☘ แนะนำ 5 จุดชมดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิที่สวยที่สุดใน..ญี่ปุ่น ☘

แนะนำ 5 จุดชมดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิที่สวยที่สุดใน..ญี่ปุ่น
#ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ชมดอกไม้ #BabyBlueEyes #Pinkmoss #Wisteria #Tulip #ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม
☘ แนะนำ 5 จุดชมดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิที่สวยที่สุดใน..ญี่ปุ่น ☘

เที่ยวญี่ปุ่น เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิมาถึง..เป็นช่วงเวลาที่อากาศเย็นสบายมากๆ เหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวมากที่สุด ใบไม้ ดอกไม้ ก็เริ่มออกดอกให้เราได้ชมความงดงามกัน โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น เค้าปลูกดอกไม้กันอย่างจริงจังเป็นที่สุด จึงทำให้แต่ละพื้นที่มีการจัดเทศกาลชมดอกไม้นาๆ ชนิด ให้เราได้ชมกันอย่างหลากหลายเลยทีเดียว

ครั้งนี้ก็เลยลองคัด 5 สถานที่ๆเป็นไฮไลท์ที่สวยงามที่สุด เหมาะกับการไปเที่ยวชมในฤดูใบไม้ผลิมาให้ดูกันค่ะ ว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง ลองไปดูกันเลย >>

1. Baby Blue Eyes, สวน Hitachi Seaside Park

#ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ชมดอกไม้ #BabyBlueEyes #Pinkmoss #Wisteria #Tulip #ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม

#ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ชมดอกไม้ #BabyBlueEyes #Pinkmoss #Wisteria #Tulip #ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม

สวน Hitachi Seaside Park เป็นสวนดอกไม้ริมทะเลขนาดใหญ่มีพื้นที่ติดกับมหาสมุทแปซิฟิค เนื่องจากมีพื้นที่กว้างมาก ภายในสวนจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายโซน แต่โซนที่จะมาแนะนำในครั้งนี้คือ “มิฮาราชิ” ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปลายเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม ของทุกปี บริเวณนี้จะกลายเป็นทุ่งสีฟ้าอ่อนที่เต็มไปด้วยดอกนีโมฟีลาหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Baby Blue Eyes กว่า 4 ล้านต้น และยังเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากๆ เปรียบเป็นโลกแห่งสีฟ้าที่รวมดอกนีโมฟีลา ท้องฟ้าและท้องทะเลเอาไว้ด้วยกันเลย

2. Pink Moss, Fuji Shibazakura

#ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ชมดอกไม้ #BabyBlueEyes #Pinkmoss #Wisteria #Tulip #ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม

#ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ชมดอกไม้ #BabyBlueEyes #Pinkmoss #Wisteria #Tulip #ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม
เทศกาลชมดอก Fuji Shibazakura Matsuri หรือที่เรียกว่าเทศกาลชม ดอกพิงค์มอส ที่หลายๆ คนรู้จัก เป็นเทศกาลที่สวยและมีชื่อเสียงมากๆ อีกเทศกาลซึ่งจัดที่บริเวณเชิงเขาฟูจิ ในพื้นที่ของ Fuji Five Lakes ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เราจะได้ชมวิวฟูจิผ่านทุ่งกว้างที่แต่งแต้มไปด้วยดอกพิงค์มอสสีชมพูสดในกว่า 800,000 ดอก เลยทีเดียว ซึ่งปีนี้เทศกาลนี้จะจัดวันที่ 13 เมษายน – 26 พฤษภาคม นี้

3. Wisteria, Kawachi Fuji Garden

#ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ชมดอกไม้ #BabyBlueEyes #Pinkmoss #Wisteria #Tulip #ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม
สวนนี้ถูกยกให้เป็นจุดชมดอกวิสทีเรียที่มีมากถึง 22 สายพันธุ์เลยค่ะ ช่วงพีคของที่นี่คือช่วง ปลายเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปีด้วย และจุดเด่นที่น่าสนใจที่สุดของสวนนี้คือ อุโมงค์วิสทีเรีย สีม่วง สีชมพู สีขาว ที่ไล่เฉดสี ผลิบานกันอย่างสวยงามบริเวณทางเดินเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆน่าสนใจมากๆเลย

4. Wisteria, Ashikaga Flower Park

ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง Ashigawa เลย ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 90,000 ตารางเมตร สามารถเที่ยวชมได้ทุกฤดู (ยกเว้นฤดูหนาว) แต่ช่วงที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่กลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่จัดเทศกาลชมดอกวิสทีเรีย (The Tale of Fuji no hana) ทั่วทั้งสวนจะเต็มไปด้วยดอกวิสทีเรียหลากหลายสายพันธุ์ หลากสีสัน แข่งกันบานสพรั่งอย่างสวยงามมากๆ

5. Tulip, Kamiyubetsu Park


ภายในสวนทิวลิปแห่งนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายแห่งเลย ไม่ว่าจะเป็น กังหันลมสไตล์ฮอลแลนด์ที่เราสามารถขึ้นไปด้านบนได้, สตรีทออร์แกนที่บรรเลงเพลงสดๆ พร้อมทั้งมีบริการรถบัสวิ่งรอบสวน และโซนขายดอกไม้ที่มีให้เราสามารถเลือกซื้อกลับบ้านได้ นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับดอกทิวลิป รวมทั้งสินค้าพื้นเมืองของเมืองยูเบ็ทสึอีกด้วย

เช็ควันเดินทาง คลิก >>

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป


แนะนำ 10 เมืองสุดโรแมนติกในยุโรปว่ามีเมืองไหนน่าเที่ยวบ้าง ??

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

1. เซอร์แมท ทวีปยุโรป

เมืองชนบทเล็กๆ ในหุบเขาแอลป์ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองปลอดมลพิษโลก ตั้งอยู่บนความสูง 1,620 เมตร และยังเป็นเมืองที่ไม่ได้รับอนุญาตให้รถยนต์วิ่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาที่นี่ต้องโดยสารโดยรถไฟเท่านั้น ส่วนรถที่สามารถวิ่งได้ในเมืองนี้จึงเป็นรถประเภทรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ก่อให้เกิดมลพิษ (คือใช้แบตเตอรี่หรือไฟฟ้าแทนน้ำมัน) ที่สำคัญเป็นที่ตั้งของภูเขาที่สวยที่สุด อย่างมัทเทอร์ฮอร์น รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

2. มิวนิค ทวีปยุโรป

เมืองที่ได้ชื่อว่ามีเสน่ห์มากๆ มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สุดคลาสสิคตั้งอยู่มากมาย และยังเป็นเมืองที่มีอากาศดี สวยงาม จนกลายเป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

3. เมืองโคโลญจน์ ทวีปยุโรป

เมืองที่ได้ฉายาว่า “เมืองแห่งน้ำหอม” ซึ่งตั้งอยู่ 2 ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ มีบรรยากาศสุดโรแมนติก โดยเฉพาะย่านสะพาน Hohenzollern ระหว่างทางเดินข้ามสะพาน จะเห็นคู่รักต่างๆ นำกุญแจมาแขวนอย่างมากมาย แล้วโยนลูกกุญแจทิ้งลงไปใต้แม่น้ำ ด้วยความเชื่อว่าจะทำให้เกิดรักที่ยืนยาว รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

4. อัมสเตอร์ดัม ทวีปยุโรป

เมืองแห่งสายน้ำที่ทุกคนต้องรู้จักกันดีแห่งหนึ่งของโลก และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยลำคลองนับร้อยสาย และยังได้ฉายาว่าเป็นเมืองแห่งจักรยานอีกด้วย ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะใช้จักรยานในการเดินทางเป็นหลัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ให้บรรยากาศที่โรแมนติกมากๆ อีกหนึ่งแห่งของโลก รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

5. ฮัลชตัท ทวีปยุโรป

เป็นหมู่บ้านในแหล่งมรดกโลกซัลซ์คัมแมร์กุท ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบฮัลชตัททางตะวันตกเฉียงใต้ และยังเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของออสเตรีย รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

6. ปารีส ทวีปยุโรป

เมืองที่นักท่องเที่ยวหลายคนฝันไว้ว่าต้องไปสักครั้ง เพราะที่เที่ยวแต่ละที่มักมีเสน่ห์ และแฝงไปด้วยความโรแมนติก อย่างไอเฟล ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของกรุงปารีส ทวีปยุโรป รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

7. โรม ทวีปยุโรป

เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี เป้นเมืองที่แฝงไปด้วยเสน่ห์ทางสถาปัตยกรรมและเรื่องเล่าที่ดูน่าสนใจมากมาย รับรองไปแล้วทุกคนจะรักเมืองนี้อย่างแน่นอน รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

8. บาร์เซโลน่า ทวีปยุโรป

เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมที่แปลกตา และสวยงามดูแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ที่ผสมผสานความเป็นยุโรปได้อย่างลงตัวมากๆ รวมทั้งยังเป็นบ้านของสโมสรฟุตบอลทีมดังอย่าง บาร์เซโลนาอีกด้วย

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

9. เวนิส ทวีปยุโรป

เมืองที่เป็นหนึ่งในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน หรือเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ ที่เป็นมนต์เสน่ห์ของอิตาลี เพราะด้วยลักษณะคลองเล็กๆ ที่ไหลผ่านส่วนต่างๆ ของเมืองและการใช้เรือกอนโดลาสุดน่ารักในการเดินทาง มีสถาปัตยกรรมที่ดูคลาสสิก จึงทำให้เวนิสเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติกที่สุดในโลก และยังสามารถเที่ยวได้ทั้งปีอีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม

10 เมืองสุดโรแมนติกแดนยุโรป

10.เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทวีปยุโรป

เป็นเมืองที่มีศิลปะที่สวยงาม ดูล้ำค่า และเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ อันน่าจดจำ รวมกับบรรยากาศที่โรแมนติกผสมความเก่าแก่แบบล้ำๆ ทำให้เป็นเมืองที่น่าไปเยือดสุดๆ เลย

 

เที่ยวญี่ปุ่น พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2024

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019


แพลนเที่ยวญี่ปุ่น..ชมซากุระของปีนี้

ช่วงเวลาที่หลายๆ คนรอคอยก็ใกล้เข้ามาถึงแล้วกับช่วงเวลาของดอกซากุระที่จะเบ่งบานให้เราได้ชื่นชมความงดงามกันในปีนี้ ซึ่งในทุกๆ ปีกรมอุตุของญี่ปุ่นก็จะพยากรณ์ช่วงเวลาที่ซากุระบานให้เราได้ทราบ และวางแผนไปชมซากุระตามช่วงเวลาดังกล่าว

ซึ่งซากุระของญี่ปุ่นก็จะบานจากทางตอนใต้ไล่ขึ้นมาทางตอนเหนือ ซึ่งก็จะแตกต่างกันไม่มากในแต่ละปี แอดมินเลยทำแพลนชมซากุระมาให้ทุกๆ คนได้ชมกันว่าแต่ละช่วงของญี่ปุ่นนั้นซากุระจะบานช่วงไหน และมีที่ไหนบ้างที่มีชื่อเสียง สวยงาม น่าชื่นชมบ้าง

