์เตอร์ DOCOMOแจ้งกับพนักงานว่าคุณ “ต้องการบัตร d POINT CARD ” เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้รับบัตรแข็งของจริงพร้อมกับขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับ d POINT CARD และคำอธิบายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของสมาชิกเพียบ
  • เมื่อคุณได้รับบัตรจริงเรียบร้อยแล้ว ใส่ข้อมูลสำคัญในการลงทะเบียนจำเป็นต้องใช้หมายเลข d POINT CARD Number และ Security Code ที่อยู่ด้านหลังบัตร เพราะฉะนั้น อย่าลืมเพิ่มหมายเลขสมาชิกบัตรของคุณไปยังหน้าสมาชิกผ่านทางเว็บไซต์ด้วย เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

 

หมายเหตุ

  • หากคุณสแกน QR Code จากกระดาษที่คุณได้รับไปยังหน้าเว็บไซต์แคมเปญล่ะก็คุณจะได้รับไปเลย 300 แต้มแบบฟรีๆ (ตัวอย่างตามภาพด้านล่าง)
  • สำหรับข้อมูล และสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษจากร้านค้าต่างๆ ที่คุณสะสมแต้ม d POINT ได้ด้วย
  • ลงทะเบียนเป็น d POINT CLUB ล่ะก็จะยังได้รับสินค้าที่มีจำนวนจำกัดอย่าง POiNCO BROTHERS เป็นของขวัญฟรีๆ จำนวนทั้งสิ้น 1 ชิ้น
  • เมื่อคุณมีบัตร d POINT CLUB คุณสามารถใช้ Wi-Fi Free 1 Day จาก “docomo Wi-Fi” ได้ทั่วญี่ปุ่นอีกด้วย แถมยังได้รับส่วนลดจากโรงแรมที่พักถึง 15 %

( ตัวอย่าง : สิทธิประโยชน์ และสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ได้จากบัตร d POINT CARD )

เมื่อทานไอศกรีมที่ร้าน Cold Stone : POINT 1 แต้มนั้นมีมูลค่า 1 เยน

หากเพื่อนๆไปรับบัตร d POINT CARD ล่ะก็จะได้แต้มถึง 300 คะแนน

ภาพร้านค้าที่เข้าร่วมรายการกับ บัตร d POINT CARD

อย่าลืม เข้าร่วมบริการดีๆแบบนี้ก่อนเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นกันนะค่ะ เพราะมันคุ้มค่าจริงๆ ถือเป็นบัตรที่ให้ประโยชน์ครบครัน แค่เพียงใช้บัตรเดียวก็เที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจแล้ว

เทศกาลประจำฤดูใบไม้ผลิ “โจซังเคออนเซ็น เคริวโคอิโนโบริ”

เข้าสู่ปีที่ 33 แล้วสำหรับเทศกาลประจำฤดูใบไม้ผลิ “โจซังเคออนเซ็น เคริวโคอิโนโบริ”

ย้อนไปเมื่อปีโชวะที่ 62 (ค.ศ. 1987) เทศกาล “เคริวโคอิโนโบริ” นี้เริ่มต้นขึ้นเพื่อให้เป็นหนึ่งในความทรงจำของเมืองออนเซ็น โดยจะจัดในช่วงโกลเด้นวีคหรือช่วงวันเด็กผู้ชาย ที่ยังคงมีหิมะหลงเหลืออยู่และเป็นช่วงที่ซากุระกำลังเข้าสู่ช่วงบานเต็มที่

เราจะได้เห็นธงปลาคาร์พทั้งขนาดเล็กและขาดใหญ่สุดตระการตามากกว่า 400 ตัวแหวกว่ายด้วยสายลมที่พัดผ่านอยู่เหนือแม่น้ำโทโยฮิระ

อย่าลืมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระสวย ๆ ที่บานสะพรั่งที่โจซังเคกันนะ

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก >

Winter Promotion จองทัวร์ “ญี่ปุ่น-ยุโรป” เดือนธันวาคม ลดพิเศษ 2,OOO

55 Promotion Website Deal Of The Month Oct L

55 Promotion Website Deal Of The Month Oct Header


จอง…ทัวร์ “ญี่ปุ่น – ยุโรป” เดือนธันวาคม ลดพิเศษ 2,OOO บาท/ท่าน

  • ถ้าลูกค้าเป็นสมาชิก (Member) สามารถใช้คะแนนมาลดเพิ่มได้ *สามารถโทรเช็คคะแนนกับเจ้าหน้าที่ได้ที่หมายเลข 02-612-8500
  • พิเศษ โปรโมชั่นนี้สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นบัตรเครดิตของ UOB และ SCB ได้ แบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืน (Cash Back)
  • กรุณาเช็คสิทธิ์ ก่อนทำการจองกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง

โปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ระยะเวลาในการจอง : 1 – 10 ตุลาคม 2562 เท่านั้น

