วัดโทไดจิ (Todai-ji) มรดกโลกและวัดพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนารา

หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น และต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในดินแดนอาทิตย์อุทัย วัดโทไดจิ (Todai-ji) คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาด วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 8 และเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu) ขนาดมหึมาที่โด่งดังไปทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวัดโทไดจิอย่างลึกซึ้ง พร้อมเคล็ดลับการเดินทางและข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่จะ เที่ยวญี่ปุ่น

ประวัติความเป็นมาของวัดโทไดจิ

วัดโทไดจิ (แปลว่า “วัดตะวันออกอันยิ่งใหญ่”) ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 752 ในสมัยจักรพรรดินันโชมุ เพื่อเป็นวัดหลักของเครือข่ายวัดประจำจังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่น ในอดีต วัดโทไดจิมีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมาก และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเคงอน (Kegon) ในญี่ปุ่น

การก่อสร้างวัดและพระพุทธรูปไดบุทสึใช้ทรัพยากรมหาศาล จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศในสมัยนั้นต้องประสบปัญหา แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาต่อราชสำนักญี่ปุ่นในยุคนั้น

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดโทไดจิได้ผ่านการบูรณะหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังจากถูกไฟไหม้ในสงครามกลางเมืองช่วงศตวรรษที่ 12 และ 16 ปัจจุบัน วัดโทไดจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในฐานะส่วนหนึ่งของ “อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองนารา”

ไฮไลท์สำคัญของวัดโทไดจิ

1. พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu)

สิ่งที่ทำให้วัดโทไดจิมีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือ พระพุทธรูปไดบุทสึ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่แสดงถึงพระพุทธเจ้าไวโรจนะ (Vairocana Buddha) พระพุทธรูปองค์นี้มีความสูง 15 เมตร และใช้ทองสำริดในการหล่อกว่า 437 ตัน รวมถึงทองคำอีก 130 กิโลกรัม

น่าสนใจว่า พระพุทธรูปที่เห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17-18 หลังจากต้นฉบับเดิมได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติและสงคราม แม้จะเล็กกว่าองค์ดั้งเดิม แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่อลังการไม่เปลี่ยนแปลง

ทุกปีมีนักท่องเที่ยวนับล้านเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่น และแวะมาชมพระพุทธรูปไดบุทสึที่วัดโทไดจิแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น

2. อาคารไดบุทสึเด็น (Daibutsuden)

อาคารไดบุทสึเด็น หรือ “หอพระพุทธ” ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึ เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าอาคารปัจจุบันที่สร้างในปี ค.ศ. 1709 จะมีขนาดเพียง 2 ใน 3 ของอาคารดั้งเดิมในศตวรรษที่ 8 ก็ตาม

สถาปัตยกรรมของอาคารไดบุทสึเด็นแสดงให้เห็นถึงเทคนิคการก่อสร้างขั้นสูงของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ โดยเฉพาะโครงสร้างไม้ที่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลและทนต่อแผ่นดินไหวได้อย่างดีเยี่ยม

3. เสาโฮเล็กซ์ (Hole in the Pillar)

ภายในอาคารไดบุทสึเด็น มีเสาไม้ต้นหนึ่งที่มีรูขนาดเท่ากับรูจมูกของพระพุทธรูปไดบุทสึ มีความเชื่อว่าหากใครสามารถลอดผ่านรูนี้ได้ จะได้รับพรและมีโชคดี ทำให้กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มา เที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่สามารถลอดผ่านรูนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

4. ประตูนันไดมง (Nandaimon Gate)

ประตูทางเข้าวัดโทไดจิที่เรียกว่า “นันไดมง” เป็นประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่า 25 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูรณะหลายครั้ง ที่โดดเด่นคือรูปปั้นยักษ์นิโอ (Nio) สองตนที่ยืนปกป้องทางเข้าวัด

รูปปั้นยักษ์เหล่านี้ถูกแกะสลักโดยช่างฝีมือชั้นเยี่ยม และถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะพุทธในยุคคามาคุระ (Kamakura) ที่ชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจ

5. พิพิธภัณฑ์วัดโทไดจิ (Todai-ji Museum)

นอกจากอาคารหลักแล้ว วัดโทไดจิยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย รวมถึงพระพุทธรูป เครื่องราชูปโภค และศิลปวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ซึ่งบางชิ้นมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 8

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น และเป็นส่วนสำคัญของการ เที่ยวญี่ปุ่น ในเชิงวัฒนธรรม

