พิธีชงชาญี่ปุ่น – ศิลปะแห่งการดื่มชาที่ควรสัมผัสในทัวร์ญี่ปุ่น

การเดินทางใน ทัวร์ญี่ปุ่น ไม่ได้มีดีแค่การชมซากุระหรือนั่งชิงกันเซ็น แต่ยังมีวัฒนธรรมอันลึกซึ้งที่รอให้คุณได้สัมผัส และหนึ่งในนั้นคือ พิธีชงชาญี่ปุ่น หรือ ซาโด (茶道) ที่สะท้อนจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นผ่านการเสิร์ฟชาเขียวอย่างประณีต

พิธีชงชา: มากกว่าการดื่มชาธรรมดา

พิธีชงชาญี่ปุ่นมีรากฐานมาจากพุทธศาสนานิกายเซน และพัฒนามาเป็นศิลปะที่เน้นความเรียบง่าย สมดุล และความสงบ ทุกขั้นตอนล้วนมีความหมาย ตั้งแต่การเตรียมอุปกรณ์ การตีชา (มัทฉะ) ไปจนถึงวิธีการรับถ้วยชาที่แสดงความเคารพ

หากคุณไป ทัวร์ญี่ปุ่น การเข้าร่วมพิธีชงชาเป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาด โดยเฉพาะที่เมืองเก่าเช่น เกียวโต หรือ คะนะซาวะ ซึ่งยังคงรักษาวิธีการดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์

ขั้นตอนสำคัญในพิธีชงชาญี่ปุ่น

  1. การเตรียมตัว (準備 – Junbi)
    เจ้าบ้านจะจัดเตรียมห้องชงชาอย่างพิถีพิถัน โดยใช้เครื่องใช้เช่น *ถ้วยชา (茶碗 – Chawan)*, *ที่ตีชา (茶筅 – Chasen)* และ *ช้อนตักชา (茶杓 – Chashaku)*

  2. การทำความเคารพ (お辞儀 – Ojigi)
    ก่อนเริ่มพิธี ทั้งเจ้าบ้านและแขกจะโค้งคำนับเพื่อแสดงความนับถือ

  3. การชงชา (点前 – Temae)
    ชาเขียวผง (มัทฉะ) จะถูกตีจนเป็นฟองละเอียดด้วยน้ำอุ่น โดยทุกการเคลื่อนไหวต้องทำอย่างสง่างาม

  4. การเสิร์ฟและรับชา (お茶をいただく – Ocha wo itadaku)
    แขกจะรับถ้วยชาด้วยมือขวา วางบนฝ่ามือซ้าย แล้วหมุนถ้วยเล็กน้อยก่อนดื่ม เพื่อแสดงความขอบคุณ

ที่ไหนในญี่ปุ่นที่ควรลองพิธีชงชา?

  • เกียวโต: ศูนย์กลางวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีโรงเรียนสอนชงชามากมาย เช่น อุราซังเกะ (裏千家)

  • คะนะซาวะ: เมืองแห่งวัฒนธรรมซามูไร ที่นี่มีห้องชงชาแบบดั้งเดิมในสวน เคนโรกุเอ็น

  • โตเกียว: สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวก สามารถลองพิธีชงชาแบบย่อที่ อาคารวัฒนธรรมในโตเกียว

หากคุณวางแผนไป ทัวร์ญี่ปุ่น ลองจัดเวลาเพื่อสัมผัสพิธีชงชาแบบเต็มรูปแบบ หรือแม้แต่เวิร์กช็อปสั้นๆ ที่ให้คุณได้ลองชงชาด้วยตัวเอง

สรุป

พิธีชงชาญี่ปุ่นไม่ใช่แค่การดื่มชา แต่คือการเข้าถึงปรัชญาและวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น การได้ร่วมพิธีนี้ใน ทัวร์ญี่ปุ่น จะทำให้คุณเข้าใจวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของประเทศนี้มากขึ้น และอาจกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ประทับใจที่สุดในการเดินทางครั้งนี้

หากคุณสนใจทัวร์ที่รวมประสบการณ์วัฒนธรรมเช่นนี้ อย่าลืมเลือกแพ็กเกจ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่มีกิจกรรมพิเศษเช่นพิธีชงชา หรือติดต่อสอบถามเราได้เลยนะคะ เพื่อการเดินทางที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านความสนุกและความรู้การทัวร์ญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น นาโกย่า เมืองแห่งวัฒนธรรมและนวัตกรรม

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมเพื่อไป ทัวร์ญี่ปุ่น เมืองที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย นาโกย่า (Nagoya) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาด! เมืองใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาหารเลิศรส และประสบการณ์การเดินทางที่ลงตัววันนี้เราขอแนะนำจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจไปดูกันเลยจ้า

1. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)

ไฮไลต์ของทัวร์ญี่ปุ่นในนาโกย่า ต้องเริ่มที่ ปราสาทนาโกย่า สัญลักษณ์สำคัญของเมือง สร้างในปี 1612 โดยโชกุนโตกุงาวะ อิเอยาซุ ปราสาทสีทองสวยงามนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแคว้นโอวาริ

แนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อชมซากุระบานรอบปราสาท และอย่าพลาดชม คินชาจิ (Kinshachi) หรือรูปปั้นปลาทองคำบนยอดปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง


2. ศาลเจ้าแอตสึตะ (Atsuta Jingu)

ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์อายุเก่าแก่กว่า 1,900 ปี เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าภรรจุ ดาบศักดิ์สิทธิ์ Kusanagi-no-Tsurugi หนึ่งในสามสมบัติแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น

เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบ และต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม บริเวณรอบศาลเจ้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง


3. พิพิธภัณฑ์รถไฟ JR SCMAGLEV

หากคุณเป็นคนชอบเทคโนโลยี ทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ต้องไม่พลาดที่นี่! พิพิธภัณฑ์นี้จัดแสดง ประวัติศาสตร์รถไฟญี่ปุ่น และนวัตกรรมรถไฟความเร็วสูง ชินคันเซน รวมถึง รถไฟแม็กเลฟ (Maglev) ที่ทำความเร็วได้กว่า 500 กม./ชม.

เหมาะสำหรับครอบครัว เพราะมีโซนให้เด็กๆ ได้ลองขับรถไฟจำลอง และเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสนุกๆ


4. ย่านซาคาเอะ (Sakae) & หอคอยนาโกย่า TV Tower

ย่านช้อปปิ้งและความบันเทิงใจกลางเมืองนาโกย่า ที่นี่มีทั้ง ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า คาเฟ่เก๋ๆ และแหล่ง夜生活

หอคอยนาโกย่า TV Tower เป็นหอคอยเก่าแก่ที่เปิดให้ขึ้นไปชมวิวเมืองแบบพาโนรามา แนะนำให้มาเวลากลางคืน เพราะจะเห็นเมืองสว่างไสวสวยงามมาก


5. โอสุ คันนอน (Osu Kannon) & ย่านช้อปปิ้งโอสุ

วัดโบราณที่ผสมผสานกับย่านช้อปปิ้งสุดคึกคัก โอสุ คันนอน เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในนาโกย่า ส่วน ย่านโอสุ จะคล้ายกับ อากิฮาบาระ แต่มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่า มีทั้งร้านขายสินค้ามือสอง ร้านคาเฟ่แนวออโตะเมะ และอาหารท้องถิ่น

ต้องลอง:

  • เมนูเทโบะชิ (Tebasaki) ปีกไก่ทอดสูตรนาโกย่า
  • คิชิเมน (Kishimen) เส้นอุด้งแบนๆ สไตล์นาโกย่า

สรุป

นาโกย่า เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัส ทัวร์ญี่ปุ่นแบบครบรส ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และอาหารอร่อย หากคุณวางแผนมาเที่ยวญี่ปุ่น  นาโกย่า ต้องอยู่เมืองที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้งเช่นกัน!

✈️ เริ่มวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นวันนี้ แล้วมาสัมผัสเสน่ห์ของนาโกย่าด้วยตัวเองรับรองว่าคุณจะประทับใจแน่นอน แล้วพบกันนะคะ

เที่ยวญี่ปุ่น สัมผัสเสน่ห์แดนอาทิตย์อุทัย หลากรส หลายสไตล์ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!

ญี่ปุ่น… เพียงแค่ได้ยินชื่อก็เหมือนมีมนต์ขลังดึงดูดให้ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต ดินแดนที่ผสมผสานความล้ำสมัยเข้ากับวัฒนธรรมเก่าแก่ได้อย่างลงตัว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ไปเยือนญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะเป็นสายชิลล์ สายกิน สายช้อป หรือสายผจญภัย ญี่ปุ่นก็มีทุกสิ่งให้คุณได้สัมผัสและประทับใจอย่างแน่นอน

การวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น นั้นสำคัญมาก เพราะแต่ละฤดูกาลก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป หากคุณชอบบรรยากาศโรแมนติกของดอกซากุระบานสะพรั่ง ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด หรือถ้าอยากสัมผัสอากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามทั่วประเทศ ช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายนก็เป็นอีกช่วงที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีเทศกาลและงานเฉลิมฉลองต่างๆ มากมายตลอดทั้งปี ลองศึกษาและเลือกช่วงเวลาที่ตรงกับความสนใจของคุณดูสิ

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว เที่ยวญี่ปุ่น ก็มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสันอย่างโตเกียว ที่คุณจะได้พบกับเทคโนโลยีสุดล้ำ แฟชั่นทันสมัย ร้านอาหารอร่อยๆ และแหล่งช้อปปิ้งหลากหลาย ไปจนถึงเมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามและธรรมชาติอันงดงามอย่างเกียวโต ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม นอกจากนี้ เมืองใหญ่อื่นๆ อย่างโอซาก้าที่มีชื่อเสียงเรื่องอาหารอร่อยๆ และปราสาทที่ยิ่งใหญ่ หรือฮอกไกโดที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และอาหารทะเลสดใหม่ ก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการ เที่ยวญี่ปุ่น

การเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่น ก็สะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งด้วยความเร็วสูง เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ หรือรถไฟใต้ดินและรถโดยสารประจำทางในเมืองใหญ่ ทำให้คุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การมี Japan Rail Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟเป็นหลัก

สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อ เที่ยวญี่ปุ่น คือการได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นหลากหลายชนิด ตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ ราเม็ง เทมปุระ ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ละภูมิภาคก็มีอาหารท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป การได้ลองชิมอาหารอร่อยๆ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สำคัญที่จะทำให้ทริป เที่ยวญี่ปุ่น ของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

สำหรับนักช้อป การ เที่ยวญี่ปุ่น ก็เหมือนสวรรค์ เพราะมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ ตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสินค้าพื้นเมืองและของฝากน่ารักๆ ย่านช้อปปิ้งชื่อดังอย่างชินจูกุ ชิบูย่าในโตเกียว หรือโดทงโบริในโอซาก้า จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าจนลืมเวลา

ไม่ว่าคุณจะวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น ในรูปแบบไหน การได้สัมผัสวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ การได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ การได้ลิ้มรสอาหารอร่อยๆ และการได้พบปะผู้คนที่เป็นมิตร จะสร้างความทรงจำอันแสนประทับใจให้กับคุณอย่างแน่นอน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกไปสัมผัสเสน่ห์ของแดนอาทิตย์อุทัยด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะหลงรักการ เที่ยวญี่ปุ่น อย่างแน่นอน!

แน่นอนครับ สำหรับแผน เที่ยวญี่ปุ่น 2025 นี่คือ 5 สถานที่ที่กำลังได้รับความนิยมและน่าสนใจเป็นพิเศษครับ:

  1. TeamLab Borderless Tokyo (Reopening 2024/2025): หลังจากปิดตัวลงใน Odaiba ไปเมื่อปี 2022 แฟนๆ ของ TeamLab กำลังตั้งตารอคอยการกลับมาของนิทรรศการดิจิทัลอาร์ต immersive อันโด่งดังนี้ในโตเกียวอีกครั้ง แม้จะยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่คาดการณ์ว่าจะกลับมาเปิดตัวอีกครั้งในช่วงปี 2024 หรือต้นปี 2025 ด้วยคอนเซ็ปต์และประสบการณ์ที่น่าจะยิ่งตื่นตาตื่นใจกว่าเดิม ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะล้ำสมัยและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ห้ามพลาดที่จะติดตามข่าวสารและวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น 2025 เพื่อไปสัมผัส TeamLab Borderless โฉมใหม่นี้ครับ

  2. Immersive Fort Tokyo: สวนสนุกในร่มแห่งใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวใน Odaiba เมื่อเดือนมีนาคม 2024 นี้เอง แต่ด้วยคอนเซ็ปต์ “Immersive Theatre” ที่นำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงสุดอลังการ ทำให้กลายเป็นที่ฮือฮาและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ผู้เข้าชมจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไขปริศนาคดีฆาตกรรม ไล่ล่าผี หรือผจญภัยในโลกแฟนตาซี ด้วยเทคโนโลยี แสง สี เสียง และนักแสดงมืออาชีพ ทำให้การ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 ของคุณเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและแปลกใหม่

  3. Shibuya Sky (Tokyo): ถึงแม้จะเปิดตัวมาได้สักพักแล้ว แต่ Shibuya Sky ยังคงเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยทัศนียภาพแบบพาโนรามา 360 องศาของโตเกียว โดยเฉพาะวิว Shibuya Scramble Crossing ที่โด่งดัง ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดสำหรับการ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องส่องสว่างสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีโซน Outdoor Observation Deck ที่ให้คุณได้สัมผัสลมเย็นๆ และถ่ายรูปสุดประทับใจ

  4. The Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter: สำหรับแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ การ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 จะพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการไปเยือน Studio Tour แห่งนี้ ที่เปิดตัวในปี 2023 ตั้งอยู่ใน Nerima Ward โตเกียว ที่นี่คุณจะได้เดินชมฉากต่างๆ จากภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างใกล้ชิด พบกับอุปกรณ์ประกอบฉาก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และเรียนรู้เทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ใช้ในการถ่ายทำ เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและดื่มด่ำสำหรับทุกคนที่ชื่นชอบโลกเวทมนตร์

  5. พื้นที่ธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งในภูมิภาคต่างๆ: นอกเหนือจากเมืองใหญ่แล้ว ในปี 2025 เทรนด์การท่องเที่ยวที่เน้นธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งน่าจะยังคงได้รับความนิยม ญี่ปุ่นมีอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม ภูเขาไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทะเลสาบที่เงียบสงบ และเส้นทางเดินป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปีนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน การชมใบไม้เปลี่ยนสีในหุบเขาคามิโคจิ หรือการเล่นสกีในฮอกไกโด การ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 โดยเน้นไปที่การสัมผัสธรรมชาติก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง

หวังว่า 5 สถานที่แนะนำนี้จะเป็นไอเดียเพิ่มเติมสำหรับแผนการ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 ของคุณนะครับ อย่าลืมติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนานครับ!