โปรแกรมที่ร่วมรายการส่วนลดทั้งหมด

ยุโรป

  1. E01_5 : EAST EUROPE 10D7N เดินทาง 5-14 ธ.ค. 62 ราคา 97,900
  2. E01_6 : EAST EUROPE 10D7N (New Year) เดินทาง 29 ธ.ค. 62 – 7 ม.ค. 63 ราคา 92,900
  3. E02_4 : SUPER HITZ 10D7N เดินทาง 5-14 ธ.ค. 62 ราคา 108,900
  4. E02_5 : SUPER HITZ 10D7N (New Year) เดินทาง 24 ธ.ค. 62 – 2 ม.ค. 63 ราคา 111,900
  5. E04_4 : GRAND SWITZERLAND 9D6N เดินทาง 7-15 ธ.ค. 62 ราคา 106,900
  6. E04_3 : GRAND SWITZERLAND 9D6N (New Year) เดินทาง 27 ธ.ค. 62 – 4 ม.ค. 63 ราคา 105,900
  7. E05_2 : GERMANY CZECH AUSTRIA 7D4N (New Year) เดินทาง เดินทาง 29 ธ.ค. 62 – 4 ม.ค. 63 ราคา 69,900
  8. E09_8 : CHARMING TURKEY 9D6N เดินทาง 7-15, 22-30 ธ.ค. 62 ราคา 49,900
  9. E10_4 : BEST OF ENGLAND 8D5N (New Year) เดินทาง 29 ธ.ค. 62 – 5 ม.ค. 63 ราคา 91,900
  10. E12_1 : FRANCE BELGIUM NETHERLAND GERMANY 8D5N เดินทาง21-28 ธ.ค. 62 ราคา 79,900
  11. E13_1 : ICELAND NORTHERN LIGHT 8D5N เดินทาง 6-13, 13-20 ธ.ค. 62 ราคา 124,900

ญี่ปุ่น

  1. J01_18 : FIRST TOUCH NEW YEAR CELEBRATION 7D4N เดินทาง 28 ธ.ค. 62 – 3 ม.ค. 63 ราคา 63,900
  2. J01_19 : FIRST TOUCH 7D5N เดินทาง 4-10 ธ.ค. 62 ราคา 61,900
  3. J01_20 : FIRST TOUCH 7D5N เดินทาง 9-15 ธ.ค. 62 ราคา 57,900
  4. J02_20 : FIRST TOUCH 6D4N เดินทาง 5-10 ธ.ค. 62 ราคา 53,900
  5. J02_21 : FIRST TOUCH NEW YEAR CELEBRATE 6D4N เดินทาง 31 ธ.ค. 62 – 5 ม.ค. 63 ราคา 67,900
  6. J03_15 : TOKYO SNOW LAND NEW YEAR CELEBRATE 7D5N เดินทาง 30 ธ.ค. 62 – 5 ม.ค. 63 ราคา 74,500
  7. J04_8 : SAPPORO FURANO SKI RESORT 6D4N เดินทาง 5-10 ธ.ค. 62 ราคา 55,900
  8. J05_14 : TAKAYAMA HERITAGE 6D4N เดินทาง 3-8 ธ.ค. 62 ราคา 55,900
  9. J05_15 : TAKAYAMA NEW YEAR CELEBRATE 6D4N เดินทาง 26-31 ธ.ค. 62 ราคา 70,900
  10. J05_16 : TAKAYAMA KANSAI NEW YEAR CELEBRATION 6D4N เดินทาง 29 ธ.ค. 62 – 3 ม.ค. 63 ราคา 70,900
  11. J05_17 : TAKAYAMA KUSATSU NEW YEAR CELEBRATE DAY FLIGHT 7D6N เดินทาง 28 ธ.ค. 62 -3 ม.ค. 63 ราคา 80,900
  12. J06_6 : KANSAI NEW YEAR CELEBRATE 6D4N เดินทาง 26-31 ธ.ค. 62 ราคา 64,900
  13. J06_7 : KANSAI NEW YEAR CELEBRATE 6D4N เดินทาง 31 ธ.ค. 62 – 5 ม.ค. 63 ราคา 64,900
  14. J06_9 : NAGOYA KANSAI 6D4N เดินทาง 5-10 ธ.ค. 62 ราคา 39,900
  15. J07_11 : KYUSHU KAGOSHIMA 7D5N เดินทาง 4-10 ธ.ค. 62 ราคา 68,900
  16. J07_12 : REAL KYUSHU 6D4N เดินทาง 4-9 ธ.ค. 62 ราคา 58,900
  17. J07_13 : KYUSHU NEW YEAR COUNTDOWN 6D4N เดินทาง 30 ธ.ค. 62 – 4 ม.ค. 63 ราคา 72,900
  18. J07_14 : KYUSHU NEW YEAR CELEBRATE 6D4N เดินทาง 26-31 ธ.ค. 62 ราคา 75,900
  19. J09_1 : BEST 3 ONSEN 8D6N เดินทาง 3-10 ธ.ค. 62 ราคา 73,900
  20. J10_19 : FIRST TOUCH THEME PARK 7D5N เดินทาง 4-10 ธ.ค. 62 ราคา 59,900
  21. J10_20 : FIRST TOUCH THEME PARK 7D5N เดินทาง 9-15 ธ.ค. 62 ราคา 59,900

เงื่อนไขการจอง**

  • จองพร้อมชำระมัดจำจึงจะได้รับโปรโมชั่นนี้ (หลังส่งเอกสารการจองไม่เกิน 3 วัน ต้องรบกวนชำระมัดจำเพื่อยืนยันสิทธิ์การรับโปรโมชั่น)
  • จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้า 10 ท่านแรกของกรุ๊ปเท่านั้น
  • ส่วนลดเฉพาะโปรแกรมทัวร์ที่ร่วมรายการเท่านั้น
  • โปรโมชั่นนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆ ของบริษัทได้ แต่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่มีอยู่ได้ตามปกติ (UOB,SCB)
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด**
  • สอบถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม โทร. 02 612 8500

