สถาปัตยกรรมล้ำค่า ในทวีปยุโรป

ถ้าพูดถึงบนโลกนี้ หนึ่งทวีปที่คุณอยากไปเยือนสักครั้งคงหนีไม่พ้น “ทวีปยุโรป” ทวีปที่มีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีต่างๆ และยังเป็นผู้นำแฟชั่นอันทันสมัยที่สุดในโลกก็ว่าได้ ถือว่าเป็นทวีปที่เป็นตั้งของหลายประเทศที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่มีความล้ำค่าและสวยงามที่สุดระดับต้นๆ ของโลก ที่ยังคงหลงเหลือให้เราได้ชมกันอยู่กับ 10 ที่สุด ของสถาปัตยกรรม อยู่ทีเมืองไหนประเทศอะไรบ้าง ดังนี้

ประเทศอิตาลี มีสถาปัตยกรรม 6 สถานที่ ได้แก่ (สนามกีฬาโคลอสเซียม) (หอ
เอนปิซ่า) (นครรัฐวาติกัน) (วิหารเซนต์ปีเตอร์ กรุงโรม) (น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม) (บันไดสเปน กรุงโรม)

ประเทศฝรั่งเศษ มีสถาปัตยกรรม 3 สถานที่ ได้แก่ (พระราชวังแวร์ซายส์ กรุง
ปารีส) (หอไอเฟล กรุงปารีส) (พิพิธภัณฑ์ลูฟร์)

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีสถาปัตยกรรม 1 สถานที่ ได้แก่ (ยอดเขายุงเฟรา)

1. สนามกีฬาโคลอสเซียม ประเทศ อิตาลี (Colosseum Italy,Rome)

สนามกีฬากลางแจ้งตั้งอยู่ที่กรุงโรมของประเทศอิตาลี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นสนามกีฬาในยุคอาณาจักรโรมันโบราณที่มีขนาดใหญ๋ก่อสร้างขึ้นในช่วงระหว่าง ปีค.ศ.72 ถึง 80 ที่สร้างรูปทรงมีลักษณะอาคารเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ ภายในบริเวณอาคารสามารถบรรจุคนนั่งดูได้ถึง 80,000 คน บริเวณใต้อัศจรรย์และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต รวมทั้งสิงโตหลายร้อยห้อง ซึ่งใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ ก็อาจรอดชีวิตไป หรือไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเองยิ่งถ้าต่อสู้กัน และสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตายจะได้รับเกียรติอย่างสูง เพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมยกย่องกันมาก ซึ่งในทุกๆปีหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

2. หอเอนเมืองปิซ่า ( Leaning Tower of Pisa , Italy )

หอเอนแห่งเมืองปิซ่า เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นจากหินอ่อน ลักษณะรูปทรงมีความพิศดาร สูงถึง 54 เมตร. หรือ 181 ฟุต มีทั้งหมด 8 ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายวิจิตรรองรับ ได้ลงมือสร้างเมื่อ (ค.ศ.1174) ไปเสร็จในปี (ค.ศ.1350) ใช้เวานานถึง 176 ปี ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก ความน่ามหัศจรรย์อีกอย่าง คือ เมื่อเริ่มสร้างได้ 4-5 ชั้น หอนี้เริ่มเอียงแต่ไม่ถึงกับพังทลายลงมาเพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วงเมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐานจึงไม่ล้มและยังทรงตัวอยู่ได้เมื่อสร้างเสร็จ ส่วนยอดของหอเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 4 เมตร หรือ 14 ฟุต

3. นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City)

นครรัฐวาติกันและอิตาลี ได้ลงนามสนธิสัญญายอมรับสถานะของนครรัฐวาติกันเป็นรัฐเอกราช มีอำนาจอธิปไตยของตนเองตั้งแต่ พ.ศ. 2503 นครรัฐวาติกันได้รับการจารึกให้เป็นดินแดน ที่จะต้องได้รับการปกป้องรักษาไว้เป็นพิเศษในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางอาวุธ (International Register of Cultural Works under Special Protection in Case of Armed Conflict) เนื่องจากเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมของโลก มีหอสมุดอันเก่าแก่ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 (the Apostolic Library of the Vatican) ทำให้นครรัฐวาติกันจึงเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก และนักท่องเที่ยวทัวร์ยุโรปส่วนใหญ่ต้องมาเที่ยวที่ประเทศนี้ เพราะเป็นประเทศที่เล็กและสวยงามมาก

4. วิหารเซนต์ปีเตอร์ กรุงโรม ( Basilica of Saint Peter )

วิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระมหาวิหารนักบุญเปโตร เป็นมหาวิหารเอกหนึ่งในสี่แห่งในกรุงโรม นครรัฐวาติกัน โดมของมหาวิหารสูงโดดเด่นสามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม โบสถ์นี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ที่ตั้งโบสถ์เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังร่างของนักบุญซีโมนเปโตร ซึ่งเป็นหนึ่งในอัครทูตของพระเยซู คริสตจักรถือว่านักบุญเปโตรเป็นบิชอปองค์แรกของแอนติออก ต่อมาก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโรม เพราะนิกายโรมันคาทอลิกเชื่อกันว่าร่างของนักบุญเปโตรถูกฝังไว้ที่นี่ จึงเป็นประเพณีกันต่อมาว่าพระสันตะปาปาหลายองค์ก็ฝังไว้ที่นี้