ทัวร์ญี่ปุ่น ฮาโกดาเตะ เที่ยวสนุก แนะนำที่เที่ยวสุดปัง!

หากคุณกำลังมองหา ทัวร์ญี่ปุ่น ที่ผสมผสานความคลาสสิกกับความสวยงามของธรรมชาติ ฮาโกดาเตะ (Hakodate) คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! เมืองท่าสุดชิคทางตอนใต้ของฮอกไกโดแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อาหารอร่อย และบรรยากาศโรแมนติก วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจ ที่เที่ยวฮาโกดาเตะ ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไป ทัวร์ญี่ปุ่น แบบจัดเต็ม!


1. ย่านคันโนะอิ (Kanemori Red Brick Warehouse)

แหล่งช้อปปิ้งและของฝากสุดฮิตของฮาโกดาเตะ! ย่านโกดังสีแดงเก่าแก่นี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง แนะนำให้มาเดินเล่นช่วงเย็นเพื่อสัมผัสบรรยากาศย้อนยุค พร้อมชิมของอร่อยเช่น ไอศกรีมนมฮอกไกโด และ เบียร์ท้องถิ่น


2. จุดชมวิวยามค่ำคืนบนภูเขาเฮะโกะดาเตะ (Mount Hakodate)

หนึ่งใน 3 จุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น! การขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดเขาเพื่อชมวิวเมืองที่สว่างไสวเป็นประสบการณ์ที่คุณต้องลองเมื่อมา ทัวร์ญี่ปุ่น ฮาโกดาเตะ แนะนำให้มาใกล้ค่ำเพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ตกและแสงไฟที่ค่อยๆ สว่างขึ้น


3. ตลาด早朝函館朝市 (Hakodate Morning Market)

ตลาดสดชื่อดังที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่ โดยเฉพาะ ปูทะเล และ หอยลายยักษ์ แนะนำให้มาทานข้าวเช้าที่นี่กับข้าวปั้นหน้าปู (Kaisendon) หรือลองลุ้นจับปลาหมึกสดแล้วให้เชฟทำเป็นซาชิมิให้ทานทันที!


4. ป้อมโกะเรียวคะคุ (Goryokaku Fort)

ป้อมรูปดาว 5 แฉกที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่น ในฤดูใบไม้ผลิจะกลายเป็นจุดชม ซากุระ ที่สวยงาม ส่วนในฤดูหนาวก็มีการประดับไฟวิเศษ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮาโกดาเตะ


5. โมโมโนะคังบังไค (Motomachi District)

ย่านสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เต็มไปด้วยโบสถ์สไตล์ยุโรปและบ้านเรือนเก่าแก่สวยๆ แนะนำให้เดินเล่นชมบรรยากาศแบบชิลๆ และถ่ายรูปสวยๆ โดยเฉพาะที่ Old Public Hall of Hakodate Ward


6. ออนเซ็นยูนางิ (Yunokawa Onsen)

หากอยากผ่อนคลายหลังท่องเที่ยวมาทั้งวัน ยูนางาวะ ออนเซ็น คือแหล่งน้ำพุร้อนใกล้ตัวเมืองฮาโกดาเตะ ที่นี่มีทั้งโรงแรมและรีสอร์ทให้เลือกพัก แช่น้ำอุ่นพร้อมวิวธรรมชาติสุดฟิน


สรุป

ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบ ทัวร์ญี่ปุ่น แบบชิลๆ มีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารเลิศรส ไม่ว่าจะเป็นวิว夜景 สถาปัตยกรรมสวยๆ หรืออาหารทะเลสดๆ รับรองว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือน!

หากวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น ครั้งต่อไป อย่าลืมเพิ่ม ฮาโกดาเตะ เข้าในลิสต์ แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้แน่นอน!

✈️ เตรียมกระเป๋าแล้วไปกันเลย! 🇯🇵

ทัวร์ญี่ปุ่น บิเอะ (Biei) ดินแดนแห่งความงามที่ซ่อนอยู่ในฮอกไกโด

หากคุณกำลังมองหาทัวร์ญี่ปุ่นที่พาคุณไปสัมผัสธรรมชาติสวยงามแบบไม่เหมือนใคร “บิเอะ” (Biei) ในฮอกไกโดคือจุดหมายที่ห้ามพลาด! บิเอะเป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี เนินเขารูปทรงสวยงาม และทิวทัศน์ที่ดูเหมือนภาพวาด จนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งภาพวาด” ไปดูกันเลยว่าเมืองบิเอะ มีอะไรน่าสนใจขนาดไหน

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในบิเอะ

1. เนินชิคิซัง (Shikisai-no-Oka)

หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของบิเอะ เนินชิคิซังคือทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน หรือดอกทิวลิปในฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่คุณสามารถนั่งรถม้าหรือรถบั๊กกี้ชมวิวแบบพาโนราม่า

2. ปาตีแอร์ฟาร์ม (Patchwork Road)

เส้นทางขับรถที่สวยที่สุดในบิเอะ! ด้วยทุ่งเกษตรกรรมที่เรียงรายเป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายแผ่นผ้าปะติดปะต่อกัน พร้อมจุดแวะพัก如 เนินเค็นกับแมรี่ (Ken & Mary Tree) และ ต้นโอ๊กแฝด (Parent and Child Tree) ที่เป็นสัญลักษณ์ของบิเอะ

3. บลูพอนด์ (Blue Pond)

สระน้ำสีฟ้าใสที่เกิดจากแร่ธาตุในน้ำจนกลายเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ มองเห็นเงาสะท้อนของต้นเบิร์ชขาวตัดกับสีน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่สวยราวกับภาพวาด

4. เนินโอไกดะ (Hokusei Hill Observatory)

จุดชมวิวมุมสูงที่มองเห็นทิวทัศน์แบบ 360 องศา เหมาะสำหรับถ่ายภาพบรรยากาศ pastoral แบบเต็มอิ่ม

ช่วงเวลาแนะนำในการไปทัวร์ญี่ปุ่น บิเอะ

  • เมษายน-พฤษภาคม: ดอกทิวลิปและฤดูใบไม้ผลิ
  • มิถุนายน-สิงหาคม: ดอกลาเวนเดอร์และทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม
  • กันยายน-ตุลาคม: ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม
  • พฤศจิกายน-มีนาคม: หิมะขาวโพลน บรรยากาศฟินแลนด์แบบญี่ปุ่น

การเดินทางไปบิเอะ

จาก ซัปโปโร นั่งรถไฟ JR สาย Furano ไปลงที่ สถานี Biei ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือเช่ารถขับเองเพื่อความสะดวกในการเที่ยวชม

สรุป

เมืองบิเอะคือหนึ่งในจุดหมายที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสเมื่อไปทัวร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากแนะนำเพื่อนๆ คนที่ชื่นชอบธรรมชาติและภาพวิวสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นนักถ่ายภาพหรือคนที่อยากพักผ่อนแบบ slow life ที่นี่ตอบโจทย์อยากแน่นอน!

ถ้าคุณวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นครั้งหน้า อย่าลืมเพิ่ม บิเอะ ไว้ในลิสต์ แล้วคุณจะหลงรักความงามของฮอกไกโดแบบไม่รู้ตัว! ฝากไว้อีก 1 เมืองที่ห้ามพลาด!!

เคล็ดลับเตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น เที่ยวสนุกแบบไร้กังวล

การเดินทางไป ทัวร์ญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่การเตรียมตัวให้พร้อมจะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและสนุกยิ่งขึ้น!  ลดความกังวลเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร การเงิน สภาพอากาศ หรือวัฒนธรรมท้องถิ่น วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากเพื่อให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างมั่นใจ ไปดูกันเลย


1. ตรวจสอบเอกสารให้ครบก่อนเดินทาง

  • พาสปอร์ต: ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน
  • วีซ่า: คนไทยสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ ไม่เกิน 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า (หากพาสปอร์ตมีตราวีซ่า waiver)
  • ตั๋วเครื่องบินและที่พัก: พิมพ์สำรองหรือเซฟไว้ในมือถือ

💡 แนะนำ: หากวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น แบบกลุ่ม ควรตรวจสอบรายละเอียดกับบริษัททัวร์ให้ชัดเจน


2. จัดการเงินและการสื่อสาร

  • แลกเงินเยน: แนะนำแลกบางส่วนไว้ก่อนเดินทาง และใช้บัตรเครดิต/เดบิตที่รองรับต่างประเทศ
  • ซิมหรือ Pocket Wi-Fi: เพื่อความสะดวกในการใช้งานอินเทอร์เน็ตและ Google Maps
  • ดาวน์โหลดแอปจำเป็น: เช่น Google Translate (สำหรับแปลภาษาญี่ปุ่น), Suica/Pasmo (สำหรับเติมเงินใช้รถไฟ)

3. ศึกษาวัฒนธรรมและกฎพื้นฐาน

ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาทในที่สาธารณะ ดังนั้นควรระวังเรื่องเหล่านี้:

  • ไม่พูดเสียงดัง ในรถไฟหรือร้านอาหาร
  • ไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด (หาถังขยะยาก ควรพกถุงใส่ไว้ก่อน)
  • เข้าแถวให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง

4. เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดู

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-พ.ค.): อากาศเย็นสบาย เหมาะกับชมซากุระ
  • ฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.): ร้อนชื้น มีฝน ควรพกร่มและเสื้อกันแดด
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.): อากาศเย็น ทิวทัศน์สวยงาม
  • ฤดูหนาว (ธ.ค.-ก.พ.): หนาวจัด โดยเฉพาะฮอกไกโด ต้องเตรียมชุดกันหนาว

5. แพลนทริปและจองล่วงหน้า

หากอยากไป ทัวร์ญี่ปุ่น ในจุดหมายยอดนิยม เช่น โตเกียว, โอซาก้า, เกียวโต, หรือฮอกไกโด ควร:

  • จองตั๋วรถไฟชินคันเซนล่วงหน้า (ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย)
  • สำรองที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยว เพื่อความสะดวก
  • เช็คเวลาทำการ ของสถานที่ เช่น วัด ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์

6. เตรียมของใช้จำเป็น

  • ปลั๊กแปลงไฟ: ญี่ปุ่นใช้ปลั๊กแบบ 2 ขา (แรงดัน 100V)
  • ยาประจำตัว: ยาแก้ปวด, ยาแก้แพ้, พลาสเตอร์
  • กระเป๋าเป้สะพายหลัง: สำหรับเก็บของระหว่างท่องเที่ยว

7. ซื้อประกันการเดินทาง

อุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้เสมอ การซื้อ ประกันท่องเที่ยว จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด


สรุป

การเตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! ไม่ว่าจะเดินทางแบบ ทัวร์ญี่ปุ่น หรือแบบแบ็กแพ็กเอง การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเที่ยวได้อย่างสบายใจ และดื่มด่ำกับความสวยงามของญี่ปุ่นได้เต็มที่

10 เคล็ดลับ “เที่ยวญี่ปุ่น” ให้สะดวก และประทับใจไม่รู้ลืม!

การไป เที่ยวญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่หลายคนฝันถึง แต่เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและคุ้มค่าที่สุด เรามี 10 เคล็ดลับเด็ด ที่จะช่วยให้คุณท่องเที่ยวได้อย่างมั่นใจและเก็บความทรงจำดีๆ กลับมาเต็มกระเป๋า!