ลองไปชมกันเลยค่ะ >>

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

ป้อมรูปดาวโกะเรียวคะคุ

ป้อมรูปดาวโกะเรียวคะคุที่เมืองฮาโกดาเตะที่นี่เต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 1,600 ต้น เราสามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยก็จะเห็นวิวรูปดาวห้าแฉกที่แต่งแต้มไปด้วยดอกซากุระ

ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

ฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ

สถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากๆ ของโทโฮคุ กับดอกซากุระกว่า 1,200 ต้น ที่ทอดเรียงยาวอย่างสวยงามริมฝั่งแม่น้ำชิโรอิชิกว่า 8 กม. และมีภูเขาซาโอะเป็นฉากหลัง ซึ่งให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชื่นชมมากๆ

ต้นเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

สวนชิโดริงะฟุชิ-เรียวคุโด

ชิโดริงะฟุชิ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สวยงามมากๆ ของช่วงเทศกาลซากุระที่โตเกียวเลย กับถนนทางเดินยาว 700 เมตร ที่บริเวณริมฝั่งคูน้ำของพระราชวังอิมพีเรียล ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ผลิดอกสีชมพูราว 260 ต้น ซึ่งเราก็สามารถพายเรือชมวิวซากุระได้อีกด้วย

ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

คาวาสุ ซากุระ

ซึ่งไฮไลท์จะอยู่ที่ต้นซากุระขนาดใหญ่อายุเก่าแก่กว่า 60 ปี ที่มีมากถึง 8,000 ต้น ที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำคาวาสุพร้อมทุ่งดอกคาโนลาสีเหลืองซึ่งให้สีตัดกันอย่างงดงาม และเป็นซากุระที่บานเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อีกด้วยค่ะ

ต้นเดือนกุมภาพันธุ์ – ต้นเดือนมีนาคม

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

รถไฟสายโรแมนติก

กับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่านก็จะเต็มไปด้วยดอกซากุระอย่างงดงาม

ปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนเมษายน

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

สะพานคินไตเคียว

เป็นสะพานไม้ที่สวยติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลย ด้วยลักษณะ 5 โค้งที่ตั้งดินเป็นสง่าริมฝั่งแม่น้ำนิชิกิ และรายล้อมไปด้วยซากุระกว่า 3,000 ต้น ในช่วงกลางคืนที่นี่ก็จะมีการเปิดไฟอย่างสวยงามบริเวณสะพานเป็นพิเศษ ซึ่งให้บรรยากาศที่งดงามเกินคำบรรยายจริงๆ ค่ะ

ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

ภูเขาชิอุเดะ

ภูเขาที่รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระกว่า 1,000 ต้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นช่วงที่มีทะเลหมอกอยู่ด้านหลัง ดูเข้ากันกับดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งมากๆ เลยค่ะ

ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน

พยากรณ์..ซากุระญี่ปุ่น 2019

สวนฮิโซะยามะ

ที่นี่ก็จะมีซากุระจำนวน 250 ต้น อย่างงดงามภายในสวน ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง 150 เมตร และที่สำคัญที่นี่เปิดให้เข้าชมเฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นด้วยค่ะ

ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

? พยากรณ์ซากุระญี่ปุ่น..2019 ??


? แพลน..ชมซากุระของปีนี้ ??

ช่วงเวลาที่หลายๆ คนรอคอยก็ใกล้เข้ามาถึงแล้วกับช่วงเวลาของดอกซากุระที่จะเบ่งบานให้เราได้ชื่นชมความงดงามกันในปีนี้ ซึ่งในทุกๆ ปีกรมอุตุของญี่ปุ่นก็จะพยากรณ์ช่วงเวลาที่ซากุระบานให้เราได้ทราบ และวางแผนไปชมซากุระตามช่วงเวลาดังกล่าว

ซึ่งซากุระของญี่ปุ่นก็จะบานจากทางตอนใต้ไล่ขึ้นมาทางตอนเหนือ ซึ่งก็จะแตกต่างกันไม่มากในแต่ละปี แอดมินเลยทำแพลนชมซากุระมาให้ทุกๆ คนได้ชมกันว่าแต่ละช่วงของญี่ปุ่นนั้นซากุระจะบานช่วงไหน และมีที่ไหนบ้างที่มีชื่อเสียง สวยงาม น่าชื่นชมบ้าง

ลองไปชมกันเลยค่ะ >>

? ป้อมรูปดาวโกะเรียวคะคุ

ป้อมรูปดาวโกะเรียวคะคุที่เมืองฮาโกดาเตะที่นี่เต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 1,600 ต้น เราสามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยก็จะเห็นวิวรูปดาวห้าแฉกที่แต่งแต้มไปด้วยดอกซากุระ

? ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม

? ฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ

สถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากๆ ของโทโฮคุ กับดอกซากุระกว่า 1,200 ต้น ที่ทอดเรียงยาวอย่างสวยงามริมฝั่งแม่น้ำชิโรอิชิกว่า 8 กม. และมีภูเขาซาโอะเป็นฉากหลัง ซึ่งให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชื่นชมมากๆ

? ต้นเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

? สวนชิโดริงะฟุชิ-เรียวคุโด

ชิโดริงะฟุชิ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สวยงามมากๆ ของช่วงเทศกาลซากุระที่โตเกียวเลย กับถนนทางเดินยาว 700 เมตร ที่บริเวณริมฝั่งคูน้ำของพระราชวังอิมพีเรียล ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยต้นซากุระที่ผลิดอกสีชมพูราว 260 ต้น ซึ่งเราก็สามารถพายเรือชมวิวซากุระได้อีกด้วย

? ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

? คาวาสุ ซากุระ

ซึ่งไฮไลท์จะอยู่ที่ต้นซากุระขนาดใหญ่อายุเก่าแก่กว่า 60 ปี ที่มีมากถึง 8,000 ต้น ที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำคาวาสุพร้อมทุ่งดอกคาโนลาสีเหลืองซึ่งให้สีตัดกันอย่างงดงาม และเป็นซากุระที่บานเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อีกด้วยค่ะ

? ต้นเดือนกุมภาพันธุ์ – ต้นเดือนมีนาคม

? รถไฟสายโรแมนติก

กับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่านก็จะเต็มไปด้วยดอกซากุระอย่างงดงาม

? ปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนเมษายน

? สะพานคินไตเคียว

เป็นสะพานไม้ที่สวยติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลย ด้วยลักษณะ 5 โค้งที่ตั้งดินเป็นสง่าริมฝั่งแม่น้ำนิชิกิ และรายล้อมไปด้วยซากุระกว่า 3,000 ต้น ในช่วงกลางคืนที่นี่ก็จะมีการเปิดไฟอย่างสวยงามบริเวณสะพานเป็นพิเศษ ซึ่งให้บรรยากาศที่งดงามเกินคำบรรยายจริงๆ ค่ะ

? ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

? ภูเขาชิอุเดะ

ภูเขาที่รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระกว่า 1,000 ต้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นช่วงที่มีทะเลหมอกอยู่ด้านหลัง ดูเข้ากันกับดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งมากๆ เลยค่ะ

? ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน

? สวนฮิโซะยามะ

ที่นี่ก็จะมีซากุระจำนวน 250 ต้น อย่างงดงามภายในสวน ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง 150 เมตร และที่สำคัญที่นี่เปิดให้เข้าชมเฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นด้วยค่ะ

? ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

ทัวร์ชมซากุระเดือน มี.ค. – เม.ย. 62 > http://bit.ly/2wfCrcB

ทัวร์ชมซากุระเดือน มี.ค – เม.ย. 62 ที่ร่วมรายการ Early Bird > bit.ly/Promotion4000

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว ^ↀᴥↀ^

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว
เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว
Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว ^ↀᴥↀ^

เอาใจทาสแมวกันบ้าง..ขอแนะนำคาเฟ่แมวเหมียวแสนน่ารักที่ชื่อ Temari No Ouchi ซึ่งแปลว่า บ้านของเทะมะริ ซึ่งเป็นชื่อเจ้าแมวเหมียวขี้อ้อนประจำร้านแห่งนี้

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว
เทะมะริ ขาใหญ่ประจำร้านที่แสนขี้อ้อน

เทะมะริ เป็นแมวพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold) นางมีจุดเด่นอยู่ตรงที่จุดสีดำตรงตาด้านซ้าย นางน่ารัก รู้งาน และชอบเดินออกมาทักทายลูกค้าที่มานั่งเล่นในคาเฟ่ คาเฟ่แห่งนี้จึงถูกตั้งชื่อให้เป็น บ้านของเทะมะริ

แต่คาเฟ่นี้ยังไม่ได้เป็นแค่บ้านของเทะมะริแค่ตัวเดียว แต่ยังเป็นบ้านของเพื่อนๆเทะมะริ ที่เป็นแมวสายพันธุ์อื่นๆ ที่แสนจะน่ารักอีกหลายตัวด้วย

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว
บรรยากาศภานในร้าน..และเพื่อนๆของเทะมะริ

จุดเด่นของคาเฟ่แมวแห่งนี้คือ บรรยากาศภายในที่ตกแต่งได้อย่างน่ารัก สมกับเป็นบ้านของเจ้าแมวเหมียว มีบ้านต้นไม้เล็กๆ อยู่ตรงกลางให้ลูกค้าได้นั่งเล่นแบบส่วนตัวไปเลย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีพื้นที่กว้างขวางมากกว่าคาเฟ่แห่งอื่นในโตเกียวอีกด้วย ทำให้เราไม่อึดอัดและได้นั่งเล่นกับเจ้าแมวเหมียวได้แบบเต็มที่

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว

เที่ยว Temari No Ouchi คาเฟ่แมวเหมียวสุดน่ารักในโตเกียว
บรรยากาศภานในร้าน..และเพื่อนๆของเทะมะริ

รวมถึงอาหารที่นี่ก็อร่อย และราคาก็ค่อนข้างถูก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทานเล่น เช่น กุ้งชุบเกร็ดขนมปังทอด เฟรนฟรายส์ หรือขนมหวาน นอกจากนี้ยังมีชากาแฟ และเครื่องดื่มอื่นๆ ให้เลือกอีกหลายหลายด้วย

คาเฟ่แมวส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นคิดค่าเข้าไม่รวมกับค่าอาหาร แต่สำหรับ Temari No Ouchi Cat Cafe วันธรรมดา 1,200 เยน วันเสาร์-อาทิตย์ 1,600 เยน หลัง 19.00 น. คิด 700 เยน ชำระค่าเข้าพร้อมค่าอาหารหลังทานอาหารและเล่นกับเจ้าเหมียวเสร็จแล้ว

ที่อยู่ : 3F 2-13-14 Kichijoji, Honcho, Musashino-city, Tokyo

เปิดให้บริการ : 10.00 – 21.00 น.