ดูทัวร์ที่ร่วมรายการทั้งหมด คลิก ▷ ทัวร์ญี่ปุ่น – ยุโรป ลดพิเศษ 2,OOO

 

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝันกับ 5 เมืองสุดโรแมนติก

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝันกับ 5 เมืองสุดโรแมนติก

“เมื่อเอ่ยถึง สวิตเซอร์แลนด์ น่าจะเป็นประเทศยุโรปในฝันอันดับต้นๆ ของหลายคน เพราะมีทิวทัศน์และบรรยากาศที่สวยงาม เต็มไปด้วยเทือกเขาสูงใหญ่ อย่างมัทเทอร์ฮอร์น รวมทั้งกิจกรรมในการท่องเที่ยวก็หลากหลาย ทั้งล่องเรือ นั่งกระเช้าขึ้นยอดเขา นั่งรถไฟท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก และเมืองเก่าที่บรรยากาศราวกับอยู่ในดินแดนแห่งเทพนิยาย ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เลยทำให้สวิสเป็นประเทศยุโรปในฝันที่ใครก็อยากไปเยือนให้ได้สักครั้ง”

ครั้งนี้ เราเลยได้รวบรวม 5 เมืองน่าเที่ยวของสวิสมาให้ทุกคนได้ชมกันว่าจะมีเมืองไหนน่าไปบ้าง ไปดูกันเลย

1. มงเทรอซ์ เมืองปราสาทสวยริมทะเลสาบ

“ปราสาทเชียง” ปราสาทที่สวยที่สุดของสวิส

ที่นี่เป็นเมืองพักตากอากาศขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไรนัก ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ซึ่งเมืองนี้มีปราสาทที่สวยมากๆ อยู่ใกล้ๆ ชื่อ ปราสาทเชียง เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังและสวยงามมากๆแห่งหนึ่งเลย ตัวปราสาทมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีลักษณะพิเศษตรงที่สร้างลงไปในทะเลสาบเจนีวา โดยมีสะพานเชื่อมกับชายฝั่ง และยังเป็นปราสาทที่มีชาวสวิสนิยมเข้าชมมากที่สุดอีกด้วย


2. อินเทอร์ลาเก้น เมืองแห่งภูเขาและทะเลสาบ

“สะพานสองทะเลสาบ” จุดชมวิวที่ใกล้กับเมืองอินเทอร์ลาเก้น

อินเทอร์ลาเก้น เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของสองทะเลสาบ โดยมีแม่น้ำอาเร ไหลผ่านจากทะเลสาบ Brienz ไปทะเลสาบ Thun ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ 5,000 คน และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของสวิสอีกด้วย

ซึ่งเมืองนี้ก็เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเพราะเมืองนี้เป็นที่ตั้งของสถานีทางผ่านที่ขึ้นไปยังยอดเขาจุงเฟรา ยอดสถานีที่สูงที่สุดของยุโรป และยังเป็นเส้นทางที่มีธรรมชาติสวยงามในทุกช่วงฤดูเลย

นอกจากสถานีรถไฟไปยังยอดเขาจุงเฟราแล้ว เมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง รวมทั้งกิจกรรมที่ให้อารมณ์ผ่อนคลายของนักท่องเที่ยวอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น เดินเล่นย่านเมืองเก่า ล่องเรือชมทะเลสาบ Thun และ ฺBrienz หรือจะนั่งรถไฟเที่ยวไปตามยอดเขาที่สวยงามต่างๆ


3. ลูเซิร์น เมืองแห่งการท่องเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์

ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดของสวิสเลย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องมาแวะที่เมืองนี้ก่อนเสมอ รวมถึงที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น Tilis, Pilatus และ Rigi นอกจากนี้ในเมืองก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองอย่าง สะพานไม้ชาเปลและหอคอยกลางน้ำ กำแพงเมืองเก่า ถนนช้อปปิ้ง และวิหารที่สวยงามอีกหลายแห่งด้วยกัน

“สะพานไม้ชาเปล” สัญลักลักษณ์แห่งเมืองลูเซิร์น

วิวเมืองลูเซิร์น

กระเช้าขึ้นยอดเขา Tilis ชมวิวแบบ 360 องศา

4. เซอร์แมท เมืองเล็กๆที่แสนโรแมนติก

62 Zermatt Spring

เซอร์แมท หมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขาลึกของสวิส ซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขามัทเทอร์ฮอร์น เป็นเมืองที่อยู่ค่อนข้างไกลมากๆ และเป็นเมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชอบความเงียบสงบ และต้องการสัมผัสบรรยากาศของ มัทเทอร์ฮอร์น แบบเต็มอิ่ม

 

ซึ่งเมืองแห่งนี้มีทั้งสถานีรถไฟ กระเช้า สำหรับการเดินทางขึ้นไปชมความสวยงามของมัทเทอร์ฮอร์น นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ถนนสายช้อปปิ้ง และสีสอร์ทสวยๆให้เราได้เลือกใช้บริการกันอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของเมืองนี้เราก็สามารถมองเห็นยอดเขา มัทเทอร์ฮอร์น ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 8 กม. ได้อย่างชัดเจน

ส่วนการเดินทางของเมืองนี้รถยนต์ส่วนบุคคลจะสามารถเข้าไปได้แค่เมือง Tasch เท่านั้น ซึ่งจะมีจุดจอดรถให้นักท่องเที่ยวและต้องใช้บริการรถสาธารณะเข้าไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดการวิ่งของรถยนต์ในเมือง หรือ ที่เรียกว่า car-free town นั่นเอง


