หากคุณกำลังมองหาจุดหมายปลายทางสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่แตกต่างจากเส้นทางยอดนิยม สวนไคระคุเอ็ง (Kairakuen) ในเมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ คือคำตอบที่จะทำให้ทริปของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น สวนแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น เคียงข้างกับสวนเคนโรคุเอ็นในคานาซาว่า และสวนโคราคุเอ็นในโอคายามะ
ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ
สวนไคระคุเอ็งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1842 โดยโทกูงาวะ นาริอากิ ผู้ปกครองคนที่ 9 แห่งอาณาจักรมิโตะ ชื่อ “ไคระคุ” แปลว่า “แบ่งปันความสุข” สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของเจ้าเมืองที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนเข้ามาพักผ่อนและเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ก้าวหน้ามากในสมัยนั้น
ไฮไลต์ของสวนไคระคุเอ็ง
ดอกบ๊วยนับพันต้น
จุดเด่นที่สุดของสวนแห่งนี้คือต้นบ๊วยกว่า 3,000 ต้นจากกว่า 100 สายพันธุ์ ที่ผลัดกันบานสะพรั่งตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม ในช่วง “เทศกาลดอกบ๊วย” (Ume Matsuri) บรรยากาศในสวนจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้สีขาว ชมพู และแดงที่ตัดกับท้องฟ้าสีคราม สร้างภาพที่โรแมนติกสุดๆ หลายโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นในช่วงต้นปีจะจัดเส้นทางมาชมเทศกาลนี้โดยเฉพาะ
ความงามตลอด 4 ฤดู
แม้ดอกบ๊วยจะเป็นสัญลักษณ์ของสวน แต่ไคระคุเอ็งยังมีความสวยงามตลอดทั้งปี:
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน): ดอกซากุระและดอกอาซาเลียบานสะพรั่ง
- ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): ใบไม้เขียวชอุ่ม บรรยากาศร่มรื่น
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): ดอกบุชโคลเวอร์ญี่ปุ่นสีม่วงสวยงาม
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): บรรยากาศเงียบสงบ เตรียมต้อนรับฤดูดอกบ๊วย
โคโบไคทีเอ็น – หอชมวิวสุดพิเศษ
หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญภายในสวนคือ “โคโบไคทีเอ็น” ศาลาสไตล์ญี่ปุ่นที่สามารถมองเห็นทะเลสาบเซ็นบะได้อย่างชัดเจน สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักผ่อนของผู้ปกครอง และปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม
พื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ เมื่อรวมพื้นที่ของสวนไคระคุเอ็งกับสวนสาธารณะเซ็นบะที่อยู่ติดกัน จะได้พื้นที่รวมกว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Central Park ในนิวยอร์กเท่านั้น
ข้อมูลการเดินทาง
ที่ตั้ง: เมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ (ห่างจากโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร)
การเดินทาง:
- จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟ JR Joban Line ประมาณ 70-90 นาที ถึงสถานีมิโตะ
- จากสถานีมิโตะ นั่งรถบัสประมาณ 10 นาที หรือเดินประมาณ 20-30 นาที
ค่าเข้าชม:
- ฤดูดอกบ๊วย (กุมภาพันธ์-มีนาคม): 300 เยน
- ช่วงอื่นๆ: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด:
- กุมภาพันธ์-กันยายน: 06:00-19:00 น.
- ตุลาคม-มกราคม: 07:00-18:00 น.
เคล็ดลับสำหรับการท่องเที่ยว
- วางแผนล่วงหน้า – ถ้าต้องการชมเทศกาลดอกบ๊วย ควรจองโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปลายปี เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาก
- มาเช้า – จะได้บรรยากาศที่เงียบสงบและแสงสวยสำหรับถ่ายรูป
- ใช้เวลาให้เพียงพอ – แนะนำให้จัดเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงเพื่อเดินชมสวนอย่างเต็มที่
- แวะโคโดะคัง – โรงเรียนแบบดั้งเดิมที่อยู่ใกล้สวน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ
- ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น – อย่าลืมลองนัตโตะ (ถั่วเหลืองหมัก) ซึ่งเมืองมิโตะมีชื่อเสียงในเรื่องนี้
เส้นทางแนะนำรอบๆ สวน
เมืองมิโตะไม่ได้มีแค่สวนไคระคุเอ็งเท่านั้น คุณสามารถต่อเที่ยวได้ที่:
- โคโดะคัง – โรงเรียนแบบดั้งเดิมที่ก่อตั้งโดยโทกูงาวะ นาริอากิ
- ซากปราสาทมิโตะ – ชมประวัติศาสตร์ของตระกูลโทกูงาวะ
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิบารากิ – สำหรับผู้รักงานศิลปะ
- ตลาดปลาสดนาคาโยชิ – ลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ
ทำไมควรไปสวนไคระคุเอ็ง
สวนไคระคุเอ็งเป็นสถานที่ที่ผสมผสานความงามตามธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และปรัชญาญี่ปุ่นไว้อย่างลงตัว แม้จะไม่ใช่จุดหมายยอดนิยมอย่างโตเกียวหรือเกียวโต แต่กลับมอบประสบการณ์ที่แท้จริงและเงียบสงบกว่า เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสญี่ปุ่นในแบบที่แตกต่าง
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทัวร์ญี่ปุ่นที่ไม่ธรรมดา การเพิ่มสวนไคระคุเอ็งในรายการท่องเที่ยวของคุณจะทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความพิเศษและน่าจดจำยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงฤดูดอกบ๊วยบาน ที่คุณจะได้สัมผัสกับความงามที่ญี่ปุ่นภาคภูมิใจนำเสนอให้กับโลก
บทความนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นและต้องการสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆ นอกเหนือจากเส้นทางยอดนิยม











