เว็บไซต์ : www.temarinoouchi.com

❤ Season of Winter ❤

แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น
แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น
Season of Winter แนะนำเทศกาลฤดูหนาวน่าเที่ยวที่ญี่ปุ่น

“หลายๆ คนต้องตื่นเต้นกับเทศกาลฤดูหนาวที่ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน และคงอยากให้ช่วงเวลาเหล่านั้นมาถึงไวๆ ก็เพราะบรรยากาศที่สวยงาม ดูอบอุ่น ทั่วทั้งเมืองที่ประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟของ Illumination ที่คลุกเคล้ากับบรรยากาศในตอนที่หิมะกำลังโปรยปรายลงมา มันเป็นอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นทุกครั้งเสมอ และอยากจะไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นดูสักครั้ง

วันนี้เลยอยากมาแนะนำเทศกาลหิมะในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นว่ามีเทศกาลไหนที่สวยงามและน่าเที่ยวบ้าง

แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

1. Otaru Snow Light Path Festival

เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ เป็นงานเทศกาลหิมะที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีความพิเศษตรงที่บริเวณริมคลองโอตารุจะถูกประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟที่ดูสวยงาม อบอุ่น และให้บรรยากาศสุดโรแมนติกในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้


แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

2. เทศกาลน้ำแข็ง Sounkyo Ice Fall Festival

หรือ เทศกาล Sounkyo Hyoubaku Festival เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นประจําทุกปีที่เมืองโซอุนเคียวออนเซ็น ที่โด่งดังด้วยวิวน้ำตกและหน้าผาสูงชันถึง 24 กิโลเมตร ใจกลางเกาะฮอกไกโด มีการประดับไฟไลท์อัพสีรุ้งอย่างสวยงาม หากมองจากจุดชมวิวจะเห็นทิวทัศน์งามราวกับโลกแห่งจินตนาการเลยทีเดียว


แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

3. เทศกาลคามะคุระที่ Yunishigawa Onsen แห่งเมืองนิกโก้

หนึ่งในเทศกาลฤดูหนาวอันแสนน่ารักของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี เพื่อบูชาเทพแห่งน้ำ ขอพรให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์พอกินพอใช้ ซึ่งความพิเศษของเทศกาลนี้คือ ความสวยงามยามค่ำคืนอันแสนโรแมนติกที่เต็มไปด้วยแสงไฟที่ถูกสาดส่องอยู่ภายในกระท่อมหิมะหลังเล็กๆ ซึ่งให้บรรยากาศที่อบอุ่น และดูสวยงามมากๆ ซึ่งจะจัดเพียงปีละ 1 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น


แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

4. เทศกาล Tokachi Swan Festival Sairinka

หรือเรียกว่า Tokachi Hakuchou Matsuri Sairinka ซึ่งงานนี้นับเป็นสีสันแห่งฤดูหนาวของแถบTokachigawa Onsen ซึ่งเป็นเทศกาลเสียงสีที่มีทั้งความสวยงามและคึกคักด้วยเสียงเพลง โดยจะมีการจัดกระโจมไฟที่จะเปลี่ยนสีตามเพลงและเกิดเป็นภาพที่สวยงาม


แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

5. เทศกาล Snow Night Fantasy/ Kan Kan Mura

บ้านน้ำแข็งเอสกิโม (Kan Kan Mura) โดยเนรมิตให้เป็นหมู่บ้านน้ำแข็ง ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับหิมะ ชื่นชมน้ำแข็งแกะสลัก และเล่นกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับหิมะ และมี Snow Cafe ถูกสร้างให้เหมือนอิกลู บ้านของชาวเอสกิโม ภายในเป็นร้านขายเครื่องดื่ม ตกแต่งร้านด้วยก้อนน้ำแข็งทั้งร้าน ไม่ว่าจะเป็นเคาท์เตอร์ขายเครื่องดื่ม เก้าอี้ โต๊ะ เตาผิง ทุกอย่างล้วนทำมาจากก้อนน้ำแข็ง มีการประดับประดาแสงไฟสวยงามตัดกับแสงของหิมะ และต้นไม้ในยามค่ำคืน ส่วนบริเวณใกล้ยังมีโซนขายของที่เรียกว่า Ningle Terrace ที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟอย่างสวยงามในยามค่ำคืนอีกด้วย


แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

6. เทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival

เทศกาลฤดูหนาวสุดยิ่งใหญ่บนเกาะฮอกไกโด ซึ่งจะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี และเป็นเทศกาลที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเรา กับการจัดแสดงผลงานแกะสลักน้ำเเข็งอย่างมากมาย รวมทั้งการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟหลากสีสันอย่างสวยงาม ซึ่งก็จะมีให้เราเที่ยวชมหลากหลายโซนด้วยกัน


แนะนำเทศกาลหิมะฤดูหนาวของญี่ปุ่น

7. เทศกาลล่องเรือตัดน้ำแข็งบนเกาะฮอกไกโด

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าสัมผัสมากๆ หากได้มีโอกาสไปเที่ยวฮอกไกโดในช่วงฤดูหนาว กับการล่องเรือตัดน้ำแข็ง “เรือออโรร่า” ชมธารน้ำแข็งที่ลอยมาจากรัสเซีย เพราะนอกจากเราจะได้ชมธารน้ำแข็งอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังได้มีโอกาสเห็นชีวิตสัตว์โลกอีกซีกโลกที่น่ารักมากๆ เช่น นกอินทรีทะเลหางขาว และแมวน้ำ เป็นต้น


ทัวร์ญี่ปุ่นกับน้ำแข็ง

8. เทศกาลน้ำแข็งทะเลสาบชิโคสึ Shikotsu Ice Festival

งานประติมากรรมน้ำแข็งที่สร้างขึ้นโดยใช้น้ำในทะเลสาบชิโคสึที่ขึ้นชื่อในเรื่องความใส ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นที่ทะเลสาบชิโคสึ ซึ่งอยู่ในสวนสาธารณะของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งแข็งตัวเรียงรายอยู่บริเวณทะเลสาบ และนอกจากนี้ยังมีสไลเดอร์น้ำแข็ง ลานสเก็ต และการยิงดอกไม้ไฟในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการอีกด้วย

ทัวร์พาเที่ยว..เทศกาลฤดูหนาวสุดโรแมนติก คลิก >> https://siamorchardgroup.com/program-home-2/

Tax Free Shop เรื่องน่ารู้..ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นยังไงให้ปลอดภาษี

ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นยังไงให้ปลอดภาษี

ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นยังไงให้ปลอดภาษี


เที่ยวญี่ปุ่นคือสวรรค์ของนักช้อปหลายๆ คนเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะช้อปก็ไม่ควรมองข้าม “การทำเรื่องขอคืนภาษี” เพราะถ้าหากช้อปเยอะๆ ก็ช่วยเราประหยัดเงินในกระเป๋าไปไม่น้อยทีเดียว แต่จะมีสินค้ากี่ประเภทกันนะที่เราจะสามารถขอคืนภาษีได้ และมีข้อกำหนดเงื่อนไขอะไรที่จำเป็นต้องรู้บ้าง เพราะบางคนอาจจะไม่รู้ว่าสินค้าบางอย่างก็ไม่สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้นะจ๊ะ แบบนี้แล้วรู้ไว้ดีกว่าจะได้ไม่ผิดพลาดและช้อปได้อย่างสบายใจ

1. กฎสำคัญที่ต้องรู้ก่อนช้อป

  • ซึ่งนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือน ถึงจะสามารถทำการขอคืนภาษีได้ ชาวต่างชาติที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ญี่ปุ่นนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป และคนญี่ปุ่นทุกคนไม่สามารถทำการขอคืนภาษีได้ในทุกกรณีน้าา
  • ญี่ปุ่นไม่มีการทำเรื่องขอคืนภาษีย้อนหลังที่สนามบิน ดังนั้นใบเสร็จที่ทำการซื้อของมาทั้งหมดจะไม่สามารถทำการขอคืนภาษีที่สนามบินได้
  • ต้องพก พาสปอร์ต ติดตัวไว้ทุกครั้ง
  • ญี่ปุ่นจะใช้คำว่า “Tax Free Shop” แทนความหมายของการขอคืนภาษีไม่ใช่ Tax Refund นะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องมองหากันให้ปวดหัว

2. สินค้าที่สามารถขอคืนภาษีได้

  • สินค้ากลุ่มที่ 1 เครื่องดื่ม ยา และเครื่องสำอาง ต้องซื้อจากร้านเดียวกัน ภายในวันเดียวกัน โดยราคารวมในบิลต้องมีมูลค่า 5,001 เยน ขึ้นไป และต้องไม่เกิน 500,000 เยน ถึงจะสามารถทำเรื่องขอคือภาษีได้
  • สินค้ากลุ่มที่ 2 เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องซื้อจากร้านเดียวกันภายในวันเดียวกัน ราคาต้องรวมในบิลตั้งแต่ 10,001 เยน ขึ้นไป ถึงจะสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้

ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นยังไงให้ปลอดภาษี

ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นยังไงให้ปลอดภาษี

** TRICK สำคัญในการช้อป ** อันนี้สำคัญหลายคนพลาดบ่อย

ให้สังเกตุราคาสินค้าดีๆ เพราะสินค้าบางอย่างอาจจะติดป้ายราคาไว้ 2 แบบ คือ ราคาที่รวมภาษีและไม่รวมภาษี แต่ให้สังเกตุป้ายราคาที่แพงกว่า เพราะนั่นคือป้ายราคาที่รวมภาษีแล้ว เราจะต้องคำนวณจากป้ายนี้ ส่วนราคาที่ต่ำกว่านั่นคือราคาที่ยังไม่รวมภาษีนะห้ามคิดจากป้ายนี้เด็ดขาด

3. การช้อปแบบปลอดภาษีนั้นมี 2 แบบ

  • การหัก ณ ที่จ่าย Tax Free ทางร้านค้าจะหักภาษีออกทันทีตอนเราจ่ายเงิน เช่น ร้านขายยาทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ ร้านเสื้อผ้า รองเท้า และร้าน Don Quijote
  • การขอคืนภาษีย้อนหลัง Tax Refund ต้องจ่ายสินค้าในราคาเต็มก่อน แล้วไปทำการขอคืนภาษีย้อนหลัง ซึ่งวิธีการแบบนี้จะเห็นตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ

4. ขั้นตอนการขอคืนภาษีง่ายๆ (Tax Refund)