5. Locarno เมืองแห่งเทศกาลหนังริมทะเลสาบ

เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ อิตาลี เมืองนี้จึงได้รับอิทธิพลมาจากอิตาลีเล็กน้อย และเมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่สำคัญอย่างพระแม่มารีด้วย ซึ่งมีความสวยงาม และเป็นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ

โบสถ์พระแม่มารี Madonna del Sasso

เมืองนี้ถือว่าเป็นสถานที่พักตากอากาศริมทะเลสาบชั้นดีและมีอากาศที่อุ่นสบาย และยังถือว่าเป็นที่รู้จักกันในเทศกาลภาพยนตร์ที่โด่งดัง ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของทุกปี (ช่วงสิงหาคม) โดยมีการฉายหนังที่โรงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถจุคนเข้าชมได้ถึง 8,000 คนเลยทีเดียว

จตุรัส Piazza Grande ที่จัดเทศกาลหนัง

9 ข้อที่ควรรู้…ก่อนไปอิตาลี

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี


ก่อนที่เราจะเดินทางท่องเที่ยวประเทศยุโรปนั้นอย่างน้อยเราก็ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของประเทศที่เราจะไปก่อนเสมอว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนน่าสนใจบ้าง ผู้คนเป็นยังไง มีเรื่องอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษไหม ที่สำคัญเพื่อความสนุกสนานและราบรื่นในการเดินทางตลอดทริปนั้นๆ ของเรา

วันนี้เลยลองนำ 9 เรื่องที่ต้องรู้ของประเทศอิตาลีมาให้ดูกันว่ามีเรื่องอะไรที่เราควรรู้เป็นพื้นฐานก่อนจะออกเดินทางบ้าง ไปดูกันเลย ..

1. คนอิตาลีใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

อิตาลีเป็นประเทศทางยุโรปที่มีรถไฟครอบคลุมทั่วประเทศ จึงทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนนั้นสะดวกมากๆ ซึ่งรถไฟนั้นก็มีให้เราได้เลือกขึ้น 2 แบบ คือ

รถไฟท้องถิ่น รถไฟประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องจองตั๋วล่วงหน้าเลย สามารถไปซื้อตั๋วได้ในระยะเวลาใกล้ๆ เพราะราคาเท่ากัน โดยตั๋วจะมีอายุ 3 เดือน หลังจากที่เราซื้อ ก่อนจะขึ้นรถไฟต้องนำตั๋วไปตอกบัตรก่อนใช้ทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นจะโดนปรับหากเจ้าหน้าที่ตรวจเจอ

รถไฟความเร็วสูง เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใหญ่ๆ เช่น โรม มิลาน ฟลอเรนซ์ เวนิส ควรจองตั๋วล่วงหน้าเพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่า และควรจองที่นั่งด้วยเพราะเป็นรถไฟที่ได้รับนิยมมากๆ มีคนจำนวนมากรวมถึงนักท่องเที่ยวที่ใช้เดินทางข้ามเมืองเป็นจำนวนมาก


2. ห้องน้ำสาธารณะในอิตาลีหายาก

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

วิธีที่ดีที่สุดคือเข้าในร้านคาเฟ่หรือร้านอาหาร หรือตามพิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ ที่มีห้องน้ำให้ใช้บริการฟรี สำหรับสาวๆ ควรพกทิชชู่เปียกไว้เช็ดที่รองนั่งด้วยนะจ๊ะ เพราะห้องน้ำบางแห่งไม่มีที่รองนั่งให้


3. ควรข้ามถนนตรงสัญญาณไฟแดง หรือทางม้าลายเท่านั้น

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

เพราะคนอิตาลีขับรถค่อนข้างใจร้อนมาก ดูรีบเร่ง และบีบแตรใส่กันบ่อยๆ ดังนั้นต่อให้ข้ามถนนบนทางม้าลายหรือตรงสัญญาณไฟแดงก็ควรดูให้ดีก่อน เพราะชอบมีรถยนต์ชอบฝ่าไฟแดงอยู่บ่อยครั้ง


4. ก่อนซื้อกาแฟต้องเช็คราคาให้ดี

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

คนอิตาลีชอบดื่มกาแฟกันเป็นชีวิตจิตใจเลย และดื่มได้ทุกเวลา ถ้าสั่ง “Coffee” จะได้กาแฟเอสเพรสโซ่แก้วเล็กๆ แต่ถ้าอยากลองทานกาแฟชนิดอื่นต้องระบุให้ชัดเจน และควรดูราคาก่อนสั่งกาแฟด้วยเสมอเพราะบ้านร้านใหญ่ๆ ทำเลดีๆ ราคาค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ขายประมาณแก้วละ 5 ยูโร เลย ราคาปกติของกาแฟตกแก้วละ 1-2 ยูโร เท่านั้นเอง


5. น้ำดื่มเป็นสิ่งจำเป็น

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

ปกติแล้วร้านค้าทั่วไปจะขายน้ำดื่มอยู่ที่ 1-2 ยูโร ส่วนน้ำอัดลมและน้ำผลไม้จะอยู่ที่ 2-3 ยูโร ถ้าต้องการประหยัดให้ซื้อน้ำขวดใหญ่ไว้ที่โรงแรมแล้วแบ่งออกมาดื่มตอนเดินเที่ยว หรือจะรองน้ำดื่มจากน้ำพุตามแต่ละเมืองไว้ดื่มก็ได้เช่นกัน และเวลาซื้อน้ำควรอ่านฉลากดีๆ เพราะที่อิตาลีมีน้ำเปล่า 2 แบบ คือ นำแร่ธรรมชาติ และน้ำโซดาอัดแก๊ส