1. ซื้อ JR Pass ล่วงหน้า (ถ้าเที่ยวหลายเมือง)

หากวางแผนเดินทางข้ามเมือง เช่น โตเกียว-เกียวโต-โอซาก้า-ฮิโรชิม่า JR Pass จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะใช้ได้ทั้งรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟ JR ทั่วประเทศ หาซื้อก่อนเดินทางเท่านั้น (ซื้อในญี่ปุ่นจะแพงกว่า)

2. ดาวน์โหลดแอปช่วยเดินทาง

  • Google Maps : หาเส้นทางรถไฟและเดินได้แม่นยำ
  • Japan Travel by NAVITIME : ดูตารางรถไฟและคำนวณค่าโดยสาร
  • Google Translate : แปลภาษาญี่ปุ่นแบบเรียลไทม์ (ใช้โหมดกล้องแปลป้ายได้)

3. ใช้ Pasmo/Suica Card สำหรับเดินทางในเมือง

แทนการซื้อตั๋วรถไฟทีละครั้ง บัตรอิเล็กทรอนิกส์เช่น Pasmo หรือ Suica ใช้สะดวกทั้งรถไฟใต้ดิน, รถบัส และแม้แต่ชำระเงินในร้านสะดวกซื้อ

4. แลกเงินเยนให้พอใช้ + ใช้บัตรเครดิตไร้ค่าธรรมเนียม

  • แลกเงินเยนไว้บ้างสำหรับร้านเล็กๆ หรือตลาดสด
  • บัตรเครดิตเช่น SCB, KTC, หรือบัตรต่างประเทศอย่าง Revolut/Wise ช่วยลดค่าธรรมเนียมการแลกเงิน

5. เช่าหาหม้อportable Wi-Fi หรือซื้อซิมญี่ปุ่น

อินเทอร์เน็ตคือสิ่งจำเป็น! เช่า Pocket Wi-Fi ที่สนามบิน หรือซิม tourist SIM แบบไม่จำกัดข้อมูล (เช่น Mobal, Sakura Mobile)

6. เรียนรู้มารยาทพื้นฐาน

คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาท เช่น

  • ไม่กินเดิน (ยกเว้นในย่านท่องเที่ยว)
  • ไม่พูดโทรศัพท์เสียงดังในรถไฟ
  • เข้าแถวอย่างมีวินัย

7. จองที่พักใกล้สถานีรถไฟ

การเดินทางในญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับรถไฟเป็นหลัก เลือกที่พักใกล้สถานีจะช่วยประหยัดเวลาและแรงได้มาก

8. ใช้ตู้เก็บกระเป๋า (Coin Locker)

หากเช็คเอาท์แล้วแต่ยังอยากเที่ยวต่อ ตู้เก็บกระเป๋าตามสถานีรถไฟ จะช่วยให้คุณเดินทางแบบมือเปล่าได้สบายๆ (ราคาประมาณ 300-700 เยน)

9. ไปเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด

สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เช่น ฟูชิมิ อินาริ, พิพิธภัณฑ์ teamLab, หรือดิสนีย์แลนด์โตเกียว จะคนน้อยกว่าถ้าไปช่วงเปิดทันที

10. ซื้อของฝากและสินค้าพรีเมียมที่ Duty Free

ร้าน免税店 (Tax-Free Shop) ในญี่ปุ่นมีทั้ง เครื่องสำอาง, ขนม, และของเทคโนโลยี อย่าลืมพาสปอร์ตเพื่อยืนยันสิทธิ์ Tax-Free!


คล็ดลับสื่อสารกับคนญี่ปุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น

แม้ภาษาญี่ปุ่นอาจดูยาก แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใจดีและพร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยว หากคุณรู้วิธีสื่อสารอย่างถูกต้อง จะทำให้การเดินทางราบรื่นและประทับใจยิ่งขึ้น! มาดู 7 เคล็ดลับเด็ด ที่ช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจ


1. เรียนรู้คำศัพท์พื้นฐานสั้นๆ

แค่รู้ คำทักทายและคำขอบคุณ ก็สร้างความประทับใจได้มาก:

  • สวัสดีตอนเช้า: おはようございます (Ohayō gozaimasu)
  • ขอบคุณ: ありがとうございます (Arigatō gozaimasu)
  • ขอโทษ/ขออนุญาต: すみません (Sumimasen)
  • ไม่เป็นไร: 大丈夫です (Daijōbu desu)

2. ใช้ภาษากายและท่าทาง

คนญี่ปุ่นมักใช้ การโค้งหัวเล็กน้อย แทนการสัมผัสร่างกาย หรือใช้ มือชี้สิ่งของ แทนการพูดยาวๆ

3. พกสมุดโน้ตหรือใช้แอปแปลภาษา

  • Google Translate (โหมดถ่ายภาพ) ช่วยแปลป้าย เมนูอาหาร
  • แอป VoiceTra แปลเสียงพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบเรียลไทม์

4. ใช้รูปภาพช่วยสื่อสาร

  • ถ้าสั่งอาหารไม่เป็น ชี้รูปในเมนูหรือแสดงภาพจากมือถือ
  • เวลาถามทาง ใช้ Google Maps แสดงจุดหมาย

5. จำประโยคสำคัญสำหรับสถานการณ์ต่างๆ

  • ถามราคา: いくらですか? (Ikura desu ka?)
  • ถามทาง: すみません、◯◯はどこですか? (Sumimasen, ◯◯ wa doko desu ka?)
  • ขอเมนูภาษาอังกฤษ: 英語のメニューがありますか? (Eigo no menyū ga arimasu ka?)

6. ใช้การเขียนคันจิหรือตัวเลขช่วย

  • คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ อ่านตัวเลขและคันจิพื้นฐานได้ เช่น 駅 (สถานี), 入口 (ทางเข้า), 出口 (ทางออก)
  • เขียนตัวเลขลงกระดาษเวลาต่อรองราคาหรือถามเวลา

7. ยิ้มและแสดงความพยายาม

แม้ภาษาจะไม่คล่อง แต่ การยิ้มและท่าทางสุภาพ ทำให้คนญี่ปุ่นอยากช่วยเหลือมากขึ้น


Bonus Tip: ลองอาหารท้องถิ่นให้หลากหลาย

นอกเหนือจากซูชิและราเม็งแล้ว ลองเมนูประจำภูมิภาค เช่น

  • โอโคโนมิยากิ (โอซาก้า)
  • หอย扇貝 (ฮอกไกโด)
  • เนื้อวากิว (โกเบ)

สรุป
การไป เที่ยวญี่ปุ่น จะสนุกและสะดวกขึ้นหากเตรียมตัวดีๆ ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ วางแผนล่วงหน้า แต่อย่าลืมเปิดใจให้กับความประทับใจแบบไม่คาดคิด เพราะญี่ปุ่นเต็มไปด้วยเรื่องราวรอให้คุณไปค้นหา!

ประเภทของทัวร์ญี่ปุ่น: เลือกให้ตรงใจคุณ!

ประเทศญี่ปุ่นที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปทัวร์ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางสักครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม อาหารเลิศรส หรือเทคโนโลยีล้ำสมัย การเลือกทัวร์ที่เหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวของคุณจึงสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เรารวบรวม ประเภทของทัวร์ญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมมาฝาก!


1. ทัวร์ญี่ปุ่นแบบคลาสสิก (Classic Tour)

เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก และต้องการเที่ยวสถานที่สำคัญแบบครบวงจร ถือว่าเป็นการทัวร์ญี่ปุ่นที่คุ้มค่าเพราะสามารถสัมผัสบรรยากาศได้ครบเลยที่เดียวจ้า

สถานที่แนะนำ:

  • โตเกียว (ทีมดิสนีย์แลนด์, ชิบูย่า, อาคิฮาบาระ)
  • เกียวโต (วัดคินคะคุจิ, ฟูชิมิอินาริ)
  • โอซาก้า (ปราสาทโอซาก้า, ย่านโดทงโบริ)
  • นารา (วัดโทไดจิ, หมู่กวางนารา)

จุดเด่น:

  • เที่ยวครบทั้ง 4 เมืองหลักของญี่ปุ่น
  • เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ

2. ทัวร์ธรรมชาติและฤดูกาล (Seasonal & Nature Tour)

สำหรับคนที่หลงใหลในธรรมชาติและอยากสัมผัสความงามของแต่ละฤดู และเพื่อนๆ ต้องมีเป้าหมายหรือสถานที่ ที่อยากจะไปจริงๆ ดูข้อมูลมาแล้ว ชื่นชอบเป็นพิเศษไปดูกันว่ามีที่ไหนโดนๆ บ้าง

สถานที่แนะนำ:

  • ฤดูใบไม้ผลิ (ซากุระบาน): ชินจูกุเกียวเอ็น (โตเกียว), ภูเขาไฟฟูจิ (ทะเลสาบคาวากุจิโกะ)
  • ฤดูร้อน (เทศกาลดอกไม้ไฟ): พิธีทานาบาตะ (เซนได), ทะเลสาบบิวะ (เกียวโต)
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ใบไม้เปลี่ยนสี): นิกโก้, อาราชิยามะ (เกียวโต)
  • ฤดูหนาว (หิมะและออนเซน): ฮอกไกโด (ซัปโปโร), นาโกย่า (หมู่บ้านชิราคาวาโกะ)

จุดเด่น:

  • ชมความงามของญี่ปุ่นในแต่ละช่วงเวลา
  • เหมาะสำหรับคู่รักและนักถ่ายภาพ

3. ทัวร์อาหารและช้อปปิ้ง (Food & Shopping Tour)

ตอบโจทย์สายกินและนักช้อปที่ต้องการลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ และซื้อของดีมีคุณภาพ ขาช้อปขากินต้องมาทางนี้ รับรองกระเป๋าแตกแน่นอน เพราะถ้าได้ไปทัวร์ญี่ปุ่นแล้ว เรื่องช้อปก็เพลินสุดๆ ของกินขึ้นชื่อว่าอร่อยมากกกกกกกก กอไก่ ล้านตัวชัวร์

สถานที่แนะนำ:

  • ตลาดปลาสึกิจิ (โตเกียว): ซูชิและอาหารทะเลสด
  • โดทงโบริ (โอซาก้า): ทากอยากิ, โอโคโนมิยากิ
  • ย่านชินไซบาชิ (โอซาก้า): แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมและเครื่องสำอาง
  • ฮาราจูกุ (โตเกียว): ของหวานน่ารักและแฟชั่นสตรีท

จุดเด่น:

  • ชิมอาหารขึ้นชื่อและซื้อของฝากคุณภาพ
  • เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนและนักชิม

4. ทัวร์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ (Cultural & Historical Tour)

เหมาะกับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพราะมีสถานที่ต่างๆ ที่เป็นคุณค่าทางธรรมชาติอยู่มากมายทั่วทั้งเกาะญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้างจ้า

สถานที่แนะนำ:

  • เกียวโต: วัดคิโยมิซุ, พิธีชงชา, ย่านเกอิชา (กิออน)
  • นารา: วัดโทไดจิ (พระพุทธรูปใหญ่)
  • คามากูระ: พระพุทธรูปไดบุตสึ
  • หมู่บ้านชิราคาวาโกะ: บ้านหลังคามุงฟางแบบดั้งเดิม

จุดเด่น:

  • เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบลึกซึ้ง
  • เหมาะกับผู้ที่ชอบศิลปะและประวัติศาสตร์

5. ทัวร์ผจญภัยและกิจกรรม (Adventure & Activity Tour)

สำหรับคนชอบความท้าทายและกิจกรรมสนุกๆ ให้เลือกเล่นมากมายจริงๆ สำหรับญี่ปุ่น

กิจกรรมแนะนำ:

  • สกีและสโนว์บอร์ดที่ นิเซโกะ (ฮอกไกโด)
  • ปีนเขา ภูเขาไฟฟูจิ (ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม)
  • ดำน้ำที่ โอกินาว่า
  • นั่งรถไฟหัวกระสุน (ชินคันเซ็น) และรถไฟท้องถิ่น

จุดเด่น:

  • เต็มอิ่มกับกิจกรรมสนุกๆ
  • เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและคนรักการผจญภัย

6. ทัวร์พักผ่อนและออนเซน (Relaxation & Onsen Tour)

สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนแบบชิลๆ ในรีสอร์ทออนเซน บรรยากาศธรรมชาติที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

สถานที่แนะนำ:

  • ฮาโกเน (คานากาวะ): ออนเซนพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ
  • คุซัทสึ (กุนมะ): แหล่งน้ำพุร้อนชื่อดัง
  • เบปปุ (โออิตะ): ออนเซนคุณภาพสูงในคิวชู

จุดเด่น:

  • ผ่อนคลายด้วยน้ำพุร้อนและธรรมชาติ
  • เหมาะกับคู่รักและผู้ที่ต้องการพักกายพักใจ

สรุป: เลือกทัวร์ญี่ปุ่นให้เหมาะกับตัวเอง

  • ครอบครัว/ผู้สูงอายุ: ทัวร์คลาสสิก
  • คู่รัก/นักถ่ายภาพ: ทัวร์ธรรมชาติและฤดูกาล
  • สายกิน/นักช้อป: ทัวร์อาหารและช้อปปิ้ง
  • คนรักวัฒนธรรม: ทัวร์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
  • นักผจญภัย: ทัวร์กิจกรรม
  • ต้องการพักผ่อน: ทัวร์ออนเซน

ไม่ว่าคุณจะชอบสไตล์ไหน หากอยากไปทัวร์ญี่ปุ่น เรามีโปรแกรมทัวร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ! ดูโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่น ของสยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป แล้ววางแผนวันหยุดของคุณแล้วไปลุยกันเลย!

ทัวร์ญี่ปุ่น สัมผัสความงามและวัฒนธรรมที่ Takayama

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่างและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของญี่ปุ่น ทากายาม่า (Takayama) คือหนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้อย่างน่าทึ่ง การเดินทางมาที่นี่ในทริป ทัวร์ญี่ปุ่น จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ที่หาได้ยากในเมืองใหญ่

ทำไม ทากายาม่า (Takayama) ถึงพิเศษ?

ทากายาม่า (Takayama) หรือที่รู้จักในชื่อ “ฮิดะ Takayama” เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือเขตเมืองเก่าและเขตเมืองใหม่ โดยเขตเมืองเก่านั้นเต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้สไตล์ดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้คุณรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในยุคเอโดะ

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดใน ทากายาม่า (Takayama)

  1. เมืองเก่า ทากายาม่า (Takayama) (Sanmachi Suji)
    ถนนสายเก่าแก่อันเป็นหัวใจของ Takayama ที่นี่คุณจะได้เดินชมร้านค้าเล็กๆ ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารแบบดั้งเดิม เช่น ข้าวหน้าเนื้อฮิดะ (Hida Beef) ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อวัวชั้นดีของญี่ปุ่น
  2. ตลาดเช้า ทากายาม่า (Takayama)
    ตลาดเช้าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณต้องมาเยือนในทริป ทัวร์ญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะได้พบกับสินค้าท้องถิ่นทั้งผักสด ผลไม้ และของ handmade จากชาวบ้านในพื้นที่
  3. พิพิธภัณฑ์ ทากายาม่า (Takayama) Jinya
    สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นศูนย์บริหารงานของรัฐบาลโชกุนในอดีต ภายในคุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการปกครองและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสมัยนั้น
  4. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
    แม้จะไม่ได้อยู่ใน ทากายาม่า (Takayama) โดยตรง แต่หมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้อยู่ห่างออกไปเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น หมู่บ้านที่มีบ้านหลังคามุงจากแบบกัสโชสไตล์นี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด

วิธีเดินทางไป ทากายาม่า (Takayama)

การเดินทางไป Takayama นั้นสะดวกสบายมาก หากคุณเริ่มต้นจากโตเกียว คุณสามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นไปยังนาโกย่า จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย JR Takayama Line ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

เที่ยว ทากายาม่า (Takayama) กับทัวร์ญี่ปุ่น

หากคุณไม่ต้องการวางแผนการเดินทางเอง การเลือกทริป ทัวร์ญี่ปุ่น ที่รวม ทากายาม่า (Takayama) ไว้ในโปรแกรมก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะคุณจะได้เพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง ที่พัก หรืออาหาร

สรุป

ทากายาม่า (Takayama) คือเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวด้วยตัวเองหรือผ่าน ทัวร์ญี่ปุ่น ที่นี่จะมอบประสบการณ์ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต พร้อมแล้วหรือยัง? เก็บกระเป๋าแล้วไป ทากายาม่า (Takayama) กันเลย!