5. น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม ( Trevi Fountain )

น้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เขตเทรวี่ในกรุงโรมประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร (85 ฟุต) ความกว้าง 19.8 เมตร (65 ฟุต) และน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม ในสมัยบาโรกก็มีการแข่งขันออกแบบสิ่งก่อสร้างต่างๆ กัน มีการก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1732 และเสร็จในปี ค.ศ. 1762 นานหลังจากพระสันตะปาปาคลีเมนต์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เมื่อประติมากรรมโอเชียนัส (เทพเจ้าแห่งน้ำ) มีปิเอโตร บรัคชิ (Pietro Bracci) ได้รับการติดตั้งในช่องกลางน้ำพุ

6. บันไดสเปน กรุงโรม (Scalinata della Trinità dei Monti )

บันไดสเปนในกรุงโรมของประเทศอิตาลี เป็นบันไดที่กว้างที่สุด และยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี ฟรันเชสโก เด ซังค์ติส (Francesco de Sanctis) กับอาเลสซันโดร สเปคคี (Alessandro Specchi) สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ.1723-1725 ด้วยเงินจากกองทุนมรดกของนักการทูตฝรั่งเศส เอเตียน เกฟีเย (Étienne Gueffier) ลานด้านหน้าบันไดสเปน กลางลานมีฟอนตานาเดลลาบาร์คัชชา น้ำพุแบบอย่างบาโรกยุคต้นรูปทรงเรือโบราณตั้งโดดเด่น สร้างขึ้นในปี 1627-1629 ผลงานของนักประติมากรชื่อดัง ปีเยโตร แบร์นีนี บิดาของ จัน โลเรโซ แบร์นี่นี่ ประติมากร และสถาปนิกบาโรกที่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าผู้พ่อ ตามตำนานว่า พระสันตะปาปาอูร์บาโนที่ 8 มีดำริให้สร้างจำลองจากเรือที่ถูกพัดพามาจากแม่น้ำไทเบอร์ตอนน้ำท่วม

ที่มุมขวาของเชิงบันได จะเห็นอาคารที่เคยเป็นสถานที่พำนักอาศัยของจอห์น คีตส์ กวีชาวอังกฤษ จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1821 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ Keats-Shelley Memorial House เพื่อรำลึกถึงคีตส์และเพอร์ซี บิช เชลลี และยังเป็นหอจดหมายเหตุรวบรวมผลงานสำคัญ รวมทั้งต้นฉบับและงานเขียนของกวีในยุคโรแมนติกอีกหลายท่าน

7. พระราชวังแวร์ซายส์ กรุงปารีส ( Versailles Palace)

เป็นเมืองที่โด่งดังในฐานะที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังแวร์ซาย แวร์ซายเคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรฝรั่งเศสโดยพฤตินัยเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ นับจาก ค.ศ. 1682 ถึง 1789 โดยปัจจุบันนี้เมืองแวร์ซายได้เป็นชานเมืองที่ร่ำรวยของกรุงปารีสและยังคงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองเป็นตุลาการที่สำคัญ เมืองแวร์ซายตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของกรุงปารีสห่างจากใจกลางเมืองมา 17.1 กิโลเมตร โดยสภาเมืองแวร์ซายมีหน้าที่ปกครองส่วนอีฟลินส์ จากการสำรวจเมื่อปี ค.ศ. 2008 ที่ผ่านมา เมืองแวร์ซายมีประชากรทั้งสิ้น 88,641 คน ลดลงจากที่เคยมีมากที่สุกถึง 94,145 คนในปี ค.ศ.1975

8. หอไอเฟล กรุงปารีส ( Eiffel )

หอไอเฟล เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หอไอเฟลสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก ในปี ค.ศ. 1889 (Exposition universelle de Paris de 1889) เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และความสวยทางศิลปะสถาปัตยกรรม หอคอยสูงงดงามแห่งนี้เป็นดาวเด่นที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงาน หอไอเฟลกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีสและใน ค.ศ. 2006 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 8

9. พิพิธภัณฑ์ลูฟ ( louvre museum )

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ หรือมูว์เซดูลูฟวร์ มีชื่อทางการว่าthe Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศษ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดและเก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีรูปทรงลักษณะเป็นพีระมิดแก้วออกแบบโดยไอ.เอ็ม.เป สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ เมื่อปีค.ศ.1988 เป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์โดยผู้เข้าชมจะต้องเข้าผ่านล็อบบี้ใต้ดินที่อยู่ใต้ฐานพีระมิด และต่อมาได้มีการวางโครงการขึ้นอีก คือ พีระมิดกลับหัวซึ่งเป็นพีระมิดแก้วเช่นเดียวกันที่สามารถมองเห็นได้จากใต้ดินโดยฐานพีระมิดที่อยู่บนพื้นผิวระดับถนน โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1993

10. ยอดเขายจงเฟรา ( jungfrau )

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 4,000 เมตร ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2007

ทวีปยุโรป ยังมีอีกหลายประเทศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันล้ำค่า ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์และเป็นมรดกของโลกอันทรงคุณค่า ที่มีความปราณีตสวยงาม และยังคงเหลือไว้ให้ชื่นชมนับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนจากทั่วทุกมุมโลก ในปัจจุบันมีนักท่องให้ความสนใจ และออกเดินทางมาท่องเที่ยวทัวร์ยุโรปกันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อื่นๆอีกมากมายที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวได้มาเยือน