6. ร้าน Tabacchi ร้านสารพัดประโยชน์ที่มีของจำเป็นขาย

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

เช่น บัตรรถบัส ตั๋วรถไฟ น้ำ ของที่ระลึก และแผนที่ต่างๆ


7. โบสถ์ทุกแห่งในกรุงโรมสามารถเข้าชมได้ฟรี

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

โบสถ์ทุกแห่งในกรุงโรมสามารถเข้าชมได้ฟรี รวมทั้งมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ที่กรุงวาติกันด้วย ส่วนโบสถ์ในเมืองอื่นๆบางแห่งก็เสียค่าเข้าชมอย่างเช่น ในเมืองฟลอเรนซ์ และควรอ่านข้อมูลล่วงหน้ามาก่อนว่าด้านในมีอะไรให้ชมบ้าง ก่อนเสียเงินซื้อบัตรเข้าชม เพราะว่าโบสถ์บางแห่งมีการตกแต่งที่เรียบง่าย ไม่ได้หรูหราเท่าโบสถ์ในกรุงโรม และที่สำคัญควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเช่นเดียวกับการไปวัดในบ้านเรา


8. เวลาทำการของร้านค้า

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

ร้านค้าย่อยส่วนใหญ่มักจะหยุดทำการในช่วง 13.00-15.00 น. เพราะว่าชาวอิตาลีจะมีการพักผ่อนช่วงบ่าย หลังเวลาอาหารและจะเปิดทำการปกติอีกทีในช่วงเย็น ส่วนวันอาทิตย์จะปิดทำการทั้งวันเลย


9. ระวังของมีค่า

 

9 ข้อที่ควรรู้...ก่อนไปอิตาลี

อิตาลีเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องขโจรขโมยมากๆ ดังนั้นเราควรเก็บของมีค่าไว้ให้ดี เวลาไปตามสถานที่ท่องเที่ยวที่คนเยอะๆ ควรเอากระเป๋ามาอุ้มไว้ด้านหน้าเพื่อความปลอดภัย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง แต่ก็ไม่ต้องกังวลจนมากเกินไปเพราะจะทำให้การเที่ยวไม่สนุกแค่ระวังไว้ก็พอ

และหวังว่า 9 ข้อนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลและเดินทางไปเที่ยวอิตาลีนะคะ

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย
ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย
ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

“ตุรกีคือตัวเลือกหนึ่งในประเทศที่หลายคนอยากไปอย่างแน่นอน เพราะเป็นประเทศที่มี 2 ทวีป ระหว่างยุโรป และเอเชีย ถ้าได้ไปยืนอยู่ในสถานที่แสนมหัศจรรย์อันมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าพันปี มันคงจะดีไม่น้อย

และที่พลาดไม่ได้คือกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น การขึ้นบอลลูน แช่น้ำแร่ อาบน้ำในโรงอาบน้ำแบบตุรกี เดินเล่นที่เมือง อิสตันบูล และกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ลองไปชมกันเลย…”

 

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

คัปปาโดเกีย

2 สิ่งที่พลาดไม่ได้จริงๆ เมื่อมาถึงที่แห่งนี้

“พักโรงแรมถ้ำ” แต่ละโรงแรมในบริเวณคัปปาโดเกีย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสไตล์โรงแรมถ้ำทั้งหมด ซึ่งจะมีบางส่วนที่เป็นถ้ำจริงๆ และที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง

“กิจกรรมขึ้นบอลลูน” ต้องบอกว่าที่แห่งนี้ เป็นจุดขึ้นบอลลูนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ซึ่งใครต่อใครที่มาที่นี่ ก็ล้วนแต่ต้องมาลองขึ้นบอลลูนชมวิวซักครั้งหนึ่งในชีวิต

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

“ปามุกคาเล่” หรือ ปราสาทปุยฝ้าย

มรดกโลกทางธรรมชาติของตุรกี ซึ่งเมื่อในสมัยก่อนชาวโรมันสร้างเมืองใกล้กับแหล่งน้ำแร่แห่งนี้เพื่อเป็นสถานที่พักตากอากาศ

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

ปราสาทอุชิซาร์

ปราสาทหินธรรมชาติขนาดใหญ่ แห่งคัปปาโดเกีย เต็มไปด้วยรู และโพลงขนาดเล็กคล้ายรังมด ดึงดูดผู้มาเยือนด้วยประวัติอันน่าสนใจและทิวทัศน์ตระการตา

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

โชว์ระบำหน้าท้อง

การแสดงที่หาชมได้ยากมากๆ มีเพียงไม่กี่แห่งบนโลก

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

นครโบราณเฮียราโปลิส

โรงละคร ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเฮียราโพลิส จุคนได้ประมาณ 12,000 คน อยู่ใกล้ๆกับปราสาทปุยฝ้าย

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

เอฟิซัส

เมืองมรดกโลกโบราณ ซึ่งสมัยโรมัน เอฟิซัสเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจักรวรรดิโรมันรองจากโรมที่เป็นเมืองหลวง

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

วิหารอโครโพลิส

ขึ้นชมมหาวิหารโบราณอโครโพลิส ด้วยการนั่งกระเช้า

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

อิสตันบูล

เมืองแห่งประวัตศาสตร์อันยาวนาน ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น สุเหร่าสีน้ำเงิน ฮายาโซเฟีย พระราชวังต่างๆ และตลาดชื่อดังอย่างสไปซ์และแกรนด์บาซาร์