เมืองโอซาก้า: สีสันแห่งญี่ปุ่นตะวันตกที่ไม่ควรพลาด

โอซาก้าถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยความโดดเด่นทั้งด้านอาหาร วัฒนธรรม และความบันเทิงที่ครบครัน ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่น หากคุณกำลังวางแผนทัวร์ญี่ปุ่น การแวะเยือนโอซาก้าถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

 

สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมือง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ นักรบผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อมาถึงโอซาก้าในทัวร์ญี่ปุ่น คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของเมืองนี้

ย่านโดทงโบริ ศูนย์กลางความบันเทิงและอาหารที่คึกคักที่สุดของโอซาก้า มีทั้งป้ายนีออนขนาดใหญ่ ร้านอาหารมากมาย และแหล่งช้อปปิ้งที่เปิดจนดึก ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักชิมที่ต้องการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นอย่างทาโกะยากิ (ลูกชิ้นปลาหมึก) และโอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) บริษัททัวร์ญี่ปุ่นหลายแห่งมักจัดให้มีการเยี่ยมชมย่านนี้ในช่วงเย็นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศอันคึกคัก

ย่านชินไซบาชิ ถนนช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น มีร้านค้าหลากหลายตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงร้านค้าท้องถิ่น เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวในทัวร์ญี่ปุ่นไม่ควรพลาด หากคุณเป็นนักช้อป

ประสบการณ์พิเศษในโอซาก้า

ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน สวนสนุกระดับโลกที่มีเครื่องเล่นและโซนธีมหลากหลาย รวมถึงโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และมินเนี่ยนพาร์ค ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มาเที่ยวในทัวร์ญี่ปุ่น และมักมีคิวยาวตลอดทั้งปี แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าหรือเลือกแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นที่รวมตั๋วเข้าชมไว้แล้ว

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก บ้านของสัตว์น้ำกว่า 30,000 ชนิด รวมถึงฉลามวาฬขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

ชิมอาหารท้องถิ่น โอซาก้าได้รับฉายาว่าเป็น “ครัวของญี่ปุ่น” ด้วยความหลากหลายของอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นคุชิคัตสึ (หมูทอดเสียบไม้), ทาโกะยากิ หรือราเมนรสเด็ด หลายบริษัททัวร์ญี่ปุ่นจัดให้มีทัวร์ชิมอาหารโดยเฉพาะในโอซาก้า ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการกิน

การเดินทางในโอซาก้า

โอซาก้ามีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส และรถไฟ JR ทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าคุณจะไม่ได้มากับทัวร์ญี่ปุ่นแบบกรุ๊ป การซื้อบัตร Osaka Amazing Pass จะช่วยให้คุณเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักได้ฟรีและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ไม่จำกัด

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเยือนโอซาก้า

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่มีอากาศเย็นสบายและทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงซากุระบานหรือใบไม้เปลี่ยนสี บริษัททัวร์ญี่ปุ่นมักจะมีแพ็คเกจพิเศษในช่วงนี้ แต่ควรจองล่วงหน้าเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น

โอซาก้าเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางด้วยตัวเองหรือไปกับทัวร์ญี่ปุ่น เมืองนี้มีสิ่งน่าค้นหาสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ตั้งแต่ผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ นักชิม นักช้อป ไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงและวัฒนธรรมร่วมสมัย

วัดโทไดจิ (Todai-ji) มรดกโลกและวัดพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนารา

หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น และต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในดินแดนอาทิตย์อุทัย วัดโทไดจิ (Todai-ji) คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาด วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 8 และเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu) ขนาดมหึมาที่โด่งดังไปทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวัดโทไดจิอย่างลึกซึ้ง พร้อมเคล็ดลับการเดินทางและข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่จะ เที่ยวญี่ปุ่น

ประวัติความเป็นมาของวัดโทไดจิ

วัดโทไดจิ (แปลว่า “วัดตะวันออกอันยิ่งใหญ่”) ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 752 ในสมัยจักรพรรดินันโชมุ เพื่อเป็นวัดหลักของเครือข่ายวัดประจำจังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่น ในอดีต วัดโทไดจิมีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมาก และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเคงอน (Kegon) ในญี่ปุ่น

การก่อสร้างวัดและพระพุทธรูปไดบุทสึใช้ทรัพยากรมหาศาล จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศในสมัยนั้นต้องประสบปัญหา แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาต่อราชสำนักญี่ปุ่นในยุคนั้น

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดโทไดจิได้ผ่านการบูรณะหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังจากถูกไฟไหม้ในสงครามกลางเมืองช่วงศตวรรษที่ 12 และ 16 ปัจจุบัน วัดโทไดจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในฐานะส่วนหนึ่งของ “อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองนารา”

ไฮไลท์สำคัญของวัดโทไดจิ

1. พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu)

สิ่งที่ทำให้วัดโทไดจิมีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือ พระพุทธรูปไดบุทสึ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่แสดงถึงพระพุทธเจ้าไวโรจนะ (Vairocana Buddha) พระพุทธรูปองค์นี้มีความสูง 15 เมตร และใช้ทองสำริดในการหล่อกว่า 437 ตัน รวมถึงทองคำอีก 130 กิโลกรัม

น่าสนใจว่า พระพุทธรูปที่เห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17-18 หลังจากต้นฉบับเดิมได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติและสงคราม แม้จะเล็กกว่าองค์ดั้งเดิม แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่อลังการไม่เปลี่ยนแปลง

ทุกปีมีนักท่องเที่ยวนับล้านเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่น และแวะมาชมพระพุทธรูปไดบุทสึที่วัดโทไดจิแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น

2. อาคารไดบุทสึเด็น (Daibutsuden)

อาคารไดบุทสึเด็น หรือ “หอพระพุทธ” ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึ เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าอาคารปัจจุบันที่สร้างในปี ค.ศ. 1709 จะมีขนาดเพียง 2 ใน 3 ของอาคารดั้งเดิมในศตวรรษที่ 8 ก็ตาม

สถาปัตยกรรมของอาคารไดบุทสึเด็นแสดงให้เห็นถึงเทคนิคการก่อสร้างขั้นสูงของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ โดยเฉพาะโครงสร้างไม้ที่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลและทนต่อแผ่นดินไหวได้อย่างดีเยี่ยม

3. เสาโฮเล็กซ์ (Hole in the Pillar)

ภายในอาคารไดบุทสึเด็น มีเสาไม้ต้นหนึ่งที่มีรูขนาดเท่ากับรูจมูกของพระพุทธรูปไดบุทสึ มีความเชื่อว่าหากใครสามารถลอดผ่านรูนี้ได้ จะได้รับพรและมีโชคดี ทำให้กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มา เที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่สามารถลอดผ่านรูนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

4. ประตูนันไดมง (Nandaimon Gate)

ประตูทางเข้าวัดโทไดจิที่เรียกว่า “นันไดมง” เป็นประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่า 25 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูรณะหลายครั้ง ที่โดดเด่นคือรูปปั้นยักษ์นิโอ (Nio) สองตนที่ยืนปกป้องทางเข้าวัด

รูปปั้นยักษ์เหล่านี้ถูกแกะสลักโดยช่างฝีมือชั้นเยี่ยม และถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะพุทธในยุคคามาคุระ (Kamakura) ที่ชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจ

5. พิพิธภัณฑ์วัดโทไดจิ (Todai-ji Museum)

นอกจากอาคารหลักแล้ว วัดโทไดจิยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย รวมถึงพระพุทธรูป เครื่องราชูปโภค และศิลปวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ซึ่งบางชิ้นมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 8

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น และเป็นส่วนสำคัญของการ เที่ยวญี่ปุ่น ในเชิงวัฒนธรรม

วัดโทไดจิและกวางเมืองนารา

หนึ่งในเอกลักษณ์ของการมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนาราคือการได้พบกับฝูงกวางที่เดินเล่นอย่างอิสระในสวนสาธารณะนารา (Nara Park) ซึ่งวัดโทไดจิตั้งอยู่ กวางเหล่านี้ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาชินโต โดยเชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า

นักท่องเที่ยวสามารถซื้อขนมเซมเบ้สำหรับให้อาหารกวาง แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากกวางบางตัวอาจจะดุเพื่อแย่งอาหาร ประสบการณ์การให้อาหารกวางพร้อมชมวัดโทไดจิถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนารา

เทศกาลสำคัญที่วัดโทไดจิ

1. พิธีชุนิโงโนฮาช่อน (Shuni-e Ceremony)

เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 1-14 มีนาคม เป็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เพื่อชำระล้างบาปของผู้คนและอธิษฐานขอให้บ้านเมืองสงบสุข

ไฮไลท์ของพิธีกรรมคือการแสดง “โอมิซุโทริ” (Omizutori) หรือพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ และ “ทาอิมัทสุ” (Taimatsu) การแสดงไฟขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเปลวไฟจะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้าย

2. พิธีเนีย็กโดโดโรเอ (Nigatsu-do Repentance Ceremony)

พิธีกรรมนี้จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นพิธีสำนึกผิดและภาวนาเพื่อสันติภาพ โดยพระสงฆ์จะสวดมนต์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน

ผู้ที่มา เที่ยวญี่ปุ่น ในช่วงเทศกาลเหล่านี้จะได้สัมผัสกับพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สืบทอดมาอย่างยาวนานและเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เคล็ดลับการเที่ยววัดโทไดจิ

1. ช่วงเวลาที่เหมาะสม

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): ชมดอกซากุระบานรอบๆ วัดและสวนนารา
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน): ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม
  • ช่วงเช้าตรู่: เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว

การวางแผนเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการมา เที่ยวญี่ปุ่น และเยี่ยมชมวัดโทไดจิอย่างสงบและไม่แออัด

2. การเดินทาง

วัดโทไดจิตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งห่างจากเกียวโตและโอซาก้าไม่มากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกลับได้ในวันเดียว:

  • จากเกียวโต: นั่งรถไฟสาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 45 นาที
  • จากโอซาก้า: นั่งรถไฟสาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 35-45 นาที
  • จากสถานีนารา: เดินประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัสไปยังสวนนารา

3. ค่าเข้าชมและเวลาทำการ

  • ค่าเข้าชมอาคารไดบุทสึเด็น: ประมาณ 600 เยน
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์: ประมาณ 500 เยน
  • เวลาทำการ: 8:00-17:00 น. (เมษายน-ตุลาคม) และ 8:00-16:30 น. (พฤศจิกายน-มีนาคม)

ควรตรวจสอบราคาและเวลาทำการล่าสุดก่อนวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลง

4. เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพ

  • ควรถ่ายภาพพระพุทธรูปไดบุทสึจากด้านขวาเล็กน้อย เพื่อให้ได้มุมที่สวยที่สุด
  • ถ่ายภาพกับกวางในสวนนาราโดยมีวัดโทไดจิเป็นฉากหลัง
  • ช่วงแสงทองในยามเย็นจะให้ภาพที่สวยงามของอาคารไดบุทสึเด็น

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียงวัดโทไดจิ

เมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนารา นอกจากวัดโทไดจิแล้ว ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงที่คุณสามารถแวะเยี่ยมชมได้:

  1. ศาลเจ้าคาสุงะ ไทชะ (Kasuga Taisha): ศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงด้านโคมไฟหินจำนวนมาก
  2. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum): จัดแสดงศิลปะพุทธจากทั่วญี่ปุ่น
  3. วัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji): วัดเก่าแก่ที่มีเจดีย์ห้าชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารา
  4. สวนอิซุเอ็น (Isuien Garden): สวนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สวยงามและสงบ

สรุป

วัดโทไดจิไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเอาไว้อย่างครบถ้วน การได้มาเยือนวัดโทไดจิจึงเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป

สำหรับผู้ที่วางแผนจะ เที่ยวญี่ปุ่น การแวะเยือนวัดโทไดจิและเมืองนาราจะช่วยให้คุณเข้าใจรากฐานทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะสนใจประวัติศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา หรือเพียงแค่ต้องการสัมผัสบรรยากาศอันสงบและงดงามของญี่ปุ่นในอดีต วัดโทไดจิจะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคุณอย่างแน่นอน

โตเกียวสกายทรี: หอคอยแห่งอนาคตและจุดชมวิวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) เป็นหอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงโตเกียวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวญี่ปุ่น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโตเกียวสกายทรี ประวัติความเป็นมา ไฮไลท์สำคัญ และข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับหอคอยแห่งนี้

ประวัติความเป็นมาของโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรีเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 2008 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2012 ด้วยความสูงทั้งสิ้น 634 เมตร ทำให้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นหอคอยที่สูงที่สุดอันดับสองของโลกในขณะนั้น โตเกียวสกายทรีถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนหอคอยโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ที่มีความสูงเพียง 333 เมตร ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการส่งสัญญาณดิจิทัลในยุคปัจจุบัน