วัดโทไดจิและกวางเมืองนารา

หนึ่งในเอกลักษณ์ของการมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนาราคือการได้พบกับฝูงกวางที่เดินเล่นอย่างอิสระในสวนสาธารณะนารา (Nara Park) ซึ่งวัดโทไดจิตั้งอยู่ กวางเหล่านี้ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาชินโต โดยเชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า

นักท่องเที่ยวสามารถซื้อขนมเซมเบ้สำหรับให้อาหารกวาง แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากกวางบางตัวอาจจะดุเพื่อแย่งอาหาร ประสบการณ์การให้อาหารกวางพร้อมชมวัดโทไดจิถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนารา

เทศกาลสำคัญที่วัดโทไดจิ

1. พิธีชุนิโงโนฮาช่อน (Shuni-e Ceremony)

เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 1-14 มีนาคม เป็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เพื่อชำระล้างบาปของผู้คนและอธิษฐานขอให้บ้านเมืองสงบสุข

ไฮไลท์ของพิธีกรรมคือการแสดง “โอมิซุโทริ” (Omizutori) หรือพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ และ “ทาอิมัทสุ” (Taimatsu) การแสดงไฟขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเปลวไฟจะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้าย

2. พิธีเนีย็กโดโดโรเอ (Nigatsu-do Repentance Ceremony)

พิธีกรรมนี้จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นพิธีสำนึกผิดและภาวนาเพื่อสันติภาพ โดยพระสงฆ์จะสวดมนต์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน

ผู้ที่มา เที่ยวญี่ปุ่น ในช่วงเทศกาลเหล่านี้จะได้สัมผัสกับพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สืบทอดมาอย่างยาวนานและเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เคล็ดลับการเที่ยววัดโทไดจิ

1. ช่วงเวลาที่เหมาะสม

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): ชมดอกซากุระบานรอบๆ วัดและสวนนารา
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน): ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม
  • ช่วงเช้าตรู่: เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว

การวางแผนเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการมา เที่ยวญี่ปุ่น และเยี่ยมชมวัดโทไดจิอย่างสงบและไม่แออัด

2. การเดินทาง

วัดโทไดจิตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งห่างจากเกียวโตและโอซาก้าไม่มากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกลับได้ในวันเดียว:

  • จากเกียวโต: นั่งรถไฟสาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 45 นาที
  • จากโอซาก้า: นั่งรถไฟสาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 35-45 นาที
  • จากสถานีนารา: เดินประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัสไปยังสวนนารา

3. ค่าเข้าชมและเวลาทำการ

  • ค่าเข้าชมอาคารไดบุทสึเด็น: ประมาณ 600 เยน
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์: ประมาณ 500 เยน
  • เวลาทำการ: 8:00-17:00 น. (เมษายน-ตุลาคม) และ 8:00-16:30 น. (พฤศจิกายน-มีนาคม)

ควรตรวจสอบราคาและเวลาทำการล่าสุดก่อนวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลง

4. เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพ

  • ควรถ่ายภาพพระพุทธรูปไดบุทสึจากด้านขวาเล็กน้อย เพื่อให้ได้มุมที่สวยที่สุด
  • ถ่ายภาพกับกวางในสวนนาราโดยมีวัดโทไดจิเป็นฉากหลัง
  • ช่วงแสงทองในยามเย็นจะให้ภาพที่สวยงามของอาคารไดบุทสึเด็น

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียงวัดโทไดจิ

เมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนารา นอกจากวัดโทไดจิแล้ว ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงที่คุณสามารถแวะเยี่ยมชมได้:

  1. ศาลเจ้าคาสุงะ ไทชะ (Kasuga Taisha): ศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงด้านโคมไฟหินจำนวนมาก
  2. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum): จัดแสดงศิลปะพุทธจากทั่วญี่ปุ่น
  3. วัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji): วัดเก่าแก่ที่มีเจดีย์ห้าชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารา
  4. สวนอิซุเอ็น (Isuien Garden): สวนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สวยงามและสงบ

สรุป

วัดโทไดจิไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเอาไว้อย่างครบถ้วน การได้มาเยือนวัดโทไดจิจึงเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป

สำหรับผู้ที่วางแผนจะ เที่ยวญี่ปุ่น การแวะเยือนวัดโทไดจิและเมืองนาราจะช่วยให้คุณเข้าใจรากฐานทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะสนใจประวัติศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา หรือเพียงแค่ต้องการสัมผัสบรรยากาศอันสงบและงดงามของญี่ปุ่นในอดีต วัดโทไดจิจะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคุณอย่างแน่นอน