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

สไปซ์ บาซาร์

แหล่งช้อปปิ้งของเมืองอิสตันบูล ที่มีสินค้ามากมาย อย่างขนมชื่อดังต่างๆ เครื่องเทศ กาแฟ สบู่ ของที่ระลึกมากมาย

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

ล่องเรือช่องแคปบอสฟอรัส

เป็นช่องแคบระหว่างทวีปยุโรป และเอเชีย นั่งเรือพร้อมทานอาหาร จิบไวน์ ชมวิวสองข้างทาง เป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดอย่างมาก เมื่อมาอิสตันบูล

 

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

Evil Eye

เครื่องรางชื่อดังของชาวตุรกี เชื่อกันว่าช่วยขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกจากตัว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะซื้อเครื่องรางนี้ไปฝากคนที่รัก เพื่อกันสิ่งไม่ดี

ทัวร์ตุรกี..ดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลีย

ขนมชื่อดัง “เตอร์กิชดีไลท์”

เมื่อไปตุรกีทั้งที ต้องไปลองขนมหวาน เตอร์กิชดีไลท์ โดยปกติแล้ว คนตุรกีมักนิยมทานกับชาหรือกาแฟ

โปรโมชั่น DEAL OF THE MONTH ประจำเดือนพฤษภาคม


 

  • จอง…ทัวร์ญี่ปุ่น “ฮอกไกโด ลาเวนเดอร์” ลดเลย 2,5OO บาท/ท่าน และสำหรับลูกค้าที่ จอง 4 ท่านขึ้นไป ลดเพิ่มอีกท่านละ 500 (เฉพาะโปรแกรมที่ร่วมรายการเท่านั้น)
  • จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้า 10 ท่านแรกของกรุ๊ปเท่านั้น
  • ลูกค้าที่สนใจรับโปรโมชั่นนี้ **ต้องจองและชำระมัดจำภายในวันที่ 2-17 พฤษภาคม เท่านั้น
  • พิเศษ โปรโมชั่นนี้สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นบัตรเครดิตของ UOB และ SCB ได้ แบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืน (Cash Back)
  • ฟรี เมื่อลูกค้าชำระค่าทัวร์ผ่านบัตรเครดิต UOB ยอดชำระ 20,000 บาทขึ้นไป รับกระเป๋าเดินทางมูลค่า 590 บาท หรือ ผ่อนชำระตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไปรับกระเป๋าล้อลาก มูลค่า 3,900 บาท (กระเป๋ามีจำนวนจำกัด)
  • กรุณาเช็คสิทธิ์ ก่อนทำการจองกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง

โปรแกรมที่ร่วมรายการ

  1. J14_1 : SAPPORO LAVENDER 6D4D เดินทาง 2-7 ก.ค. 62 ราคา 58,900 รายละเอียดทัวร์ คลิก >>
  2. J14_4 : SAPPORO LAVENDER 6D4D เดินทาง 11-16 ก.ค. 62 ราคา 59,900 รายละเอียดทัวร์ คลิก
  3. J14_6 : SAPPORO LAVENDER 6D4D เดินทาง 16-21 ก.ค. 62 ราคา 59,900 รายละเอียดทัวร์ คลิก
  4. J14_7 : SAPPORO LAVENDER 6D4D เดินทาง 20-25 ก.ค. 62 ราคา 55,900 รายละเอียดทัวร์ คลิก
  5. J14_8 : SAPPORO LAVENDER 6D4D เดินทาง 27 ก.ค. – 1 ส.ค. 62 ราคา 56,900 รายละเอียดทัวร์ คลิก
  6. J14_9 : SAPPORO LAVENDER 6D4D เดินทาง 7-12 ส.ค. 62 ราคา 56,900 รายละเอียดทัวร์ คลิก

ระยะเวลาการรับสิทธิ์ : 2-17 พฤษภาคม 2562 เท่านั้น

เงื่อนไขการรับโปรโมชั่น

  • จำกัดสิทธิ์ 10 ท่านแรก/กรุ๊ป
  • จองพร้อมชำระมัดจำจึงจะได้รับโปรโมชั่นนี้
  • หลังส่งเอกสารการจองไม่เกิน 3 วัน ต้องชำระมัดจำเพื่อยืนยันสิทธิ์การรับโปรโมชั่น
  • โปรโมชั่นนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆ ของบริษัทได้ แต่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่มีอยู่ได้ตามปกติ (UOB,SCB)
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด**
  • สอบถามเจ้าหน้าที่ โทร 02 612 8500

5 สวนสนุกของญี่ปุ่น

ใครที่มาทัวร์ญี่ปุ่นแล้วไม่ได้แวะสวนสนุกเหล่านี้ ถือว่าคุณมาไม่ถึงญี่ปุ่นจริงๆ สวนสนุกน่าจะเป็นเป้าหมายของคนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นหลายๆคน เพราะญี่ปุ่นมีสวนสนุกระดับโลกหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป นี่คือ สวนสนุก 5 แห่งในญี่ปุ่นที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกันสักครั้ง จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย

1. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ แจแปน (Universal Studio Japan) เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของภาพยนตร์ยอดนิยมระดับโลกพร้อมเครื่องเล่นมากมายที่เหมาะกับมาสนุกสนานกับเพื่อนและครอบครัว โดยเฉพาะโซน Harry Potter ที่จะพาทุกคนเข้าไปสัมผัสกับโลกเวทมนตร์สุดอลังการ นอกจากนี้ยังมีโซนอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น Jurassic Park, Minion รวมถึงขบวนพาเหรดการ์ตูนดังที่ยิ่งใหญ่ในแต่ละวันอีกด้วย

2. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) เป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสแล้วต้องบอกว่าเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนการที่จะทำให้ลืมโลกความเป็นจริงไปได้เลย เป็นสวนสนุกที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายทั้งขบวนพาเหรดตัวการ์ตูนดิสนีย์ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของกิน ขนม และเครื่องดื่มในธีมดิสนีย์ แตละอย่างน่ารักมาก

3. โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo Disney Sea) เป็นสวนสนุกที่เป็นส่วนต่อขยายของโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท ตั้งอยู่ติดกับโตเกียวดิสนีย์แลนด์ โดยแนวคิดของสวนสนุกแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทพนิยายและตำนานเกี่ยวกับท้องทะเลต่างๆ โดยโซนต่างๆในดิสนีย์ซีจึงเกี่ยวกับน้ำ และส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนต์ดิสนีย์ที่เกี่ยวกับทะเล เช่น Finding Nemo หรือ Little Mermaid เป็นต้น

4. ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เป็นสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นสไตล์ตื่นเต้นและหวาดเสียว ที่นี่มีเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะเป็นจำนวนมาก เช่นรถไฟเหาะขนาดยักษ์ “Fujiyama” ความสูง 79 เมตรและความเร็วสูงสุด 130 ก.ม./ช.ม หรือจะเป็นรถไฟเหาะที่ทำมุมสูงชันที่สุดในโลกถึง 121 องศาอย่าง “Takabisha” อีกทั้งยังมีความสูงถึง 43 เมตร ความเร็วสูงสุด 100 ก.ม./ช.ม. เป็นต้น ไฮไลท์อีกอย่างของสวนสนุกแห่งนี้ก็คือ ความตื่นเต้นหวาดเสียวที่มีวิวสวยระดับโลกอย่างภูเขาฟูจิเป็นฉากหลัง ซึ่งอาจจะทำให้ช่วยคลายความตื่นเต้นไปได้บ้าง

5. ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland) สวนสนุกที่สุดท้ายที่ไปทัวร์ญี่ปุ่นต้องไปเป็นสวนสนุกที่คนรักซานริโอไม่ควรพลาด เพราะภายในสวนสนุกแห่งนี้ก็คือโลกของเหล่าตัวการ์ตูนซานริโอที่น่ารักอย่างฮัลโหล คิตตี้, มาย เมโลดี้, กุเดทามะ, ซินนาม่อนโรล และตัวการ์ตูนขวัญใจคนทั่วโลกอื่นๆอีกมากมาย ที่นี่เป็นสวนสนุกแบบในร่ม 4 ชั้น ที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ในทุกฤดูและเหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่มากันแบบครอบครัว เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นใต้ดิน และไฮไลท์อีกอย่างก็คือร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกทั้งหลายที่ตกแต่งในธีมซานริโอ พร้อมมุมถ่ายภาพสวยๆที่หลายๆคนชื่นชอบ นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดตัวการ์ตูน มาสคอตตัวการ์ตูนฮัลโหลคิตตี้ที่สามารถต่อแถวถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกได้ด้วย

เที่ยวหมู่บ้านสายรุ้ง และ หมู่บ้านศาจ ที่เมืองไทจง

หมู่บ้านหมู่บ้านสายรุ้ง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Rainbow Village เป็นหมุ่บ้านการ์ตูนหลากหลายสีที่วาดลวดลายตามบ้านเรือน ฝาผนัง หมู่บ้านนี้เคยที่อยู่อาศัยของทหาร หรือผู้ลี้ภัย มีนายทหารเก่าเป็นผู้วาดภาพต่างๆขึ้นมาเมื่อมีคนเริ่มรู้จักสถานที่นี้และเดินทางไปเที่ยวกันมากขึ้น รัฐบาลไต้หวันจึงประกาศให้สถานที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อนุรักษ์ไว้ของเมืองไทจง

แม้ว่าพื้นที่ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากมีเหลืออยู่แค่ไม่กี่หลังแต่ก็เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของไต้หวันที่เฉพาะตัวไม่เหมือนกับที่ใดๆ โดยที่คุณ Huang Yung-Fu ยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ อากงฝู ที่วาดรูปเหล่านี้ และฟื้นคืนชีวิตหมู่บ้านนี้ให้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้เรามีที่เที่ยวใหม่ๆเพิ่มขึ้นเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่เราอยากแนะนำให้คุณได้ลองไปสัมผัส ความน่ารักของภาพวาดลวดลายต่างๆ กับหมู่บ้านสายรุ้งแห่งนี้

หมู่บ้านปีศาจซีโถ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจและน่าไปเยือนที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆสร้างเมื่อ ค.ศ.2011 มีการจำลอตลาดย้อนยุคสไตล์ญี่ปุ่น เช่น ร้านอาหาร ร้านขายขนมของฝาก ร้านจำหน่ายของที่ระลึก เป็นต้น อีกทั้งยังมีบริการเช่าชุดกิโมโนใส่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการอยากสัมผัสเสมือนได้อยู่ในเหตุการณ์สมัยนั้นยุคนั้นจริงๆอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเพลิดเพลิน และชมวิถีชีวิต พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนที่อาศัยในหมู่บ้านแห่งนี้