ความสูง 634 เมตรของโตเกียวสกายทรีนั้นมีความหมายพิเศษในภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากตัวเลข “6-3-4” สามารถอ่านเป็น “มุ-ซา-ชิ” (Mu-sa-shi) ซึ่งเป็นชื่อเก่าของบริเวณที่โตเกียวตั้งอยู่ในปัจจุบัน

การออกแบบและสถาปัตยกรรมของโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรีมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์โดยผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่กับศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น:

  • โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว: หอคอยนี้ได้รับการออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ด้วยระบบแกนกลาง (core column) ที่แยกอิสระจากโครงสร้างภายนอก ทำให้สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
  • รูปทรงสามเหลี่ยมเว้า: รูปทรงของหอคอยได้แรงบันดาลใจจากเสาในวัดญี่ปุ่นโบราณและดาบซามูไร
  • สีของหอคอย: สีพิเศษที่เรียกว่า “สกายทรีไวท์” (Skytree White) ซึ่งเป็นสีขาวอมฟ้าอ่อนๆ ดูทันสมัยและกลมกลืนกับท้องฟ้า

ไฮไลท์สำคัญในโตเกียวสกายทรี

1. จุดชมวิวทีมป์โป (Tembo Deck)

ตั้งอยู่ที่ความสูง 350 เมตร เป็นจุดชมวิวหลักของโตเกียวสกายทรี ประกอบด้วยพื้นที่สามชั้น ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวโตเกียว 360 องศา ในวันที่อากาศดี สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน

ไฮไลท์ของทีมป์โป เดค:

  • พื้นกระจกที่สามารถมองเห็นพื้นด้านล่าง
  • ร้านอาหารที่สามารถรับประทานพร้อมชมวิว
  • นิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและการก่อสร้างโตเกียวสกายทรี

2. จุดชมวิวทีมป์โป แกลเลอรี (Tembo Galleria)

อยู่สูงกว่าทีมป์โป เดค ที่ระดับความสูง 450 เมตร เป็นทางเดินโค้งขึ้นไปสู่จุดชมวิวระดับที่สูงที่สุด ให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้า

จุดเด่นของทีมป์โป แกลเลอรี:

  • ทางเดินลาดเอียงที่เรียกว่า “ทางเดินสู่สรวงสวรรค์” (Sorakara Point)
  • จุดถ่ายภาพยอดนิยมที่สูงที่สุดของหอคอย
  • จอดิจิทัลแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่สำคัญที่มองเห็นจากจุดชมวิว

3. โซลาทรี พลาซ่า (Solamachi Plaza)

ห้างสรรพสินค้าและคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณฐานของโตเกียวสกายทรี ประกอบด้วย:

  • ร้านค้ากว่า 300 ร้าน ตั้งแต่แบรนด์สินค้าญี่ปุ่นดั้งเดิมไปจนถึงแบรนด์ระดับโลก
  • ร้านอาหารญี่ปุ่นและนานาชาติหลากหลายรูปแบบ
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะ (Sumida Aquarium) ที่จัดแสดงระบบนิเวศทางน้ำของญี่ปุ่น
  • พลาเนตเทเรียม เทนคิว (Planetarium Tenku) ที่นำเสนอการแสดงดาวที่ทันสมัย

4. การแสดงไฟยามค่ำคืน

โตเกียวสกายทรีมีการจัดแสดงไฟยามค่ำคืนที่สวยงาม 2 ธีมหลักสลับกันไป:

  • อิจิมัทสึ (Iki) – สีฟ้าอมเขียว ซึ่งเป็นสีดั้งเดิมของเอโดะ (ชื่อเก่าของโตเกียว)
  • มิยาบิ (Miyabi) – สีม่วงที่แสดงถึงความงดงามอย่างสง่าของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงไฟพิเศษในช่วงเทศกาลและวันสำคัญต่างๆ อีกด้วย

เคล็ดลับการเที่ยวโตเกียวสกายทรี

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าชม

  • ช่วงเช้าตรู่ (เปิด 8:00 น.): เป็นช่วงที่มีคนน้อยที่สุดและเหมาะสำหรับการชมวิวในตอนเช้า
  • ช่วงพระอาทิตย์ตก (ประมาณ 16:00-18:00 น.): ได้ชมวิวทั้งตอนกลางวันและกลางคืนในการขึ้นเพียงครั้งเดียว
  • วันธรรมดา: มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

การซื้อตั๋วและการเข้าชม

  • จองตั๋วล่วงหน้า: แนะนำให้จองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ทางการเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวยาว
  • ตั๋วเฟสท์พาส (Fast Pass): มีบริการตั๋วพิเศษที่ช่วยให้ข้ามแถวรอได้ แต่จะมีราคาที่สูงกว่า
  • ตั๋วคอมโบ: มีตั๋วราคาพิเศษที่รวมการเข้าชมทั้งทีมป์โป เดค และทีมป์โป แกลเลอรี
  • บัตรพิเศษ: เช่น Tokyo Skytree Ticket & Tokyo Subway Ticket ที่รวมตั๋วรถไฟใต้ดินโตเกียว

การเดินทางไปโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรีตั้งอยู่ในย่านซุมิดะ (Sumida) ทางตะวันออกของโตเกียว สามารถเดินทางได้หลายวิธี:

  • รถไฟ: สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Tokyo Skytree Station (สาย Tobu Skytree Line) และ Oshiage Station (สาย Tokyo Metro)
  • เรือ: มีบริการเรือโดยสารจากอาซากุสะและโอไดบะมายังท่าเรือใกล้โตเกียวสกายทรี
  • รถบัส: มีรถบัสหลายสายให้บริการผ่านบริเวณนี้

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียงโตเกียวสกายทรี

1. อาซากุสะ (Asakusa)

ห่างจากโตเกียวสกายทรีเพียง 20 นาทีโดยการเดิน หรือไม่กี่นาทีโดยรถไฟ อาซากุสะเป็นย่านวัฒนธรรมเก่าแก่ของโตเกียวที่มี:

  • วัดเซนโซจิ (Senso-ji) วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
  • ถนนนากามิเสะ (Nakamise) ถนนช้อปปิ้งแบบดั้งเดิมอายุกว่า 200 ปี

2. สวนซุมิดะ (Sumida Park)

สวนริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงในการชมดอกซากุระและจุดชมวิวโตเกียวสกายทรีที่สวยงาม

3. พิพิธภัณฑ์เบียร์อาซาฮี (Asahi Beer Museum)

อาคารที่มีรูปทรงโดดเด่นเหมือนแก้วเบียร์และหยดเบียร์ เป็นที่ตั้งของบริษัทเบียร์ชื่อดังของญี่ปุ่น

เหตุผลที่ควรไปเยือนโตเกียวสกายทรี

  1. วิวพาโนรามาที่น่าทึ่ง: ชมวิวเมืองโตเกียวที่กว้างไกลที่สุดเท่าที่จะหาได้
  2. ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยี: สัมผัสการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและเทคโนโลยีล้ำสมัยของญี่ปุ่น
  3. ช้อปปิ้งและอาหาร: เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและอาหารญี่ปุ่นหลากหลายรูปแบบ
  4. ความสำคัญทางประวัติศาสตร์: เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของโตเกียวและการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารของญี่ปุ่น

สรุป

โตเกียวสกายทรีไม่เพียงแต่เป็นหอคอยส่งสัญญาณที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น การได้ขึ้นไปชมวิวบนโตเกียวสกายทรีจะทำให้คุณเห็นกรุงโตเกียวในมุมมองที่แตกต่างและเข้าใจถึงขนาดอันกว้างใหญ่ของมหานครแห่งนี้ โตเกียวสกายทรีจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกรุงโตเกียวอย่างแท้จริง

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น: 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำด้วยวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของธรรมชาติ และความล้ำสมัยที่ผสมผสานกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน บทความนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิต และถ้าคุณยังไม่เคยไปการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยการไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์อย่าง บริษัท สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป รับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง ไปดูว่าถสถานที่เที่ยวไหนน่าสนกันบ้างค่ะ

1. ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) – สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น

ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูง 3,776 เมตร นับเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินมาหลายศตวรรษ

ไฮไลท์:

  • ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเขาในฤดูปีนเขา (กรกฎาคม-กันยายน)
  • เยี่ยมชมทะเลสาบทั้ง 5 แห่งรอบภูเขาไฟฟูจิ โดยเฉพาะทะเลสาบคาวากุจิโกะที่มีจุดชมวิวสวยงาม
  • สัมผัสประสบการณ์แช่ออนเซ็นท่ามกลางวิวภูเขาไฟฟูจิ

เคล็ดลับ: ควรวางแผนการเดินทางช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เพื่อโอกาสที่จะได้เห็นฟูจิซังชัดเจนที่สุด

2. เกียวโต (Kyoto) – หัวใจแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นกว่า 1,000 ปี ปัจจุบันยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยวัดและศาลเจ้ากว่า 1,600 แห่ง

สถานที่ห้ามพลาด:

  • วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) ที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงามสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ
  • ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) กับอุโมงค์เสาโทริอิสีแดงนับพัน
  • ย่านกิออน (Gion) แหล่งรวมเกอิชาและบรรยากาศดั้งเดิมของญี่ปุ่น
  • ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Grove) เส้นทางเดินท่ามกลางป่าไผ่สูงตระหง่าน

เคล็ดลับ: ควรเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) เพื่อชมซากุระบาน หรือฤดูใบไม้ร่วง (พฤศจิกายน) เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี

3. โตเกียว (Tokyo) – มหานครที่ผสมผสานความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม

โตเกียวเป็นเมืองหลวงที่มีความหลากหลายทั้งความล้ำสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

สถานที่ยอดนิยม:

  • ย่านชิบูย่า (Shibuya) กับทางม้าลายที่คนข้ามพร้อมกันมากที่สุดในโลก
  • ย่านชินจูกุ (Shinjuku) แหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงยามค่ำคืน
  • วัดเซนโซจิ (Senso-ji) วัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
  • โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) หอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

กิจกรรมน่าสนใจ: ไปชมตลาดปลาสึกิจิใหม่ (Toyosu Fish Market) ในยามเช้าตรู่เพื่อชมการประมูลปลาทูน่า หรือลองสวมชุดกิโมโนเดินเล่นในสวนอุเอโนะ

4. โอซาก้า (Osaka) – เมืองแห่งอาหารอร่อยและความสนุกสนาน

โอซาก้าขึ้นชื่อในเรื่องอาหารอร่อยและผู้คนที่เป็นมิตร มีคำกล่าวว่า “กินจนล้มละลายที่โอซาก้า” (Kuidaore) ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของเมืองนี้

ไฮไลท์:

  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) สัญลักษณ์ของเมือง
  • ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) แหล่งรวมร้านอาหารชั้นเลิศและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่
  • ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) สวนสนุกระดับโลก

อาหารห้ามพลาด: ทาโกยากิ (ลูกชิ้นปลาหมึก), โอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น), และคุชิคัตสึ (หมูทอดเสียบไม้)

5. ฮอกไกโด (Hokkaido) – ดินแดนแห่งธรรมชาติอันงดงาม

ฮอกไกโดเป็นเกาะทางตอนเหนือของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่สวยงาม อาหารทะเลสดใหม่ และกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:

  • เมืองซัปโปโร (Sapporo) เมืองหลวงของฮอกไกโด ที่มีเทศกาลหิมะซัปโปโรอันโด่งดัง
  • ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) ทะเลสาบภูเขาไฟที่ไม่เคยแข็งตัว
  • เมืองโอตารุ (Otaru) เมืองท่าเก่าแก่ที่มีคลองโรแมนติก

ฤดูกาลท่องเที่ยว: ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) สำหรับกิจกรรมหิมะ และฤดูร้อน (กรกฎาคม-สิงหาคม) สำหรับทุ่งลาเวนเดอร์บานและอากาศเย็นสบาย

6. นารา (Nara) – เมืองแห่งกวางและมรดกโลก

นาราเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของญี่ปุ่น มีกวางจำนวนมากที่เดินอยู่อย่างอิสระในสวนสาธารณะนารา นับเป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์และเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์

สถานที่สำคัญ:

  • วัดโทไดจิ (Todai-ji) ที่มีพระพุทธรูปไดบุทสึขนาดใหญ่
  • สวนสาธารณะนารา (Nara Park) ที่มีกวางกว่า 1,200 ตัว
  • ศาลเจ้าคาสุงะ ไทชะ (Kasuga Taisha) ที่มีโคมไฟหินขนาดใหญ่

เคล็ดลับ: ซื้อขนมเซมเบ้สำหรับให้อาหารกวาง แต่ระวังกวางที่อาจจะดุเพื่อแย่งอาหาร

7. โอกินาว่า (Okinawa) – สวรรค์แห่งหาดทรายและท้องทะเล

หมู่เกาะโอกินาว่าทางตอนใต้ของญี่ปุ่นมีชายหาดที่สวยงาม น้ำทะเลใสราวคริสตัล และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

กิจกรรมน่าสนใจ:

  • ดำน้ำชมปะการังที่เกาะเคราม่า
  • เยี่ยมชมปราสาทชูริ (Shuri Castle) มรดกโลกทางวัฒนธรรม
  • สัมผัสวัฒนธรรมโอกินาว่าที่หมู่บ้านวัฒนธรรมริวกิว

อาหารท้องถิ่น: ซอบะโอกินาว่า, ราฟทีเบียร์, และหมูสามชั้นทอด (Rafute)

8. คานาซาวะ (Kanazawa) – เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมซามูไร

คานาซาวะเป็นเมืองที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้มาก

สถานที่ท่องเที่ยว:

  • สวนเคนโรคุเอน (Kenrokuen Garden) หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
  • ย่านฮิกาชิ ชายะ (Higashi Chaya District) ย่านเกอิชาเก่าแก่
  • ตลาดโอมิโช (Omicho Market) แหล่งอาหารทะเลสดใหม่

หัตถกรรมพื้นเมือง: ทองคำเปลว (Kanazawa Gold Leaf) และเครื่องปั้นดินเผาคุตานิ (Kutani Pottery)