  1. พุ่งตัวเข้าไปช้อปปิ้งให้หนำใจตามกำลังทรัพย์และตามเงื่อนไขของการขอคืนภาษี
  2. ให้สังเกตุร้านที่ติดป้าย “Tax Free” ไว้หน้าร้าน แสดงว่าร้านนั้นสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้
  3. นำสินค้าไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ตามปกติ และแจ้งพนักงานว่าขอคืนภาษี พร้อมแสดงพาสปอร์ต ทุกครั้งด้วย จากนั้นพนักงานจะคิดเงินโดยหักจากภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% ออก และติดหลักฐานการขอคืนภาษีไว้ในพาสปอร์ต โดยหลักฐานนี้จะถูกเก็บจากเจ้าหน้าที่ที่สนามบินตอนขาออกจากประเทศญี่ปุ่น
  4. สินค้าทุกชิ้นที่มีการขอคืนภาษีจะห่อแปะสติ๊กเกอร์ไว้อย่างดี ห้ามแกะสินค้าออกมาใช้ก่อน น้าา เนื่องจากเป็นกฎของการขอคือภาษีทางญี่ปุ่น แม้บางครั้งหลายคนจะยืนยันว่าไม่มีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่สนามบินก็ตาม แต่ก็ควรปลอดภัยไว้ก่อนหากเป็นสินค้าที่มีราคาแพงๆ หรืออาจโดนสุ่มตรวจในบางกรณีก็ได้

ปัจจุนบันอัตราภาษีของประเทศญี่ปุ่นคือ 8% แต่ปี 2019 เดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ญี่ปุ่น จะปรับอัตรภาษีขึ้นเป็น 10%

เที่ยว Kamakura Festival เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น

เที่ยว Kamakura Festival เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น
เที่ยว Kamakura Festival เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น
Kamakura Festival..เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น – เที่ยวหนึ่งในเทศกาลฤดูหนาวอันแสนน่ารักของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี เพื่อบูชาเทพแห่งน้ำ ขอพรให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์พอกินพอใช้

เที่ยว Kamakura Festival เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น

โดยจะมีการสร้างกระท่อมน้ำแข็งขึ้นมาและนำแท่นบูชาไปไว้ในกระท่อม พร้อมมีเตาถ่านอยู่ภายในกระท่อมเพื่อให้ความอบอุ่น พร้อมบริการสาเกหวาน และอาหารอย่างนาเบะหม้อไฟ หรือโมจิย่าง ให้นั่งกินภายในกระท่อมหิมะเหล่านี้

เที่ยว Kamakura Festival เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น

ซึ่งความพิเศษของเทศกาลนี้คือ ความสวยงามยามค่ำคืนอันแสนโรแมนติกที่เต็มไปด้วยแสงไฟที่ถูกสาดส่องอยู่ภายในกระท่อมหิมะหลังเล็กๆ ซึ่งให้บรรยากาศที่อบอุ่น และดูสวยงามมากๆ ซึ่งจะจัดเพียงปีละ 1 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น

เที่ยว Kamakura Festival เทศกาลหิมะอันแสนอบอุ่นของญี่ปุ่น

เทศกาลหลักๆ ที่มีชื่อเสียง เช่น

1. เทศกาลคามะคุระโนะซะโตะ Kamakura no Sato
2. เทศกาลกระท่อมหิมะ Yokote Snow Festival
3. เทศกาลหิมะอิวะเตะ Iwate Snow Festival
4. เทศกาลคามะคุระที่ Yunishigawa Onsen เมืองนิกโก้

ซึ่งในโปรแกรมของเราก็มีพาไปเที่ยวที่ Yunishigawa Onsen เมืองนิกโก้

เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ

เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ
เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ
Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ

ทัวร์ญี่ปุ่น คลองโอตารุ คลองเก่าแก่ที่มีความยาวถึง 1,140 เมตร และเชื่อมต่อกับอ่าวโอตารุ ซึ่งในสมัยก่อนประมาณ ค.ศ. 1920 ที่ยุคอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือเฟื่องฟู คลองนี้ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าในตัวเมืองออกไปยังท่าเรือบริเวณปากอ่าว

เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ

แต่ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นไฮไลท์สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมอย่างมากมาย เพราะด้วยบรรยากาศของตัวเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่านดูเข้ากับอาคารเก่าแก่สไตล์ย้อนยุคได้อย่างลงตัว ยิ่งช่วงฤดูหนาวมาถึงเมืองไหร่คลองแห่งนี้จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันอย่างสวยงามในยามค่ำคืน

เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ

และเทศกาล Otaru Snow Story ก็เป็นอีกเทศกาลที่อยากแนะนำให้ทุกคนไปชม เมื่อมีโอกาสไปเยือนเมืองแห่งนี้ เพราะในช่วงกลางคืนที่นี่จะถูกตกแต่งไปด้วยไฟสีฟ้าอย่างงดงามบริเวณรอบๆ คลองโดยใช้หลอดไฟ LED สีฟ้า 10,000 ดวง ประดับไปตามเลียบชายฝั่งซึ่งสร้างบรรยากาศสีฟ้าสุดโรแมนติกให้กับคลองในช่วงฤดูหนาวนี้

เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ

ส่วนบริเวณริมทางก็มีการประดับตกแต่งไปด้วยรูปปั้นหิมะเล็กๆ และแสงไฟจากเทียนก็ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่นและน่ารักมากๆ นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังตกแต่งบ้านและร้านค้าไปด้วยโคมไฟและตุ๊กตาหิมะให้เข้ากับบรรยากาศของงานราวเสมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลนี้เลย

เที่ยว Otaru Snow Story เทศกาลประดับไฟสุดโรแมนติกริมคลองโอตารุ

นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆ ยังมีการจัดงาน Yoichi Snow Story ขึ้นในเมือง Yoichi Town ที่อยู่ติดกันอีกด้วย ในงานก็จะมีการประดับไฟ Illumination ที่แต่งแต้มสีสันให้กับถนนบริเวณหน้าสถานีรถไฟอย่างสวยงาม

ระยะเวลาการจัดงาน : 1 พฤศจิกายน 2018 – 17 กุมภาพันธ์ 2019

การเดินทาง : จากสถานี Sapporo โดยสารรถไฟสาย JR Hakodate Main Line ไปลงที่สถานี Otaru ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นเดินไปยังสถานที่จัดงานหลักใช้เวลา 10 นาที

ติดตามดูโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่น เพิ่มเติมได้ที่ https://siamorchardgroup.com/ทัวร์ญี่ปุ่น

“โทโยสุ” ตลาดปลาแห่งใหม่ในโตเกียว

ตลาดปลาชื่อดังในโตเกียว
ตลาดปลาชื่อดังในโตเกียว
“โทโยสุ” ตลาดปลาแห่งใหม่ในโตเกียว

เมื่อตลาดปลาชื่อดังอย่าง “ตลาดปลาสึกิจิ” สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์ญี่ปุ่น สุดฮิตของนักท่องเที่ยวในโตเกียวได้ปิดฉากความคึกคักลงเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา และได้ย้ายไปอยู่ที่ “ตลาดโทโยสุ” ตลาดริมทะเลที่อยู่ห่างออกไปจากตลาดปลาสึกิจิไปประมาณ 2 กิโลเมตร

ตลาดปลาชื่อดังในโตเกียว

ถึงจะไม่มีตลาดปลาสึกิจิที่แสนจะคึกคักแล้ว แต่ตลาดโทโยสุเองก็มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าถึง 1.7 เท่า และพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยให้เราได้ตื่นเต้น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตลาดขายส่งปลา (Marine Products Wholesale Market) ที่มีการประมูลปลามากุโระ (Maguro) ตลาดผักและผลไม้ (Vegetable and Fruits Market) ที่เรียงรายไปด้วยผักและผลไม้ที่มีสีสันอย่างสวยงามหรือจะเป็น โซนนิทรรศการ (Observation Gallery) ที่จัดแสดงรูปจำลองปลามากุโระขนาดเท่าของจริงและรถพิเศษขนาดเล็กที่เรียกว่า “ทาเระ (Tare)” วิ่งไปมาอยู่ภายในตลาด

ตลาดปลาชื่อดังในโตเกียว

นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวบนสวนลอยฟ้า (Rooftop Garden) ให้ได้ขึ้นไปรับลมและชมวิวสวยๆ ของโอไดบะ (Odaiba) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียวที่พร้อมไปด้วยเครื่องเล่นและแหล่งช้อปปิ้ง และนอกจากนี้ยังมีโซนร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่ย้ายมาจากตลาดสึกิจิอีกมากมาย

ตลาดปลาชื่อดังในโตเกียว

รับรองว่าหากใครได้ไปเที่ยวแล้วจะต้องเอร็ดอร่อยกับเมนูเด็ดทั้งซูชิและอาหารทะเลสดๆ ได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน และที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือโซนร้านค้าซะคะนะงะชิ โยะโคะโจ (Sakanagashi Yokocho) ที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ มากมายให้ได้เลือกซื้อ รวมทั้งยังได้ทั้งความรู้ ได้ลองชิมอาหารอร่อย และสนุกสนานกับการช้อปปิ้งที่ “ตลาดโทโยสุ” ไม่แพ้ที่ตลาดปลาสึกิจิ อย่างแน่นอน

ที่อยู่ : ตลาดโทโยสุ 6-chome, Toyosu, Koto-ku, Tokyo
วันเปิด-ปิด : ปกติจะหยุดทุกวันอาทิตย์ วันพุธ และวันหยุดราชการ

ร้านอาหารสาขาน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น
ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น
ร้านอาหารสาขาน่าลองในญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น – ขอแนะนำร้านอาหารสาขาน่าลองในญี่ปุ่นที่หาทานง่าย สะดวกสบาย แถมแต่ละเมนูก็เด็ด เผื่อไปเที่ยวแล้วไม่รู้จะทานอะไรร้านสาขาพวกนี้ก็น่าลองไปแพ้กันนะ..ขอบอก

1. Matsuya

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสไตล์คนญี่ปุ่น ที่มีให้เลือกทั้งแบบจานเดียว แล้วเขาก็ยังเสิร์ฟพร้อมซุปมิโสะให้ทุกจานอีกด้วย ถ้าเกิดสั่งทานในร้าน หรือแบบเป็นเซ็ทก็มีทั้งสลัดผักและซุปมิโสะ ราคาคุ้มมากค่ะ ไม่เกิน 500 เยน ก็สามารถทานได้อย่างอร่อย เมนูด่วนของร้านนี้ก็จะเป็นพวกข้าวหน้าเนื้อหรือกิวด้ง ข้าวหน้าหมู เซ็นหมูย่าง และเค้าก็ยังมีเมนูที่ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาลอีกด้วย

2. Sukiya

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น
ร้านสุกิยะหรือซุกิยะที่คุ้นเคย เพราะมีเปิดให้บริการหลายประเทศ ร้านนี้ก็เป็นร้านอาหารฟาสฟู้ดเช่นกัน สั่งอาหารแล้วไม่มีนาที อาหารก้มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ซึ่งเมนูขึ้นชื่อของร้านเค้าก็คือข้าวหน้าเนื้อ และข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ซึ่งหากจะซื้อกลับบ้านก็สามารถซื้อได้แต่เป็นบางเมนูเท่านั้นนะคะ

3. Saizeriya

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารแบบ Family Restaurant ราคาไม่แพง มีบาร์เครื่องดื่มแบบไม่อั้น (ไม่รวมเครื่องดื่มแบบแอลกอฮอล์) ซึ่งร้านนี้เค้าจะเน้นอาหารประเภทเส้นสปาเก็ตตี้ พิซซ่า และของหวานด้วยค่ะ

4. Denny’s

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารแบบ Family Restaurant เหมือนกันค่ะ แต่จะมีเมนูอหารที่หลากหลายกว่า เช่น พวกหมูทอดทงคัตสึ ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น อาหารเซ็น แฮมเบอร์เกอร์ หรือสเต็กก็มีให้เลือกมากมาย ร้านนี้เค้าจะโดดเด่นเรื่องของหวานด้วยนะคะ ซึ่งเค้าก็จะทำออกมาตามฤดูกาล เช่น ถ้าเป็นเทศกาลที่มีสตรอเบอรี่ ก็จะมีขนมที่ทำมาจากสตรอเบอรี่มากมายให้เลือกทานค่ะ

5. Royal Host

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

อีกหนึ่งร้านอาหารแบบ Family Restaurant เหมือนกันค่ะ ซึ่งหาทานได้ทั่วไปเน้นสเต็กเนื้อ หมู ไก่ และอาหารประเภทกริลล์ ที่นี่เค้าก็มีเมนูอาหารเช้า อาหารกลางวัน ที่ราคาย่อมเยาด้วย

6. Jonathan

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น
หากไปเป็นครอบครัวร้านนี้ก็เหมาะนะคะเพราะร้านเค้ามีโต๊ะที่ใหญ่มากสามารถรองรับได้ทั้งครอบครัวเลย ทั้งข้าว สเต็ก สปาเก็ตตี้และก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเมนูก็มีรูปภาพให้เราดูสะดวกสบายสั่งง่ายค่ะ

7. Coco’s

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น

ร้านอาหารน่าลองในญี่ปุ่น
ร้านข้าวแกงกะหรี่ชื่อดังที่คนไทยต่างรู้จักกันดี มีสาขาในไทยและทั่วโลกเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นร้านแกงกะหรี่ที่มีสาขาที่มากที่สุดในโลกถึง 1,215 สาขาเลยทีเดียว ความพิเศษและจุดเด่นของร้านคือ ลูกค้าสามารถเลือกสรรข้าวแกงกะหรี่เฉพาะตัวได้ตามที่ต้องการ ตั้งแต่ปริมาณข้าว น้ำซอสราดหน้า และระดับความเผ็ดอีกด้วย

7 ของฝาก (ทีเด็ด) จากตุรกี..ไปทั้งทีต้องซื้อกลับมาให้ได้

ของฝากตุรกี
ของฝากตุรกี
7 ของฝาก (ทีเด็ด) จากตุรกี..ไปทั้งทีต้องซื้อกลับมาให้ได้

หากพูดถึงของฝากจากตุรกีหลายคนคงอาจจะนึกไม่ออกใช่ไหมล่ะคะ ว่าตุรกีเขามีของฝากอะไรที่เป็นทีเด็ด แบบน่าซื้อบ้าง วันนี้เลยเอาตัวอย่างมาให้ดูกัน ตอนไปเดินช้อปจะได้ไม่พลาด ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ลองดูกันว่าตุรกีเขามีอะไร (เด็ด) น่าซื้อบ้าง

ของฝากตุรกี

1. กาแฟตุรกี

อันนี้ก็ทีเด็ดสำหรับคอกาแฟ เพราะการดื่มกาแฟของตุรกีได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกด้วยน้าา ต้องบอกก่อนเลยว่าตุรกีไม่สามารถปลูกกาแฟได้ และกาแฟที่ทานก็ไม่ใช่สายพันธุ์ตุรกีด้วยค่ะ แต่คือการชงกาแฟแบบตุรกีต่างหาก

การชงกาแฟตุรกีจะใช้หม้อต้มและมีด้ามยาวสำหรับจับ ซึ่งเราสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านของฝาก หรือร้านเครื่องเทศ ซึ่งตอนซื้อให้ซื้อทั้งกาแฟและหม้อต้มนะจ๊ะ ซึ่งกาแฟยี่ห้อ KURUKAHVECi (KAHVESI) เป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมที่สุดในตุรกี

ของฝากตุรกี

2. ขนมพื้นเมือง

เป็นขนมหวานพื้นเมืองสูตรดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงของตุรกีค่ะ ซึ่งทำจากแป้งและน้ำตาล มีอัลมอนด์ หรือถั่วต่างๆ ผสมซึ่งแต่ละร้านก็จะมีสูตรที่แตกต่างกันออกไป ก่อนซื้ออาจจะลองชิมก่อนก็ได้ค่ะว่าเป็นรสชาติที่เราชอบไหม ว่ากันว่าถ้าทานคู่กับกาแฟจะให้ความหวานที่อร่อยลงตัวพอดี

ของฝากตุรกี

3. เครื่องราง

เป็นเครื่องรางของชาวตุรกี หรือที่คนท้องถิ่นเรียก Nazar Boncuk หรือ Benevolent eye หรือที่พวกเราเรียกกันว่า “ดวงตาปีศาจ” ซึ่งเป็นของฝากที่ต้องซื้อกลับไปให้ได้ เพราะเป็นเครื่องรางที่ชาวตุรกีนิยมเอาไปแขวนไปที่หน้าประตูบ้านเพื่อขับไล่ดวงตาแห่งความอิจฉาริษยา หรือให้โชค ให้ลาภ เมื่อก่อนทำด้วยดินเผาแล้วนำมาย้อมสี ปัจจุบันได้มีการนำมาประยุกต์เป็นเครื่องประดับ พวงกุญแจต่างๆ ซึ่งเราสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในตุรกีจร้า

ของฝากตุรกี

4. ถ้วยเซรามิก

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของตุรกีที่น่าซื้อและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก เพราะงานเขาจะใช้มือในการวาด จึงทำให้ได้ลวดลายที่สวยงามดูปราณีตสุดๆ อันนี้ก็เหมาะสำหรับการซื้อมาฝาก ผู้หลัก ผู้ใหญ่ แต่ก่อนซื้อต้องดูให้ดีนะคะ อาจจะโดนหลอกขายหรือเป็นสินค้าที่ไม่ใช่ของตุรกีก็เป็นได้

ของฝากตุรกี

5. เครื่องประดับ

ตุรกีเขาโด่งดังเรื่องงานฝีมือมากๆ จึงทำให้เครื่องประดับที่ตุรกีที่ผ่านการทำมือมานั้น มีความประณีต และสวยงามมากๆ

ของฝากตุรกี

6. พรมตุรกี

อันนี้อีกหนึ่งชิ้นที่เหมาะสำหรับการซื้อเป็นของฝาก เพราะตุรกีเขาโด่งดังเรื่องพรมมากๆ มีลวดลายที่สวยงามบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของตุรกีที่ชัดเจน ส่วนพรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของตุรกีจะมาจากเมือง HEREKE

ของฝากตุรกี

7. สบู่พื้นเมือง

สบู่ดั้งเดิมของชาวตุรกีที่ว่ากันว่าจะทำให้ผิวของคุณนุ่มสุดๆโดยหลังจากล้างตัวแล้ว ใส่ถุงมือที่ให้มาด้วยแล้วนำสบู่นี้มาขัดๆๆ อย่างเบามือให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก จะเห็นได้เลยว่าขี้ไคลจะหลุดออกมา

ทัวร์ยุโรป ประเทศตุรกี

พร้อมรึยัง..เตรียมตัวไปลั่นชัตเตอร์กันให้รัวๆ กับวิวที่สวยงามที่สุดอย่าง”ตุรกี”

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

เตรียมตัวไปลั่นชัตเตอร์กันให้รัวๆ กับวิวที่สวยงามที่สุด ที่ใครก็อยากไปโพสท่าเจ๋งๆ ถ่ายรูปสวยๆ อวดเพื่อน กับดินแดนสองทวีปที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมที่สุดงดงามอย่าง “ตุรกี”

ทัวร์ยุโรป ตุรกี 8 วัน 5 คืน คลิก

ทัวร์ยุโรป ตุรกี 9 วัน 5 คืน

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

ปราสาทปุยฝ้าย

เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

คัปปาโดเกีย

นั่งบอลลูนชมเมืองคัปปาโดเกียชมพระอาทิตย์ขึ้นยังจุดชมวิว ดื่มด่ำกับรรยากาศแสนพิเศษ

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

มัสยิดสีน้ำเงิน

เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1609 – 1616 สร้างมาจากความต้องการเอาชนะหรือสร้างมัสยิดที่มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียของคริสต์ เพราะแต่เดิมนั้น วิหารเซนต์โซเฟียได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ภายในสีของกระเบื้องอิซนิคบนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใส ลายดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น ฯลฯ งดงามอย่างมาก

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

วิหารอะโครโปลิส

วิหารอะโครโปลิสเป็นสถานที่ซึ่งถูกกล่าวขวัญถึงประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายอะโครโปลิส แปลว่า นครบนที่สูง ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานในการป้องกันเมืองของอาณาจักรกรีกและโรมัน ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง ซึ่งมักจะเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี้

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

ฮายาโซฟีอา

เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบ ไบแซนไทน์ คือมีลักษณะผสมผสาน ระหว่างศิลปวัฒนธรรมกรีก และโรมัน กับศิลปวัฒนธรรมเปอร์เซีย มียอดโดมใหญ่อยู่กลางวิหารภายในวิหารใช้กระจกสีประดับ เหนือประตูหน้าต่างอย่างงดงามมีเสาค้ำสลักและประดับประดาอย่างงดงามถึง 108 ต้น ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เดิมเป็นโบสถ์ในคริสต์ศาสนา กลายมาเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นศิลปะที่เก่าแก่และสวยงามยิ่ง จนได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

โชว์ระบำหน้าท้อง

รับประทานอาหารในค่ำคืนสุดพิเศษและเพลิดเพลินกับการแสดงโชว์ ท้องถิ่น

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

เมืองโบราณเอเฟซุส

รู้จักกันในนามมาร์ก แอนโทนี (Marc Antony) ชู้รักของพระนางคลีโอพัตรา(Clopatra) และได้สถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของเขตการปกครองในเอเซีย เมืองเอเฟซุสยิ่งใหญ่และงดงามจนกระทั่งได้รับการจารึกว่า “มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย”เมืองโบราณที่สมบูรณ์และมั่งคั่งที่สุด ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อน ชมห้องสมุดเซลซุส โดยบริเวณประตู ทางเข้ามีรูปแกะสลักเทพี 4 องค์ประดับอยู่

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

ม้าไม้เมืองทรอย

สงครามเมืองทรอยม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบนานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป ชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการของอีกฝ่าย ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้สำเร็จ

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

นครใต้ดิน

สิ่งน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไปหลายๆ ชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในช่วงสงคราม นครใต้ดินมีพร้อมทุกอย่างทั้งห้องโถง
ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ บ่อน้ำ คอกสัตว์

ทัวร์ตุรกี วิวที่สวยงามที่สุด

ช่องแคบบอสพอรัส

ดื่มด่ำกับทัศนยีภาพระหว่างสองฝั่งของช่องแคบบอสพอรัสที่แบ่งแผ่นดินออกเป็นฝั่งเป็นยุโรป และเอเชีย

ทัวร์ยุโรป ตุรกี 8 วัน 5 คืน คลิก

ทัวร์ยุโรป ตุรกี 9 วัน 5 คืน

พาไปรู้จัก Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกที่ได้รับหนึ่งดาวมิชลิน

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น
Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น
พาไปรู้จัก Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกที่ได้รับหนึ่งดาวมิชลิน

Tsuta Ramen ราเมนร้านเล็กๆ ที่เริ่มเปิดในปี 2012 แรกเริ่มมีเพียงแค่ 9 ที่นั่ง ซึ่งเป็นราเมนร้านแรกของโลกและร้านแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับหนึ่งดาวมิชลินจากการจัดอันดับของมิชลิน เมื่อปี 2015 ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากให้กับชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ เลยทำให้คนที่สนใจจะมาลองชิมต้องต่อแถวกันยาวมากๆ

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น

ซึ่งทีเด็ดของร้านนี้อยู่ที่น้ำซุป ซึ่งเป็น “ซุปโชยุ” ทำจากถั่วเหลืองของ Wakayama ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องซอสถั่วเหลืองของญี่ปุ่น (โชยุ) ทำให้น้ำซุปมีรถชาติกลมกล่อมออกหวานนิดๆ มีกลิ่นหอมหน่อยๆ นอกจากนี้ยังมีซุป “ชิโอะซุป” หรือซุปเกลือ ซึ่งใช้เกลือจากโอกินาว่าและมองโกเลีย ซึ่งให้รสชาติที่เข้มข้นแต่ไม่ถึงกับเค็ม

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น

ส่วนหมูชาบูทางร้านจะเลือกใช้หมูชั้นดี และใช้ส่วนที่มีมันแทรกน้อยที่สุดปรุงรสกับโรสแมรี่ ส่วนตัวเส้นราเมนนั้นใช้แป้งข้าวสาลี 4 ชนิดที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่น 100% เป็นเส้นเล็กๆ สไตล์โตเกียว ลวกได้พอดีไม่แข็งและไม่เละจนเกินไป

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น

เมนูหลักๆ ของร้านก็จะเป็น โชยุราเมน, ชิโอะราเมน, ทสึเคเมน (ราเมนแบบจุ่มน้ำซุป) ซึ่งการสั่งราเมนทางร้านจะให้กดสั่งจากตู้ต่ะ ซึ่งเค้าก็จะมีภาษาอังกฤษเขียนกำกับไว้ให้ด้วย ปัจจุบัน Tsuta Ramen ยังได้มีการขยายสาขาไปที่สิงค์โปร์ และไต้หวันอีกด้วย

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น

วิธีการรับบัตรคิว
เค้าจะเริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่ 07.30 – 08.00 น.แต่ร้านจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 น. ซึ่งการรับบัตรคิวเราจะต้องจ่ายมัดจำคนละ 1,000 เยนต่อบัตร และจะไม่สามารถรับแทนกันได้ จะได้รับเงินมัดจำคืนเมื่อถึงคิวและกลับมาตามเวลาที่ระบุบนบัตรคิว ซึ่งทางร้านจำเป็นต้องเก็บค่ามัดจำเพื่อป้องกันคนที่มารับบัตรคิวแต่ไม่มาทาน

Tsuta Ramen ราเมนร้านแรกของโลกและญี่ปุ่น

ที่อยู่ ชั้น 1 Plateau-Saka, 1-14-1 Sugamo, Toshima, Tokyo
วิธีเดินทาง นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line ลงสถานี Sugamo ออกทางออกฝั่ง Summit Store Sugamo แล้วเดินอีกประมาณ 3 นาที หรือสาย Toei Mita ทางออก A1 เดินประมาณ 4 นาที
ร้านเปิด 11.00-15.00 น.,18.00-21.00 น. (หยุดอังคาร – พุธ)

Siam Orchard Group สนับสนุนงานวิ่งสาดศิลป์ ครั้งที่ 1 ร่วมนำรายได้พัฒนาการศึกษาท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเอสพลานาด แคราย ผู้ช่วยศาสตราจาร์ ดร. วันชัย สุทธะนันท์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ประสพชัย พสุนนท์ รองอธิการบดี เพชรบุรี ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ศิลปากร ชะอำ มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 1 วิ่งสาดศิลป์ รัน ฟัน อาร์ต 2018

โดยกิจกรรมจะมีขึ้นใน​วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2561 นี้ มหาวิทยาลัยศิลปากร กำหนดจัดโครงการศิลปากร ชะอำ มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 1 (วิ่งสาดศิลป์: Run Fun Art 2018) ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี โดยในขณะนี้มีนักวิ่งที่สนใจเข้าร่วมในโครงนี้กว่า 4,000 คน โดยนักวิ่งที่สมัครเข้าร่วมโครงการนี้ มาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งเป็นความตั้งใจของผมเมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสไปปฏิบัติ ณ วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ซึ่งปัจจุบันวิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรีกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 กิจกรรมนี้จึงได้เกิดขึ้น ในขณะที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีอายุครบ 75 ปี และกระผมได้ผลักดันให้มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งการสร้างสรรค์

วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี ถือเป็นวิทยาเขตแห่งที่ 3 จัดการเรียนการสอน 3 คณะวิชา คือ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาการจัดการ และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีภารกิจหลักคือ จัดการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

การบริการทางวิชาการแก่สังคมโดยเฉพาะในพื้นที่ตั้งและพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการแล้ว ยังมีโครงการอื่นๆ ที่ดำเนินการร่วมกับชุมชน อาทิ โครงการจิตอาสา โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อชุมชน โครงการแข่งขันกีฬาต่างๆ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังต้องการให้วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรีเป็นตัวอย่างของการให้ความเอาใจใส่ในเรื่องสิ่งแวดล้อม มีความชาญฉลาดและรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า อาทิ ให้ใช้รถจักรยานในการสัญจร การใช้รถรางไฟฟ้า ไม่มีการใช้กล่องโฟม งดการใช้ถุงพลาสติก ตามนโยบาย Be Smart Be Green

วัตถุประสงค์หลักของโครงการศิลปากร-ชะอำ มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 1 ประกอบไปด้วย​

1. ​เพื่อจัดกิจกรรมเนื่องในวันก่อตั้งวิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี โดยเป็นกิจกรรมต่อเนื่องทุกปี​

2. ​เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมถึงประชาชนและบุคคลทั่วไป ได้ออกกำลังกาย​

3. ​เพื่อนำรายได้จากโครงการฯ บริจาคเพื่อการกุศลสำหรับโรงเรียนในพื้นที่ตำบลสามพระยาในการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา จัดสรรเป็นทุนการศึกษาให้นักศึกษาที่ขาดทุนทรัพย์และมีความประพฤติดี และจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือสุนัขจรจัดในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยศิลปากร​

4. ​เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรี โดยเป็นกิจกรรมวิ่งมินิ-ฮาล์ฟ ที่มีอัตลักษณ์ทั้งในเรื่องรูปแบบของมหาวิทยาลัยศิลปากร และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของจังหวัดเพชรบุรีให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง​

5.​เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยศิลปากรและจังหวัดเพชรบุรี โดยเป็นการสร้างความสัมพันธภาพอันดีและการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเพชรบุรี​และวัตถุประสงค์ที่เพิ่งเพิ่มขึ้นมาในไม่นานนี้ คือ

6. กล่าวคือ เป็นจุดเริ่มต้นในการในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ประกอบไปด้วยกล่องใส่อาหาร แก้ว หลอด และช้อนส้อม ที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ภายใต้ม็อตโต้ All we can do

​จะเห็นได้ว่า การจัดโครงการในครั้งนี้ ได้รับความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี และมีพันธมิตรที่ร่วมให้การสนับสนุนมากถึง 26 ราย ทุกวัย มีนักวิ่งที่อายุน้อยที่สุด คือ 7 ขวบ อายุมากที่สุด คือ 80 ปี และมีนักวิ่งที่เป็นผู้พิการที่สมัครเข้าร่วมโครงการนี้กว่า 40 คน

เที่ยวญี่ปุ่น 5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ
5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ
5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

หากใครเดินทางไป เที่ยวญี่ปุ่น แล้วอยากให้เรื่องความรักปังแบบสุดๆ วันนี้เราจะมาแนะนำศาลเจ้าในญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเรื่องความรัก หากได้ไปขอพรแล้วจะช่วยนำพาให้ได้พบกับความรัก ความสัมพันธ์ที่ดี และมีความสุขสมหวังตลอดปี ตลอดไป ลองไปดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนบ้าง

1. ศาลเจ้าคุมะโนะ (Kumano Shrine)

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ศาลเจ้าคุมะโนะ (Kumano Shrine) ตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) สถานที่แห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่สักการะเทพเจ้าชายและหญิงที่ได้ผูกสัมพันธ์รักต่อกันเป็นคู่แรกในเทพปกรณัมญี่ปุ่น ด้านหลังอาคารหลักจะมีกระต่ายแกะสลักซ่อนอยู่ 3 ตัว เชื่อกันว่าหากใครสามารถหากระต่ายดังกล่าวได้ครบทั้ง 3 ตัว สิ่งที่อธิษฐานไว้ก็จะประสบผลสำเร็จดังตั้งใจซึ่งรวมถึงเรื่องความรักด้วย โดยสิ่งพึงระวังคือในขณะที่มองหากระต่ายตัวสุดท้ายนั้นหากมีการถามหรือบอกที่ซ่อนให้ผู้อื่นรู้ ว่ากันว่าโชคดังกล่าวก็จะถูกขโมยหายไปในทันที

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

นอกจากนี้ในทุกเดือนจะมีการจัดงาน “ทสึกิมุซุบิ (Tsuki-musubi)” ชื่อที่รวมมาจาก ดวงจันทร์, กระต่ายและการแต่งงาน โดยคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าดวงจันทร์นั้นมีกระต่าย (กระต่ายนั้นแสดงถึงการสมหวังในความรักและความสุข) ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงจะมีการจัดงานเพื่อสวดมนต์ขอพรให้สมหวังในความรักตามแสงจันทร์และกระต่ายในคืนพระจันทร์เต็มดวง ผู้เข้าร่วมงานนี้จะได้รับ “ทะมะยุระ มะโมะริ (Tamayura Mamori)” เครื่องรางที่แจกให้เฉพาะในงานนี้เท่านั้นด้วย

2. ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ (Kawagoe Hikawa Shrine)

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ (Kawagoe Hikawa Shrine) ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตะมะ (Saitama) ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะสถานที่สถิตของ “เทพเจ้าแห่งความรัก” ซึ่งเชื่อกันว่าหากได้มาสักการะที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ให้โชคในเรื่องของความรักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องของการงานและความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงอีกด้วย

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

สิ่งที่แนะนำคือหินเครื่องราง (Enmusubi-dama) ของที่นี่นั้นจะมีมิโกะ (Miko) หรือหญิงสาวที่ช่วยงานที่ศาลเจ้าจะนำก้อนกรวดสีขาวๆ จากนั้นนำมาห่อด้วยตาข่ายที่ทำจากสายป่าน ซึ่งคนที่ได้ไปแล้วและเมื่อพบเจอกับคนที่ใช่ก็ให้กลับมาไหว้ที่ศาลเจ้าที่นี้แล้วนำหินเครื่องรางมาคืนพร้อมกันทั้งสองคน

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

จากนั้นได้รับเครื่องรางพิเศษเพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นมั่นคงและยืนยาวยิ่งขึ้น โดยหินเครื่องราง (Enmusubi-dama) จะมีการแจกฟรีให้กับ 20 คนแรกที่มาถึงศาลเจ้าในช่วงเวลา 8.00 น.

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

นอกจากนี้ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีการจัดงาน “กระดิ่งลมแห่งความรัก (Kawagoe Hikawa Shrine Wind Chime Festival)” ในช่วงวันที่ 7 กรกฎาคม – 9 กันยายน โดยจะมีกระดิ่งหลากสีสันกว่า 2,000 ชิ้นแขวนประดับไว้ ส่งเสียงกังวานไปทั่วบริเวณ ตอนกลางวันก็จะได้เพลิดเพลินกับความงามของท้องฟ้าใสและอากาศบริสุทธิ์ ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีการประดับไฟไลท์อัพส่องประกายระยิบระยับดูลึกลับงดงาม

3. ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) หรือศาลประจำเมืองเกียวโต ถูกสร้างขึ้นราว 1350 ปีก่อน ตัวอาคารต่างๆมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยเฉพาะบริเวณอาคารหลักจะมีการประดับประดาด้วยโคมไฟเป็นร้อยๆอันแขวนอยู่อย่างเด่นชัด ศาลเจ้ายาซากะนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในการจัดเทศกาลเฉลิมฉลองกิองมัทซุริ (Gion Matsuri) ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกๆ ปี

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ศาลเจ้ายาซากะ เป็นศาลเจ้าที่ให้โชคในหลายๆ ด้าน เช่นให้การค้าเจริญรุ่งเรือง ปัดเป่าเคราะห์ร้าย และให้ประสบความสำเร็จในด้านการเรียน อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะสถานที่สถิตของเทพเจ้าแห่งความรักและเป็นแหล่งเสริมดวงชะตาด้านความรักอีกด้วย ที่สำนักงานของศาลเจ้ามักเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่มาเสี่ยงเซียมซีทำนายรัก หรือที่เรียกว่า “โคอิมิคุจิ (Koi Mikuji)”

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

นอกจากนี้ยังสามารถเขียนคำอธิษฐานลงไปบนแผ่นไม้รูปหัวใจสุดน่ารักที่เรียกว่า “เอะมะ (Ema)” แล้วนำไปแขวนไว้ในบริเวณศาลเจ้าได้อีกด้วย

4. ศาลเจ้าโคอิโนะคิ (Koinoki Shrine)

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ศาลเจ้าโคอิโนะคิ (Koinoki Shrine) ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) เป็นศาลเจ้าที่แตกต่างไม่เหมือนใคร เพราะเป็นที่สักการะเทพเจ้าแห่งความรัก “โคอิโนะมิโคโตะ (Koi-no-Mikoto)” ซึ่งเป็นที่นับถือกันอย่างมากโดยเฉพาะในหมู่สาวๆ ในฐานะของเทพเจ้าแห่งความรักอันสุขสมหวังและเทพเจ้าแห่งความสุข ทางเดินไปสู่ตัวศาลเจ้าที่เรียกว่า “ทางเดินแห่งรัก” ก็ปูด้วยแผ่นกระเบื้องรูปหัวใจ

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นตราประจำวิหาร เครื่องราง แผ่นเซียมซี หรือแผ่นเอะมะ (Ema) ที่มีไว้สำหรับเขียนคำอธิษฐานล้วนออกแบบเป็นรูปหัวใจ จนทั่วทั้งบริเวณศาลเจ้าเต็มไปหมดรูปหัวใจ ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่ถ่ายรูปออกมาสวยน่ารักจนอยากจะเก็บภาพสวยๆ ไว้ในกล้องขึ้นมาเลยทีเดียว

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

เทศกาลประจำปีของศาลเจ้าแห่งนี้ ได้แก่

Good Match Accomplishment Festivals : 3 มีนาคม และ 3 พฤศจิกายน

Good Match Festival : 7 กรกฎาคม

Shrine Festivals : 5, 15, 25 ของทุกเดือน

5. ศาลเจ้าอิซุโมะไทชะ (Izumo Taisha Grand Shrine)

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ศาลเจ้าอิซุโมะไทชะ (Izumo Taisha Grand Shrine) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมะเนะ (Shimane) เป็นศาลเจ้าที่สถิตของเทพเจ้า “โอคุนินุชิ โนะ โอคะมิ (Okuninushi no Okami)” ที่ไม่ได้ให้โชคในเรื่องของความรักเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเทพเจ้าที่ให้โชคลาภในเรื่องของความสัมพันธ์ต่างๆ อีกหลายแง่มุมด้วย

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ทั้งนี้ควรจะอธิษฐานขอพรตามรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศาลเจ้าอิซุโมะไทชะแห่งนี้ โดยการโค้งคำนับ 2 ครั้ง ตบมือ 4 ครั้ง แล้วจบด้วยโค้งคำนับอีก 1 ครั้ง ณ บริเวณด้านหน้า “ไฮเด็น (Haiden)” ซึ่งเป็นอาคารสำหรับประกอบพิธีทางศาสนา

5 ศาลเจ้าญี่ปุ่น..ขอพรเรื่องรักแล้วปังสุดๆ

ในญี่ปุ่นนั้นเชื่อกันว่า “ด้ายสีแดง” เป็นด้ายศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังลึกลับให้โชคด้านความรัก และ “ด้ายแห่งความรัก” เครื่องรางสีแดงสลับขาวของที่นี่ก็เป็นที่ขึ้นชื่อว่าสามารถช่วยให้สมหวังในความรักได้เป็นอย่างดี และหลังจากสักการะเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถเดินช้อปปิ้งของที่ระลึกเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ที่ถนนด้านหน้าศาลเจ้าอีกด้วย

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์


วันนี้อยากมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักและเคยไปมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ “พุกาม” เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์” ของพม่า ที่ทั้งงดงาม ดูอลังการ รวมกับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และน่ารักของผู้คน รวมทั้งยังเมืองที่ติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในโลกอีกด้วย

และหากอยากรู้ว่า “พุกาม” นั้นจะสวยเพียงใดก็ต้องลองไปดูสักครั้ง รับรองว่าทุกคนต้องประทับใจและไม่ผิดหวังกับความสวยงามของเมืองนี้อย่างแน่นอน

ทำความรู้จักพุกาม

จากอดีตพุกามเป็นอาณาจักรแรกของพม่าที่ยิ่งใหญ่ และรุ่งเรืองมากๆ ช่วง (พ.ศ. 1587-1830) โดยมี “พระเจ้าอโนรธามังช่อ” เป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม และมีความเชื่อว่ายิ่งสร้างเจดีย์มากเท่าไรก็ยิ่งช่วยเสริมอำนาจบารมี และความเป็นสิริมงคลให้รัชกาลของตนเองมากเท่านั้น

จนทำให้เมืองพุกามเต็มไปด้วยเจดีย์มากมาย และขึ้นชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์” และในสมัยรุ่งเรืองพุกามเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ ซึ่งแต่ละแห่งมีอายุเก่าแก่กว่าพันปีเลย

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

จุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวเที่ยวขึ้นไปชมทะเลเจดีย์ คือ เจดีย์ชเวสันดอว์ เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมหรือที่เรียกว่ามุมมหาชนเลยก็ว่าได้ เมื่อปีนขึ้นไปด้านบนสุดจะเห็นวิวได้ไกลที่สวยงามมากๆ สามารถถ่ายรูปได้ทั้งช่วงเช้า และเย็น

นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นชมวิวที่เจดีย์อื่นๆ ได้อีกหลายที่ Pyathard Gyi, South Gunni, North Gunni และ Thitsaw Wati แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละที่ด้วย เพราะอาจจะสร้างความเสียหายให้กับเจดีย์ได้

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

นั่งรถม้าดื่มด่ำบรรยากาศเมืองพุกามแบบชิลล์ๆ อีกหนึ่งบริการที่นักท่องเที่ยวที่นิยมมากๆ

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพุกาม

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

เจดีย์ชเวสิกอง

1 ใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์ของพม่า องค์เจดีย์สีทองอร่ามทรงระฆังควํ่า สูง 160 เมตร เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระเขี้ยวแก้วเจดีย์รูปแบบศิลปะพม่าแท้แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์อโนรธามังช่อ ด้วยทรงเชื่อว่าตนเองเป็น “พระมหาจักรพรรดิราช” จึงพยายามรวบรวมพระสารีริกธาตุมาไว้ด้วยกัน จากนั้น ทรงปล่อยช้างเผือกที่อัญเชิญมาจากลังกาออกไปเพื่อเสี่ยงทาย พญาช้างเผือกพํานักที่ตรงไหน ก็สร้างเจดีย์ชเวสิกองที่นั้น แต่สร้างฐานไปได้แค่สามชั้นพระเจ้าอโนรธามังช่อก็สิ้นพระชนม์ลงเสียก่อน พระเจ้าจันสิตธาจึงสร้างต่อจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี 1089

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

เจดีย์วิหารธรรมยังจี

เจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในพุกาม ลักษณะอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขยื่นออกมาสี่ด้าน สร้างขึ้นโดยกษัตริย์นราธุ ด้วยทรงกระทำปิตุฆาตและเกรงว่ากรรมจะติดตามไปในชาติภพหน้า พระองค์จึงสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเพื่อล้างบาป ทรงควบคุมดูแลการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ถ้าช่างวางเรียงศิลาให้มีช่องพอให้สอดเข็มเข้าไปได้แม้สักเล่มหนึ่ง ก็จะมีรับสั่งให้ประหารช่างผู้นั้นทันที

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

ซึ่งเป็นอีกสถานที่ที่สวยมาก หากมาแล้วต้องห้ามพลาด และยังเป็นเจดีย์ที่ถือว่าโดดเด่นที่สุดในพุกามก็ว่าได้

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

เจดีย์สัพพัญญู

เจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในเมืองพุกามความสูงทั้งสิ้นประมาณ 61 เมตร สร้างขึ้นตามศิลปะแบบปาละของอินเดีย โดยกษัตริย์อลองสิตู โดยแบ่งลักษณะของเจดีย์ออกเป็นระดับจำนวน 5 ชั้น

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

นอกจากพุกามจะมีทะเลเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม และอลังการมากๆ แล้ว นอกจากนี้ ยังมีวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญและเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์อีกมากมายมากกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เช่น วัดอานันทวิหาร, มนูหะวิหาร, เจดีย์บูพยา รวมถึงตลาดและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่น่าสนใจ

ทัวร์พม่า พุกาม..ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์สี่พันองค์

ผู้คนก็อัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส ดูเป็นมิตร เข้ากับเมืองที่มีเสน่ห์อันเก่าแก่นี้มากๆ ยิ่งคนที่ชอบของเก่าๆ เรื่องราวประวัติศาสตร์ ต้องหลงรักเมืองนี้อย่างแน่นอน

ทัวร์ญี่ปุ่นราคาถูก

เที่ยวญี่ปุ่นราคาถูก แล้วได้วิวบรรยากาศครบแบบทริปนี้นั้นหายากมากๆบอกเลย หากเราไปเที่ยวในช่วงเวลาที่ไม่ใช่ฤดูของเค้าทริปแพงแค่ไหนก็อาจจะไม่ได้เห็นก็เป็นได้ ทริปนี้เลยถือว่าเป็นทริปที่ คุ้มมากๆ ลองดูนะครับวันนี้เราจะพาไปเสพเสน่ห์อันน่าหลงใหลของช่วงฤดูนี้

เสน่ห์..แห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

Autumn Sakura 2 สีสันใน 1 ฤดูกาล

ชมความสวยงามของซากุระ 4 ฤดูพร้อมใบไม้เปลี่ยนสี ณ สวน โอบาระ อีกเสน่ห์ความงามของช่วงฤดูที่ห้ามพลาดในทริป เที่ยวญี่ปุ่นราคาถูก นี้

ตามปกติแล้วดอกซากุระในญี่ปุ่นจะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิแต่ซากุระที่เมืองโอบาระนี้กลับมีความพิเศษต่างจากซากุระพันธุ์อื่นๆ ตรงที่ 1 ปีจะบานถึง 2 ครั้ง คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน) และในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (เดือนพฤศจิกายน)

ทัวร์ญี่ปุ่นราคาถูก-พาไปดูซากุระจะบานพร้อมกับใบไม้แดงทั้งป่า

โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้จะเป็นช่วงที่ซากุระจะบานพร้อมกับใบไม้แดงทั้งป่าทำให้สีของใบไม้แดงตัดกับสีชมพูของดอกซากุระอย่างงดงาม จึงทำให้สวนแห่งนี้ดูสวยงาม และให้ความรู้สึกน่าตื่นตา ตื่นใจ มากกว่าที่ใดๆ ในญี่ปุ่น ที่สำคัญหาชมได้ยากมากๆ อีกด้วย

ดอกซากุระที่สวนโอบาระนี้จะมีชื่อสายพันธุ์ว่า Shikizakura หรือที่เรียกว่า ซากุระ 4 ฤดู ซึ่งดอกจะมีลักษณะเล็กกว่า และบานนานกว่าซากุระสายพันธุ์อื่นๆ ปกติทั่วไปจะเริ่มบานปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนธันวาคม ซึ่งในช่วงนี้ก็จะมีการจัดเทศกาลชมซากุระสี่ฤดู ระหว่างวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน ของทุกปี บริเวณสวน Obara Fureai โดยจะมีซุ้มขายอาหาร เครื่องดื่ม และร้านค้าต่างๆ มากมายให้เราใช้บริการ แต่ของแนะนำเพิ่มอีกเรื่องคือความสะอาด ในสวนที่นี่ชาวญี่ปุ่นจะเน้นเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก หากเราได้ซื้อเครื่องดื่ม หรืออาหาร ต้องย่าลืมจัดเก็บให้เป็นที่ด้วยนะครับ

โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Obara จังหวัด Aichi ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Nagoya ซึ่งที่บริเวณนี้จะมีดอก Shikizakura ปลูกไว้มากถึง 10,000 ต้น เลยทีเดียว เอาหละท่านผู้อ่าน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เริ่มอยากไปแล้วใช่มั๊ยละ Siamorchard เรามีทริปรองรับแล้วไปเลือกดูกันได้เลยกับ เที่ยวญี่ปุ่นราคาถูก มีจริงในโลก เอ๊า…รออะไรละคลิกเลย ดูทัวร์ญี่ปุ่น

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
Sagano Romantic Train

รถไฟชมวิว Sagano Torokko Train

ได้ชื่อว่าเป็นรถไฟสายโรแมนติก ซึ่งมีที่มาจากวิวทิวทัศน์ระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่านหุบเขาเลียบแม่น้ำโฮสุที่เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขาทั้งลูกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม เหลือง และแดง พากันเบ่งบานอวดโฉมไปตลอดทั้งเส้นทาง อาราชิยาม่า

 

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
Sagano Torokko Train

ผู้โดยสารในขบวนรถไฟก็สามารถสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติในช่วงฤดูกาลนี้ด้วยโบกี้รถไฟแบบย้อนยุค ซึ่งมีทั้งโบกี้ที่นั่งไม้แบบธรรมดา และโบกี้แบบหลังคาเปิดโล่ง ให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศอันสดชื่น พร้อมวิวทิวทัศน์สองข้างทางได้อย่างใกล้ชิด

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
Sagano Torokko Train

ขบวนรถไฟโรแมนติกนี้จะเริ่มต้นที่สถานี Saga Torokko Station อาราชิยาม่า วิ่งผ่านสถานี Arashiyama Torokko Station และสถานี Hozukyo Torokko Station ไปสิ้นสุดที่สถานี Kameoka Torokko Station ซึ่งเป็นสถานีปลายทางรวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที

 

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า

โดยระหว่างทางนั้นรถไฟจะจอดทุกสถานีเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถลงเพื่อแวะเที่ยวได้ หากซื้อตั๋วไป-กลับ เอาไว้ เมื่อถึงสถานีปลายทางก็นั่งรอสักครู่ รถไฟก็จะพาเราวิ่งกลับมายังเส้นทางเดิม

 

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
ทางเดินเรียบป่าไผ่

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะซื้อตั๋วแบบไป – กลับ เพื่อนั่งรถไฟสายโรแมนติกไปถึงสถานี Kameoka Torokko และนั่งกลับมายังสถานี Arashiyama Torokko เพื่อเดินเที่ยวชมป่าไผ่ซากาโนะ สะพาน Togetsukyo และสถานที่อื่นๆ ใน อาราชิยาม่า

 

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
Togetsukyo

สะพานข้ามแม่น้ำโฮสุ บริเวณนี้มีวิวทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงาม มีภูเขาอาราชิยาม่าเป็นฉากหลัง เราสามารถเดินชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีในบริเวณนี้ได้

 

นั่งรถไฟสายโรแมนติก..สัมผัสความสวยงามช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่อาราชิยาม่า
วัดเท็นริวจิ

วัดที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของวัดในเกียวโต และยังเป็นหนึ่งใน 5 วัดมรดกโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเกียวโต

ฮอกไกโด 2566 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ห้ามพลาด 9 ที่สุดชิค

ฮอกไกโด จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ห้ามพลาด 9 ที่สุดชิค
ฮอกไกโด จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ห้ามพลาด 9 ที่สุดชิค
ฮอกไกโด จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ห้ามพลาด 9 ที่สุดชิค

ไปทัวร์ญี่ปุ่นกัน เมื่อฤดูแห่งสีสันกำลังจะกลับมาเยือนอีกครั้ง อากาศก็เริ่มเย็นสบายขึ้น ใบไม้ก็จะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นเหลือง ส้ม แดง สลับซับซ้อน คู่กับวิวอย่างสวยงาม และสิ่งที่แรกที่เราควรทำก็คือ เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปดูใบไม้เปลี่ยนสีก่อนใครที่ฮอกไกโดกัน

โปรแกรมชมใบไม้เปลี่ยนสี

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
สะพานแขวนฟุตามิ

สะพานแขวนฟุตามิ

สะพานไม้สีแดงที่ทอดข้ามแม่น้ำโทโยฮิระ อีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยและห้ามพลาดของเกาะฮอกไกโด

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
มหาวิทยาลัยฮอกไกโด

มหาวิทยาลัยฮอกไกโด

ที่นี่เต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยที่ปลูกไว้บริเวณเรียบถนนเมื่อมองในระยะไกลก็จะเห็นเป็นเหมือนอุโมงค์แปะก๊วยที่เหลืองอร่ามไปทั้งแถบอย่างสวยงาม

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
บ่อน้ำสีฟ้า

บ่อน้ำสีฟ้า

บ่อน้ำมหัศจรรย์แห่งเมืองบิเอะ ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือนบริเวณบ่อน้ำแห่งนี้ก็จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้ที่สวยงามตัดกับน้ำสีฟ้า ให้บรรยากาศที่สวยงามแบบมีชีวิตชีวามากๆ

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง

อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะฮอกไกโดเช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งเป็นจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสีก่อนที่ใดในญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนไล่จากยอดเขาลงมาเรื่อยๆ จึงทำให้ผืนป่าแห่งนี้มีสีสันที่สวยงาม และมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเกาะฮอกไกโดอีกด้วย

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
อาคารรัฐสภา

อาคารรัฐสภา

อาคารสีแดงอิฐ ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ด้านหน้ามีสวนหย่อมที่ร่มรื่น เรียงรายด้วยต้นซากุระ และต้นแปะก๊วย เมื่อฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาถึง ใบแปะก๊วยก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อย่างสวยงาม

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
โจซังเค ออนเซ็น

โจซังเค ออนเซ็น

เมืองออนเซ็นที่ไม่ไกลจากซัปโปโรซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง เท่านั้น ซึ่งเมืองแห่งนี้มีธรรมชาติที่รายล้อมอย่างสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้นไม้ ใบไม้ พร้อมใจกันเปลี่ยนสีอย่างสวยงาม ถือว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามมาๆ แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลย

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
จิโกกุดานิ

จิโกกุดานิ

นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็นแล้วยังขึ้นชื่อเรื่องการชมใบไม้เปบลี่ยนสีด้วยนะคะ การแช่ออนเซ็น และการชมบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีที่อบอวลไปด้วยควันสีขาวอย่างสวยงามอีกด้วยค่ะ

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
หอคอยโกะเรียวคะคุ

หอคอยโกะเรียวคะคุ

ป้อมปราการแบบตะวันตกที่สร้างเสร็จเมื่อ 150 ปีที่แล้ว ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีต้นไม้ที่ล้อมรอบบริเวณคูป้อมจะเปลี่ยนเป็น สีเหลือง แดง ส้ม อย่างสดใส

#SiamOrchardGroup #ผู้ช่วยที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยว #AppleJapan #Autumn #จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด #ทัวร์ญี่ปุ่น #ทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสี
สวนสาธารณะมิฮาราชิ

สวนสาธารณะมิฮาราชิ

สวนสาธารณะที่ประกอบไปด้วยต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นมากมาย ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนสาธารณะแห่งนี้จะมีการตกแต่งไฟในสวน ซึ่งให้บรรยากาศที่สวยงามมากๆ