สร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 200,000 คนต่อเดือน แรงบันดาลใจในการสร้างนั้นมาจากช่วงเวลาที่ไต้หวันเคยตกเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นมาก่อน ที่มีบรรยากาศของไต้หวันจึงมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นผสมกับวัฒนธรรมจีนซึ่งรอบหมู่บ้านจะเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ของตกแต่งแบบญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นประตูสีแดงแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม,ศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน, รูปปั้นสีตว์ประหลาดญี่ปุ่น, หน้ากากญี่ปุ่นโบราณ และโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ทั่วหมู่บ้าน

รูปปั้นสัตว์ประหลาดญี่ปุ่น

ร้านจำหน่ายของที่ระลึก

ร้านอาหารมีให้เลือกหลายร้านภายในหมู่บ้านปีศาจ

ร้านขายขนมทานเล่น (เลียนแบบลูกตาปีศาจ) ของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว

(แผนที่ทั้งหมด : หมู่บ้านปีศาจ)

ภายในหมู่บ้านมีทั้งโรงแรมให้บริการ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านขายของที่ระลึกและคาเฟ่ และยังมีการทำอาหารและขนมให้ดูเป็นเมืองปีศาจน่ารัก เรียกได้ว่าเหมือนญี่ปุ่นตั้งอยู่ในซอยๆหนึ่งของไต้หวันเลยทีเดียว ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยากสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงจากสนามบินเถาหยวนไทเป นั่งรถไฟธรรมดาหรือนั่งรถบัสแล้วต่อไปยังรถบัสเมืองไถจงได้เลย

ที่มา : pantip

เอาใจคนรักดอกไม้ Hitachi Seaside Park

วันนี้ จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งเอาใจคนรักดอกไม้ คือ สวน Hitachi Seaside Park หรือสวนดอกไม้ริมทะเล ตั้งอยู่ที่เมืองฮิตาชินากา ของจังหวัดฮิบารากิ ถือว่าเป็นอีกที่หนึ่งเลยที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูป เพราะรุปที่ได้ออกมานั้นมีความสวยงามอย่างมาก เราจะได้รูปที่รายล้อมไปด้วยทุ่งดอกไม้นานาชนิด ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้จะยิ่งสวยเป็นพิเศษทำให้เหมือนเราอยู่ในดินแดนเทพนิยายเลยทีเดียว

( ทุ่งดอกนาร์ซิสซัส (Narcissus) เมืองฮิตาชินากา จังหวัดฮิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น )

สำหรับ Hitachi Seaside Park เป็นสวนดอกไม้ริมทะเลที่โด่งดังมากๆจนติดอันดับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่หนึ่งของเมืองฮิตาชินากาเลย เพราะในแต่ละฤดูจะมีดอกไม้บานไม่เหมือนกันซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ต้องไปเที่ยว ทัวร์ญี่ปุ่น สักหน่อย แล้วไปช่วงไหนจะเจอดอกไม้อะไรบ้าง เราจะพาทุกคนไปรู้จักกัน

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง กลางเดือนเมษายน) เป็นช่วงของนานาชนิดอยู่ จึงมีหลายสีสันสวยงามตามชนิด

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงกลางเดือน ถึง ปลายเดือนเมษายน) เป็นช่วงของทุ่งดอกทิวลิป ซึ่งจะบานต่อจากทุ่งดอกนาร์ซิสซัส จะมีดอกทิวลิปสีสวยงามเกือบ 200,000 กว่าต้นเลยทีเดียว ใครที่ชื่นชอบความงามของดอกทิวลิปต้องมาช่วงนี้ห้ามพลาดเลย

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงปลายเดือนเมษายน ถึง ปลายเดือนพฤษภาคม) เป็นช่วงของไฮไลท์ของที่นี้เลย คือ ทุ่งดอกเนโมฟีเลีย (Nemophila) หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม “Baby Blue Eyes” เพราะดอกเนโมฟีเลียนี้มีสีฟ้าสวยงาม บานต้อนรับทุกคนในช่วงนี้ ซึ่งขอบอกเลยว่าสวยจริงๆเหมือนเราหลงเข้ามาอยู่ในโลกนิยายท่วมกลางดอกเนโมฟีเลียที่โอบล้อมเราอย่างตระการตา

ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงปลายเดือนกันยายน ถึง กลางเดือนตุลาคม) เป็นอีกช่วงหนึ่งของไฮไลท์ที่นี้เลย นั้นก็คือ ทุ่งโคเชีย (Kochia) ที่เราจะเห็นเป็นพุ่มสีเขียวๆ นั้นจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ดั่งมีคนร่ายเวทมนต์เปลี่ยนสีใส่มันเลยทีเดียวจึงทำให้จุดๆนี้เองกลายเป็นที่นิยมมากสำหรับคนที่มาทัวร์ญี่ปุ่นแล้วแวะมาเที่ยวที่แห่งนี้

ค่าเข้าชม จะขึ้นอยุ่กับแต่ละวัย ผู้ใหญ่ ราคา 410 เยน / ผู้สูงอายุ ราคา 210 เยน / เด็ก ราคา 80 เยน สวนจะเปิดให้บริการให้ทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 09.30 – 17.00 น. (ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล) จะปิดทุกๆวันจันทร์ การเดินทางสามารถนั่งรถไฟ สาย Hitachinaka Kaihin Tetsudo มาลงที่สถานี Ajigaura Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาทีก็จะเจอกับสวน

ที่มา : travel.trueid.net