9. ฮิโรชิม่า (Hiroshima) – เมืองแห่งสันติภาพและการฟื้นฟู

ฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันเศร้าสลดจากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณู แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและการฟื้นฟู

สถานที่สำคัญ:

  • อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า และพิพิธภัณฑ์
  • เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) กับประตูโทริอิกลางน้ำอันโด่งดัง
  • ปราสาทฮิโรชิม่า ที่ได้รับการบูรณะหลังสงคราม

อาหารท้องถิ่น: โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า ที่มีการซ้อนชั้นแป้งและใส่ไข่

10. คามาคุระ (Kamakura) – เมืองชายทะเลแห่งพระพุทธศาสนา

คามาคุระอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว เป็นเมืองชายทะเลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและวัดวาอารามมากมาย

จุดเด่น:

  • พระใหญ่ไดบุทสึ (Great Buddha of Kamakura) พระพุทธรูปสำริดกลางแจ้งขนาดใหญ่
  • วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) ที่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้
  • ถนนโคมาจิโดริ (Komachi-dori) ถนนช้อปปิ้งที่มีเสน่ห์

กิจกรรม: นั่งรถไฟเอโนเด็น (Enoden) ชมวิวทะเลและเมืองโบราณ

เคล็ดลับการเดินทางทัวร์ญี่ปุ่น

  1. การเดินทาง: ใช้บัตร Japan Rail Pass คุ้มค่ามากสำหรับการเดินทางระหว่างเมือง
  2. ที่พัก: ลองสัมผัสประสบการณ์พักที่เรียวกัง (โรงแรมแบบดั้งเดิม) อย่างน้อย 1 คืน
  3. ภาษา: แม้คนญี่ปุ่นจะพูดอังกฤษไม่คล่อง แต่พวกเขาเป็นมิตรและยินดีช่วยเหลือ
  4. มารยาท: เคารพกฎระเบียบและวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การถอดรองเท้า การแยกขยะ
  5. ฤดูกาลท่องเที่ยว: ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่สวยงามที่สุด แต่คนจะเยอะและราคาสูง

สรุป

การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้ประสบการณ์ที่ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม ธรรมชาติอันงดงาม อาหารเลิศรส เทคโนโลยีล้ำสมัย และผู้คนที่มีน้ำใจ การเลือกทัวร์ญี่ปุ่นที่ดีจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเหล่านี้อย่างคุ้มค่าและไม่พลาดประสบการณ์อันแสนพิเศษ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวัฒนธรรม ชอบธรรมชาติ หรือหลงใหลในอาหารและการช้อปปิ้ง ประเทศญี่ปุ่นมีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เตรียมกระเป๋าและวางแผนการเดินทางเพื่อสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของดินแดนอาทิตย์อุทัยได้แล้ววันนี้!

ทัวร์ญี่ปุ่น 2568 มีอะไรน่าสนใจสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย

วันนี้เราอยากแนะนำแผนสำหรับการ ทัวร์ญี่ปุ่น 2568 เป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าประทับใจ เนื่องจากญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและกิจกรรมที่น่าสนใจตลอดทั้งปี บทความนี้จะแนะนำสถานที่และกิจกรรมที่ควรพิจารณาเมื่อวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นในปี 2568 ไปดูกัน!!

1. ชมดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ

ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยในปี 2568 คาดว่าดอกซากุระจะเริ่มบานในโตเกียวตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม สถานที่ยอดนิยมในการชมซากุระ ได้แก่ สวนอุเอโนะในโตเกียว สวนมารุยามะในซัปโปโร และสวนสาธารณะปราสาทฮิโรซากิในอาโอโมริ การเยือนญี่ปุ่นในช่วงนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง

2. สำรวจเมืองยอดฮิตในภูมิภาคคันไซ

ภูมิภาคคันไซเป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญอย่างโอซาก้า เกียวโต และนารา ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมาย ในโอซาก้า คุณสามารถเยือนปราสาทโอซาก้าและย่านช้อปปิ้งชินไซบาชิ เกียวโตมีวัดคินคะคุจิและศาลเจ้าฟูชิมิอินาริที่น่าสนใจ ส่วนนารามีสวนสาธารณะนาราที่เต็มไปด้วยกวางที่เป็นมิตร การเข้าร่วมทัวร์ที่รวมเมืองเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย

3. เยือนหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ

หมู่บ้านชิราคาวาโกะในจังหวัดกิฟุเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก มีบ้านทรงกัสโชสึคุริที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเยือนชิราคาวาโกะจะทำให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น

4. ช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในโตเกียว

โตเกียวเป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยย่านช้อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ย่านชิบูย่าและชินจูกุเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคัก ส่วนย่านอาซากุสะมีวัดเซ็นโซจิที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ การเดินทางในโตเกียวสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม

5. เพลิดเพลินกับธรรมชาติในฮอกไกโด

ฮอกไกโดเป็นเกาะทางตอนเหนือของญี่ปุ่นที่มีธรรมชาติสวยงาม ในฤดูร้อน คุณสามารถเยือนฟูราโนะเพื่อชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่งดงาม ส่วนในฤดูหนาว สกีรีสอร์ทอย่างนิเซโกะเป็นที่นิยมสำหรับผู้รักกีฬาฤดูหนาว นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีอาหารทะเลสดใหม่ที่ควรลิ้มลอง

6. เข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่น

ญี่ปุ่นมีเทศกาลท้องถิ่นที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลกิออนในเกียวโตช่วงเดือนกรกฎาคม และเทศกาลโอบ้งในเดือนสิงหาคม การเข้าร่วมเทศกาลเหล่านี้จะทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

สรุป

การวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นในปี 2568 มีสถานที่และกิจกรรมที่หลากหลายให้คุณได้เลือกสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สำรวจเมืองประวัติศาสตร์ ช้อปปิ้งในเมืองใหญ่ หรือเพลิดเพลินกับธรรมชาติ การเตรียมตัวและวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

เที่ยวอาซาฮิคาวะ เมืองแห่งหิมะและธรรมชาติในฮอกไกโด

ทัวร์ญี่ปุ่น โดย สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป วันนี้เราอยากแนะนำ เมือง อาซาฮิคาวะ (Asahikawa) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ทัวร์ของเราเลือกเป็นจุดหมายปลายทางเพราะเป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติอันงดงาม อากาศบริสุทธิ์ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเสน่ห์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงามของญี่ปุ่นในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมอย่างสวยงาม หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปอาซาฮิคาวะ นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

1. สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo)

สวนสัตว์ชื่อดังที่สุดในฮอกไกโดและเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มีจุดเด่นอยู่ที่การจัดแสดงสัตว์ให้สามารถเห็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมัน เช่น การเดินพาเหรดของเพนกวินในฤดูหนาว อุโมงค์ใต้น้ำของแมวน้ำ และหมีขาวสุดน่ารัก สวนสัตว์แห่งนี้เหมาะสำหรับทุกวัย โดยเฉพาะครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็ก ๆ

2. หมู่บ้านลาเวนเดอร์ฟุราโนะและบิเอะ (Furano & Biei)

แม้ว่าจะอยู่ห่างจากตัวเมืองอาซาฮิคาวะเล็กน้อย แต่เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูร้อน ทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดใสของฟุราโนะและเนินเขาสีสันของบิเอะสร้างทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด มีฟาร์มท้องถิ่นที่เปิดให้ชมและชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์สุดพิเศษ

3. ถนนคนเดินเฮวะ (Heiwa Dori Shopping Street)

ถนนช้อปปิ้งใจกลางเมืองอาซาฮิคาวะ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมาย คุณสามารถหาของฝากแบบท้องถิ่น เช่น ขนมหวาน ของที่ระลึก และเสื้อผ้าหน้าหนาวที่มีคุณภาพดีได้ที่นี่ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่อบอุ่น เหมาะสำหรับการเดินเล่นยามค่ำคืน

4. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง (Daisetsuzan National Park)

เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและการผจญภัย ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่งดงามมาก ส่วนในฤดูหนาวก็เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักสกีและสโนว์บอร์ด

5. อาซาฮิคาวะ ราเม็ง (Asahikawa Ramen Village)

อาซาฮิคาวะขึ้นชื่อเรื่องราเม็ง โดยเฉพาะโชยุราเม็ง (Shoyu Ramen) ที่มีน้ำซุปเข้มข้นและเส้นเหนียวนุ่ม หมู่บ้านราเม็งแห่งนี้รวบรวมร้านราเม็งชื่อดังของเมืองไว้ให้คุณได้ลองลิ้มรสต้นตำรับแท้ ๆ ไม่ควรพลาดการชิมราเม็งที่นี่เมื่อมาเยือนอาซาฮิคาวะ

สรุป

อาซาฮิคาวะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในทุกฤดูกาล ไม่ว่าคุณจะมาเยือนเพื่อชมธรรมชาติ เล่นสกี ชมสวนสัตว์ หรือเพลิดเพลินกับราเม็งแสนอร่อย เมืองนี้มีทุกสิ่งที่ทำให้การเดินทางของคุณพิเศษ หากคุณกำลังมองหาจุดหมายใหม่ ๆ ในฮอกไกโด อาซาฮิคาวะคือที่ที่ไม่ควรพลาด!

วัฒนธรรมญี่ปุ่นมีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ในหลายด้าน

วันนี้เราของมาแนะนำถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเพื่อช่วยให้เพื่อนๆ ที่อยากไปทัวร์ญี่ปุ่น ได้รู้และทราบถึงเอกลักษณ์ในหลายด้านของญี่ปุ่นที่ทำให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสนใจและ นี่คือตัวอย่างสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไปดูกันเลยยยย!!

🎎 วัฒนธรรมดั้งเดิม

  1. ซามูไรและบูชิโด (Bushido) – วิถีแห่งนักรบที่เน้นความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีเกียรติ
  2. กิโมโน – เครื่องแต่งกายประจำชาติที่มีความประณีตและสวยงาม
  3. พิธีชงชา (茶道, Sadō) – ศิลปะแห่งการชงชา ที่เน้นความสงบและสมาธิ
  4. ศิลปะการพับกระดาษ (折り紙, Origami) – การพับกระดาษเป็นรูปทรงต่างๆ โดยไม่ใช้กาวหรือกรรไกร
  5. อิคิไก (生き甲斐, Ikigai) – แนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

🎨 ศิลปะและวรรณกรรม

  1. อุกิโยะเอะ (浮世絵, Ukiyo-e) – ภาพพิมพ์ไม้ เช่น The Great Wave off Kanagawa ของโฮกุไซ
  2. ไฮกุ (俳句, Haiku) – บทกวีสั้นๆ เพียง 3 บรรทัด ที่สะท้อนธรรมชาติและอารมณ์
  3. คาบูกิ (歌舞伎) และ โนห์ (能楽, Noh) – การแสดงละครที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
  4. ซูโม่ (相撲, Sumo) – กีฬาประจำชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

🍣 อาหารญี่ปุ่น

  1. ซูชิ (寿司, Sushi) – ข้าวปั้นหน้าปลาดิบที่โด่งดังไปทั่วโลก
  2. ราเม็ง (ラーメン, Ramen) – บะหมี่น้ำซุปที่มีหลากหลายสไตล์
  3. วากาชิ (和菓子, Wagashi) – ขนมหวานญี่ปุ่นที่มักใช้ในพิธีชงชา
  4. อิซากายะ (居酒屋, Izakaya) – ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่นที่นิยมสังสรรค์

🎌 วัฒนธรรมสมัยใหม่

  1. อะนิเมะ (アニメ, Anime) และ มังงะ (漫画, Manga) – การ์ตูนและอนิเมะที่มีแฟนๆ ทั่วโลก เช่น One Piece, Naruto, Attack on Titan
  2. เจ-ป๊อป (J-Pop) และไอดอลญี่ปุ่น – เช่น วง AKB48, Nogizaka46
  3. คอสเพลย์ (Cosplay) – การแต่งตัวเลียนแบบตัวละครจากการ์ตูนหรือเกม
  4. เกมญี่ปุ่น – เช่น Nintendo, PlayStation, Final Fantasy, Pokémon

⛩️ ศาสนาและความเชื่อ

  1. ชินโต (神道, Shinto) และ พุทธศาสนา – มีอิทธิพลต่อศิลปะและเทศกาลต่างๆ
  2. ศาลเจ้าและวัด – เช่น วัดเซ็นโซจิในโตเกียว และศาลเจ้าอิซุมิไทฉะ
  3. เทศกาลญี่ปุ่น (祭り, Matsuri) – เช่น เทศกาลหิมะซัปโปโร, เทศกาลดอกไม้ไฟ, เทศกาลทานาบาตะ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมทั้งดั้งเดิมและสมัยใหม่ผสมผสานกันอย่างลงตัว คุณสนใจด้านไหนเป็นพิเศษไหม? 😊

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ความประทับใจแบบสุดๆ!

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหนึ่งที่น่าไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหนึ่งที่น่าไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหนึ่งที่น่าไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่น เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเสน่ห์ที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO โดดเด่นด้วยบ้านโบราณทรง “กัชโช-สึคุริ” (Gassho-zukuri) ที่มีหลังคาทรงสามเหลี่ยมคล้ายการพนมมือ จุดหมายปลายทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบ และเสน่ห์ของญี่ปุ่นดั้งเดิม เพื่อนๆ จะซึมซับความเงียบสงบและรู้สึกผ่อนคลายจากธรรมชาติี่รายล้อมหมู่บ้านอยู่ ถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนอยากแท้จริง😊


📍 ทำไมต้องไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ?

สวยงามทุกฤดู – ไม่ว่าจะฤดูไหน หมู่บ้านก็มีเสน่ห์ที่แตกต่าง
บรรยากาศเงียบสงบ – เหมาะกับการพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติ
วัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม – บ้านทรงกัชโชอายุกว่า 250 ปี
วิวพาโนรามาสุดอลังการ – จุดชมวิว Shiroyama เป็นไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้


✨ ความประทับใจแต่ละฤดู

🌸 ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.)

  • อากาศเย็นสบาย ต้นไม้เริ่มผลิใบและดอกซากุระเริ่มบาน
  • วิวหมู่บ้านที่โอบล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี

☀️ ฤดูร้อน (มิ.ย. – ส.ค.)

  • หมู่บ้านเต็มไปด้วยสีเขียวของธรรมชาติ ลำธารน้ำใสไหลผ่าน
  • อากาศสดชื่น เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป

🍁 ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. – พ.ย.)

  • ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดง ส้ม เหลือง ตัดกับบ้านโบราณ
  • เป็นช่วงที่ถ่ายรูปสวยสุดๆ บรรยากาศโรแมนติกมาก

❄️ ฤดูหนาว (ธ.ค. – ก.พ.) – ไฮไลต์สุดปัง!

  • หิมะปกคลุมบ้านโบราณ คล้ายฉากในเทพนิยาย
  • Illumination Event – เทศกาลเปิดไฟยามค่ำคืน (จัดช่วง ม.ค. – ก.พ.)
  • ได้ฟีลเหมือนอยู่ในเมืองน้ำแข็งของดิสนีย์!

🚌 รีวิวการเดินทางกับทัวร์

✅ สะดวกสบาย ไม่ต้องวางแผนเอง

  • ทัวร์พาไปแบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง เพราะหมู่บ้านอยู่ในโซนชนบทที่ไปเองค่อนข้างยาก
  • มีรถบัสรับ-ส่งจากนาโกย่า, โอซาก้า หรือโตเกียว

✅ ได้เที่ยวครบทุกไฮไลต์

  • จุดชมวิว Shiroyama Viewpoint – จุดที่สามารถเห็นหมู่บ้านจากมุมสูง
  • บ้านตัวอย่าง Wada House – บ้านสไตล์กัชโชอายุกว่า 300 ปี
  • สะพานแขวน Deai-bashi – จุดถ่ายรูปสวยๆ

✅ มีไกด์ให้ความรู้

  • ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม, ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของชาวบ้าน
  • ทัวร์มักจะพาแวะชิมอาหารพื้นเมือง เช่น โซบะ, เนื้อฮิดะย่าง, มิตาราชิดังโงะ

✅ ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศหนาว

  • ทัวร์มักเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้ เช่น ฮีตแพ็ก หรือคำแนะนำเรื่องเสื้อผ้า

🍽 อาหารที่ต้องลองในชิราคาวาโกะ

🍖 เนื้อฮิดะย่าง – เนื้อวากิวเกรดพรีเมียมที่ละลายในปาก
🍜 ซารุโซบะ – โซบะเย็นเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปสูตรพิเศษ
🍡 มิตาราชิดังโงะ – ลูกชิ้นแป้งราดซอสหวานๆ เค็มๆ
🍵 มัทฉะ & ขนมญี่ปุ่น – ร้านชาเก่าแก่ บรรยากาศอบอุ่น


💡 เคล็ดลับการเที่ยวให้ฟินยิ่งขึ้น!

🔹 จองทัวร์ล่วงหน้า – ช่วงหน้าหนาวและใบไม้เปลี่ยนสีเป็น High Season
🔹 พกเสื้อกันหนาวดีๆ – โดยเฉพาะช่วงหิมะตก อุณหภูมิอาจติดลบ
🔹 เตรียมเมมโมรี่กล้องให้พร้อม – ทุกมุมของหมู่บ้านคือภาพถ่ายระดับโปสการ์ด
🔹 ลองพักโฮมสเตย์ (Gassho-zukuri Stay) – ได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ


🎯 สรุป – คุ้มไหมกับการไปชิราคาวาโกะ?

⭐ คุ้มมาก! ถ้าคุณเป็นสายธรรมชาติ ชอบหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ และต้องการความเงียบสงบ หรือต้องการสัมผัสหิมะสุดโรแมนติก ว่าแล้วเพื่อนๆ สามารถเลือกไปทัวร์กับบริษัท สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ปได้นะคะเพราะ หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นที่ที่คุณต้องไปสักครั้งในชีวิต! 💕😊

เที่ยวญี่ปุ่น: 10 สถานที่เด็ดที่คุณต้องไปเยือน!

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ธรรมชาติสวยงาม และเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความที่เป็นเมืองสะอาด การเดินทางสะดวกสบาย มีหลากหลายที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าคุณจะชอบการผจญภัยในธรรมชาติ ชื่นชอบวัฒนธรรมประเพณี หรือหลงใหลในความทันสมัย ญี่ปุ่นก็มีทุกอย่างให้คุณได้สัมผัส วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 10 สถานที่เด็ดที่คุณต้องไปเยือนเมื่อเที่ยวญี่ปุ่น!


1. โตเกียว (Tokyo)

เมืองหลวงของญี่ปุ่นที่ผสมผสานความทันสมัยและวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดังอย่างชิบูย่าและชินจูกุ หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างวัดอาซากุสะและพระราชวังอิมพีเรียล โตเกียวคือจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น

จุดเด่น :

  • เมืองหลวงสุดทันสมัย 🏙️🌟 (เทคโนโลยีล้ำ หน้าเมืองระดับโลก)
  • ช้อปปิ้งสุดยอด 🛍️💸 (ชิบุยะ ฮาราจูกุ กินซ่า อากิฮาบาระ)
  • แลนด์มาร์กดัง 🗼⛩️ (โตเกียวทาวเวอร์ วัดเซ็นโซจิ สกายทรี)
  • อาหารระดับโลก 🍣🍜 (ซูชิ ราเม็ง อิซากายะ คาเฟ่แปลกๆ)
  • อนิเมะ & วัฒนธรรมป๊อป 🎌🎮 (อะนิเมะ มังงะ เกม คอสเพลย์)
  • สวนสวย & ซากุระ 🌸🍁 (อุเอโนะ ชินจูกุ โคอิชิกาวะ)
  • การเดินทางสะดวกสุดๆ 🚆🚇 (รถไฟฟ้าเร็วตรงเวลา เชื่อมทุกจุด)

2. เกียวโต (Kyoto)

เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าโบราณ เช่น วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) และวัดฟูชิมิ อินาริ ที่มีเสาโทริอิสีแดงเรียงรายเป็นทางยาว เกียวโตคือสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างแท้จริง

จุดเด่น :

  • เมืองแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น 🎎🏯 (ศูนย์กลางประวัติศาสตร์และศิลปะ)
  • วัดและศาลเจ้าสวยงาม ⛩️🛕 (วัดคิงกะกุจิ วัดคิโยมิสึ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ)
  • ซากุระ & ใบไม้เปลี่ยนสี 🌸🍁 (วิวสุดโรแมนติกทุกฤดูกาล)
  • ย่านกิออน & เกอิชา 👘🎭 (สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ของเกอิชา)
  • อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ 🍵🍡 (ขนมวากาชิ อาหารไคเซกิ ยูบะ)
  • ป่าไผ่อาราชิยามะ 🎋🌿 (บรรยากาศสงบและงดงาม)
  • รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ 🚂💖 (ชมธรรมชาติสุดงามระหว่างทาง)

3. โอซาก้า (Osaka)

เมืองแห่งอาหารการกินและความบันเทิง ที่นี่คุณจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่ออย่างทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิ รวมทั้งสนุกสนานกับสวนสนุกชื่อดังอย่าง Universal Studios Japan

จุดเด่น :

  • เมืองแห่งอาหาร 🍜🍢 (ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ คุชิคัตสึ)
  • ปราสาทโอซาก้า 🏯🌸 (สัญลักษณ์ประวัติศาสตร์ของเมือง)
  • ย่านช้อปปิ้งสุดคึกคัก 🛍️🎌 (ชินไซบาชิ นัมบะ โดทงโบริ)
  • ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน 🎢✨ (สวนสนุกระดับโลก)
  • ผู้คนเป็นมิตร & สนุกสนาน 😆🎭 (สไตล์คนโอซาก้า เฮฮาเป็นกันเอง)
  • ตลาดคุโรมง 🦀🍣 (สวรรค์ของคนรักอาหารทะเลสด)
  • ศูนย์กลางเศรษฐกิจคันไซ 💼🏙️ (เมืองธุรกิจและเทคโนโลยี)

4. ฮอกไกโด (Hokkaido)

เกาะทางเหนือของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้วยธรรมชาติสวยงามทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในฟูราโน่, น้ำตกและทะเลสาบในชิเรโตโกะ, หรือเทศกาลหิมะในซัปโปโร ฮอกไกโดคือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ

จุดเด่น :

  • ธรรมชาติสวยงาม 🌿❄️ (ภูเขา ทะเลสาบ ทุ่งลาเวนเดอร์ หิมะขาวโพลน)
  • อากาศเย็นสบาย ☁️ (เย็นทั้งปี ฤดูหนาวมีหิมะ ฤดูร้อนไม่ร้อนจัด)
  • อาหารทะเลสด 🦀🍣 (ปูยักษ์ ไข่หอยเม่น ซูชิ ราเม็งขึ้นชื่อ)
  • ลานสกีระดับโลก 🎿🏔️ (นิเซโกะ ฟุราโนะ)
  • เมืองสวย บรรยากาศโรแมนติก 🏙️✨ (โอตารุ ซัปโปโร ฮาโกดาเตะ)
  • วัฒนธรรมอะอิโนะ 🏕️ (ชนเผ่าพื้นเมืองของญี่ปุ่น)
  • เทศกาลหิมะซัปโปโร ⛄🎆 (รูปปั้นน้ำแข็งสุดตระการตา)

5. ฮิโรชิม่า (Hiroshima)

เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสันติภาพ สถานที่สำคัญเช่น Peace Memorial Park และเกาะมิยาจิมะที่มีเสาโทริอิกลางน้ำเป็นสัญลักษณ์ จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม

จุดเด่น :

  • โดมปรมาณู & สันติภาพ ☮️🏛️ (สัญลักษณ์เตือนใจสงคราม)
  • ศาลเจ้าอิทสึกุชิมะ ⛩️🌊 (เสาโทริอิลอยน้ำที่เกาะมิยาจิมะ)
  • หอยนางรมสด 🦪🍽️ (ขึ้นชื่อที่สุดในญี่ปุ่น)
  • โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิมะ 🍳🥬 (พิซซ่าญี่ปุ่นแบบเฉพาะตัว)
  • ทีมเบสบอลคาร์ป ⚾🔥 (ขวัญใจคนเมือง)
  • ปราสาทฮิโรชิมะ 🏯🌳 (ปราสาทเก่าแก่ที่ถูกบูรณะใหม่)
  • ธรรมชาติ & วัดสวยงาม 🏞️🛕 (ภูเขา มหาสมุทร และสวนสวย)

6. นารา (Nara)

เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัดโบราณและกวางน้อยน่ารักที่เดินได้อย่างอิสระในสวนสาธารณะ นาราเป็นอีกหนึ่งเมืองที่คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

จุดเด่น : 

  • กวางน่ารักเต็มเมือง 🦌🍘 (กวางเชื่องเดินเล่นในสวนสาธารณะนารา)
  • วัดโทไดจิ & พระพุทธรูปไดบุตสึ 🏯🛕 (พระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น)
  • ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ ⛩️🏮 (เสาโทริอิสีแดงและโคมไฟเก่าแก่)
  • บรรยากาศเงียบสงบ 🌿🌸 (เมืองเก่าแก่ สงบ และเต็มไปด้วยธรรมชาติ)
  • ต้นกำเนิดวัฒนธรรมญี่ปุ่น 📜🎌 (เคยเป็นเมืองหลวงเก่าและแหล่งกำเนิดอารยธรรม)
  • อาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม 🍵🍡 (ขนมโยคัง นาระซูชิ และชาเขียว)

7. ฟูจิ (Mount Fuji)

ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ฟูจิเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการปีนเขาและชมวิวสวยๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

จุดเด่น :

  • ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น 🗻❄️ (สัญลักษณ์แห่งความงามและพลังของธรรมชาติ)
  • วิวสวยตลอดปี 🌸🍁 (ซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะ และทะเลสาบรอบฟูจิ)
  • ทะเลสาบทั้งห้า (ฟูจิ 5 ทะเลสาบ) 🏞️🚣‍♂️ (คาวากุจิโกะ โมโตสุ ฯลฯ จุดชมวิวฟูจิสุดปัง)
  • ปีนเขาสุดท้าทาย ⛰️🥾 (เส้นทางปีนยอดฟูจิเปิดช่วงฤดูร้อน)
  • ออนเซ็นพร้อมวิวฟูจิ ♨️🌄 (เช่น ที่ฮาโกเนะ คาวากุจิโกะ)
  • ดอกชิบะซากุระ 🌷🌸 (ทุ่งดอกไม้หลากสีตัดกับฟูจิในฤดูใบไม้ผลิ)
  • ฟูจิคิว ไฮแลนด์ 🎢🎡 (สวนสนุกสุดหวาดเสียวพร้อมวิวฟูจิ)

8. โอกินาว่า (Okinawa)

หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และวัฒนธรรมริวกิวที่เป็นเอกลักษณ์ โอกินาว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อนริมทะเล

จุดเด่น :

  • ทะเลสวย น้ำใส 🏝️🌊 (ชายหาดระดับโลก ดำน้ำสุดฟิน)
  • วัฒนธรรมริวกิว 🎭🏯 (เอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่างจากญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่)
  • อาหารอร่อย & สุขภาพดี 🍜🐷 (โซกิ โซบะ โกยะจัมปุรุ หมูอะกู)
  • เกาะสวรรค์มากมาย 🏖️🚤 (อิชิงากิ มิยาโกะ เคะระมะ ฯลฯ)
  • อากาศอบอุ่นตลอดปี ☀️🏄‍♂️ (เที่ยวได้ทุกฤดู หน้าหนาวก็ไม่หนาวจัด)
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ 🐠🦈 (แทงก์ปลายักษ์ วาฬฉลามสุดอลังการ)
  • ปราสาทชูริ 🏰🎌 (มรดกโลก ศูนย์กลางอาณาจักรริวกิว)

9. คานาซาว่า (Kanazawa)

เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่นี่คุณจะได้ชมสวนเคนโระกุเอ็นที่สวยงาม และเรียนรู้วัฒนธรรมการทำทองคำเปลวที่ขึ้นชื่อของคานาซาว่า

จุดเด่น :

  • สวนเค็นโรคุเอ็น 🌸🌿 (หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น)
  • ปราสาทคานาซาว่า 🏯✨ (แลนด์มาร์กสำคัญ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์)
  • ย่านเกอิชา & ซามูไร 🎭🏮 (ฮิกาชิชายะ & นางามาจิ ย้อนยุคสมัยเอโดะ)
  • ตลาดโอมิโจ 🦀🍣 (สวรรค์อาหารทะเลสด เช่น ปูคานิโดราเคะ)
  • ศิลปะ & งานหัตถกรรม 🎨🖌️ (ทองคำเปลว เครื่องปั้นดินเผา ลายญี่ปุ่นดั้งเดิม)
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะศตวรรษที่ 21 🏛️🔵 (แกลเลอรี่อาร์ตสุดล้ำ)
  • บรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิม 🏡🚶‍♂️ (เงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่)

10. ทาคายาม่า (Takayama)

เมืองเล็กๆ ในเขตภูเขาที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของญี่ปุ่นในอดีต

จุดเด่น :

  • เมืองเก่าซันมาจิซูจิ 🏡🎎 (บ้านไม้โบราณ สัมผัสบรรยากาศเอโดะ)
  • เนื้อฮิดะสุดพรีเมียม 🥩🍣 (เนื้อวากิวชั้นเลิศ นุ่มละลายในปาก)
  • เทศกาลทาคายามะ 🎏🚩 (หนึ่งในเทศกาลที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น)
  • หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ ❄️🏠 (บ้านกัสโชซุคุริ รูปทรงหลังคามุงหญ้า)
  • ธรรมชาติสวยงาม ⛰️🌳 (ภูเขา ป่า น้ำพุร้อน เงียบสงบ)
  • ตลาดเช้าโบราณ 🥕🍡 (เดินชมของพื้นเมือง อาหารท้องถิ่น)
  • ออนเซ็นบรรยากาศดั้งเดิม ♨️🏞️ (ผ่อนคลายในน้ำพุร้อนธรรมชาติ)

เที่ยวญี่ปุ่นอย่างไรให้ประหยัด?

  • ใช้ JR Pass: สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นทั่วญี่ปุ่น
  • เลือกที่พักราคาประหยัด: เช่น คapsule hotel หรือเกสต์เฮาส์
  • ทานอาหารตามท้องถิ่น: อาหารตามร้านเล็กๆ มักมีราคาถูกและอร่อย

สรุป

การเที่ยวญี่ปุ่นไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ธรรมชาติ และความทันสมัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกหรือครั้งที่สิบ ประเทศนี้ก็ยังมีอะไรใหม่ๆ ให้คุณได้ค้นพบเสมอ วางแผนทริปของคุณวันนี้ แล้วไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของญี่ปุ่นเพื่อนต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้นะ!

ทัวร์ญี่ปุ่น โอตารุ มีอะไรน่าสนใจจัดมาแบบเต็มๆ ไปดูกัน

ทัวร์ญี่ปุ่นกับเราวันนี้จะพาไปดูเมือง โอตารุ (Otaru) กันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เมืองโอตารุถือเป็นเมืองท่าที่สวยงามและมีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากซัปโปโร (Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ของญี่ปุ่น เมืองนี้มีทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และอาหารอร่อย หาเพื่อนมาเที่ยวญี่ปุ่นการเลือกมาทัวร์ญี่ปุ่นที่เมืองนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยละและ ที่ห้ามพลาด! มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างในการทัวร์โอตารุ


1. คลองโอตารุ (Otaru Canal)

  • จุดไฮไลท์ของเมือง: คลองโอตารุเป็นแลนด์มาร์คที่โด่งดังที่สุดของเมือง ถูกสร้างขึ้นในยุคไทโช (ค.ศ. 1920) เพื่อใช้ขนส่งสินค้า ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติก โดยเฉพาะตอนเย็นที่โคมไฟส่องแสงสวยงาม
  • กิจกรรมแนะนำ: เดินเล่นริมคลอง ถ่ายรูปสวยๆ หรือนั่งเรือชมวิว (มีบริการเรือท่องเที่ยว)

2. ย่านซาคายามาจิ (Sakaimachi Street)

  • ถนนสายประวัติศาสตร์: ย่านนี้เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สไตล์ตะวันตกที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์
  • ของฝากขึ้นชื่อ:
    • เครื่องแก้วโอตารุ (Otaru Glass): มีร้านขายเครื่องแก้วสวยๆ มากมาย
    • นาฬิกาเรือนเพลง (Music Box): ที่พิพิธภัณฑ์นาฬิกาเรือนเพลง (Otaru Orgel Museum)

3. พิพิธภัณฑ์นาฬิกาเรือนเพลง (Otaru Orgel Museum)

  • ความน่าสนใจ: เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมนาฬิกาเรือนเพลงสวยๆ จากทั่วโลก มีทั้งของเก่าและของใหม่ให้ชม
  • กิจกรรมแนะนำ: ซื้อนาฬิกาเรือนเพลงเป็นของฝาก หรือเลือกเพลงโปรดเพื่อทำนาฬิกาเรือนเพลงแบบเฉพาะตัว

4. พิพิธภัณฑ์ปลาเฮอริ่ง (Nishin Goten)

  • ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น: พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ในบ้านเก่าของตระกูลผู้ค้าปลาเฮอริ่งที่ร่ำรวยในอดีต แสดงวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์การทำประมงของโอตารุ
  • จุดเด่น: สัมผัสบรรยากาศของบ้านไม้เก่าแก่และเรียนรู้เรื่องราวของปลาเฮอริ่ง

5. วัดเท็นเงียวจิ (Tenguyama)

  • วิวสวยที่สุดในโอตารุ: ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดเขาเท็นเงียวจิเพื่อชมวิวเมืองโอตารุและท่าเรือ
  • เวลาที่แนะนำ: ช่วงเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตก หรือช่วงกลางคืนเพื่อชมวิวเมืองที่สว่างไสว

6. ตลาดโอตารุ (Otaru Market)

  • อาหารทะเลสดๆ: ตลาดนี้มีอาหารทะเลสดใหม่จากฮอกไกโด เช่น ปู ไข่หอยเม่น และซาชิมิ
  • เมนูแนะนำ: ข้าวปั้นหน้าปู (Kaisendon) หรือปูสดๆ ที่หาทานได้เฉพาะในฮอกไกโด

7. โรงกลั่นเหล้าสาเกโอตารุ (Otaru Sake Brewery)

  • ประสบการณ์ใหม่: ชมกระบวนการผลิตสาเกและลองชิมสาเกท้องถิ่น
  • ของฝากแนะนำ: สาเกคุณภาพดีจากโรงกลั่นในโอตารุ

8. พิพิธภัณฑ์รถไฟฮอกไกโด (Otaru Railway Museum)

  • สำหรับคนรักรถไฟ: พิพิธภัณฑ์นี้แสดงประวัติศาสตร์การขนส่งทางรถไฟของฮอกไกโด และมีรถไฟเก่าๆ ให้ชม

9. อาคารธนาคารเก่าโอตารุ (Former Otaru Branch of Hokkaido Takushoku Bank)

  • สถาปัตยกรรมสวยงาม: อาคารนี้เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติศาสตร์การเงินของโอตารุ

10. อาหารขึ้นชื่อของโอตารุ

  • ซูชิโอตารุ: โอตารุมีร้านซูชิขึ้นชื่อหลายร้าน เช่น Masa Zushi และ Takeda
  • ขนมหวาน: ลองทานขนมหวานญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น LeTAO ที่มีชีสเค้กและช็อกโกแลตอร่อยๆ
  • ไอศกรีม: ไอศกรีมนมสดจากฮอกไกโด หาทานได้ทั่วไปในเมือง

11. เทศกาลโอตารุ (Otaru Snow Light Path Festival)

  • ช่วงเวลา: กุมภาพันธ์ของทุกปี
  • กิจกรรม: ชมโคมไฟหิมะและแสงสีที่ประดับประดาตามคลองโอตารุและถนนในเมือง

12. ช้อปปิ้งของฝาก

  • LeTAO: ชื่อดังด้านชีสเค้กและช็อกโกแลต
  • Kitakaro: ขนมครก (Melon Pan) และบาอูลัวร์ (Baumkuchen)
  • Rokkatei: ขนมคุกกี้และช็อกโกแลตขึ้นชื่อ

13. กิจกรรมอื่นๆ

  • นั่งรถไฟชมวิว: จากซัปโปโรมายังโอตารุใช้เวลาเพียง 30 นาที และวิวระหว่างทางสวยงามมาก
  • เดินเล่นชมเมือง: โอตารุเป็นเมืองเล็กๆ ที่เดินชมได้สบายๆ

โอตารุเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบชิลๆ ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารอร่อย ถ้ามีโอกาสไปฮอกไกโด อย่าลืมแวะไปสัมผัสความงามของเมืองนี้กันนะ!

อาหารญี่ปุ่นที่คุณห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยว!

เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น นอกจากวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามแล้ว อาหารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณห้ามพลาด! ต่อไปนี้คืออาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ควรลองเมื่อไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัย ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นนั้นมีของกินอร่อยเยอะมากกกกกก ก. ไก่ ล้านตัว พาเพื่อนไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ซูชิ (寿司)

  • ซูชิเป็นอาหารญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก ควรลองทานซูชิสดๆ ที่ร้านซูชิในญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ตลาดปลา Tsukiji ในโตเกียว หรือร้านซูชิเล็กๆ ตามท้องถนน

2. ราเมน (ラーメン)

  • ราเมนเป็นอาหารจานด่วนที่ชาวญี่ปุ่นนิยมทาน มีหลายรูปแบบทั้งมิโซะราเมน ชิโอะราเมน โชยุราเมน และทงคตสึราเมน แต่ละภูมิภาคมีสูตรเฉพาะตัว

3. เทมปุระ (天ぷら)

  • เทมปุระเป็นอาหารที่นำวัตถุดิบเช่นกุ้ง ผัก หรืออาหารทะเลมาชุบแป้งทอดกรอบ ควรลองทานเทมปุระที่ร้านอาหารเฉพาะทาง

4. สุกี้ยากี้ (すき焼き)

  • สุกี้ยากี้เป็นอาหารจานร้อนที่ประกอบด้วยเนื้อวัว ผัก และเต้าหู้ ปรุงรสด้วยซอสหวานๆ ควรทานคู่กับไข่ดิบ

5. ทาโกะยากิ (たこ焼き)

  • ทาโกะยากิเป็นอาหารว่างรูปทรงกลม ทำจากแป้งสอดไส้ปลาหมึก โรยหน้าด้วยซอสและมะยองเนส หาทานได้ง่ายตามร้านข้างถนน

6. โอโคโนมิยากิ (お好み焼き)

  • โอโคโนมิยากิเป็นแพนเค้กญี่ปุ่นที่ใส่เนื้อสัตว์ ผัก และอาหารทะเล ราดด้วยซอสและมะยองเนส

7. ยากิโทริ (焼き鳥)

  • ยากิโทริคือไก่เสียบไม้ย่าง ปรุงรสด้วยซอสหรือเกลือ หาทานได้ตามร้านอิซากายะ

8. ชาบูชาบู (しゃぶしゃぶ)

  • ชาบูชาบูเป็นอาหารที่นำเนื้อวัวและผักลงไปลวกในน้ำซุป รสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ

9. โอเด้ง (おでん)

  • โอเด้งเป็นอาหารที่ประกอบด้วยวัตถุดิบหลากชนิดต้มในน้ำซุปดาชิ หาทานได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหาร

10. มัทฉะและของหวานญี่ปุ่น

  • ลองมัทฉะ (ชาเขียว) และของหวานญี่ปุ่นเช่นโมจิ ไดฟุกุ หรือโดรายากิ

11. คาไรเกะ (唐揚げ)

  • คาไรเกะคือไก่ทอดแบบญี่ปุ่น ที่มีความกรอบและนุ่มในตัว

12. ฟุกะงะวะ (ふかがわ)

  • ฟุกะงะวะเป็นอาหารท้องถิ่นของฮอกไกโด ทำจากปลาแซลมอนและผักดอง

13. ไก่ย่างยากินิคุ (焼肉)

  • ไก่ย่างยากินิคุเป็นอาหารที่คุณสามารถย่างเนื้อได้เองที่โต๊ะ ควรลองเนื้อวัวญี่ปุ่นเช่นวากิว

14. โซบะ (蕎麦)

  • โซบะเป็นเส้นบัควีทที่เสิร์ฟทั้งแบบร้อนและเย็น

15. อุด้ง (うどん)

  • อุด้งเป็นเส้นแป้งหนานุ่ม เสิร์ฟทั้งแบบร้อนและเย็น

16. ไก่ทัตซึตะ (竜田揚げ)

  • ไก่ทัตซึตะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสถั่วเหลืองและขิง

17. ไก่เทริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทริยากิ

18. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

19. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

20. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

21. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

22. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

23. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

24. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

25. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

26. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

27. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

28. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

29. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

30. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

31. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

32. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

33. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

34. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

35. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

36. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

37. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

38. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

39. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

40. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

41. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

42. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

43. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

44. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

45. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

46. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

47. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

48. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

49. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

50. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

51. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

52. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

53. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

54. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

55. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

56. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

57. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

58. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

59. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

60. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

61. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

62. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

63. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

64. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

65. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

66. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

67. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

68. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

69. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

70. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

71. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

72. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

73. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

74. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

75. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

76. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

77. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

78. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

79. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

80. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

81. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

82. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

83. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

84. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

85. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

86. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

87. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

88. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก