ประเภทของทัวร์ญี่ปุ่น: เลือกให้ตรงใจคุณ!

ประเทศญี่ปุ่นที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปทัวร์ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางสักครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม อาหารเลิศรส หรือเทคโนโลยีล้ำสมัย การเลือกทัวร์ที่เหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวของคุณจึงสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เรารวบรวม ประเภทของทัวร์ญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมมาฝาก!


1. ทัวร์ญี่ปุ่นแบบคลาสสิก (Classic Tour)

เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก และต้องการเที่ยวสถานที่สำคัญแบบครบวงจร ถือว่าเป็นการทัวร์ญี่ปุ่นที่คุ้มค่าเพราะสามารถสัมผัสบรรยากาศได้ครบเลยที่เดียวจ้า

สถานที่แนะนำ:

  • โตเกียว (ทีมดิสนีย์แลนด์, ชิบูย่า, อาคิฮาบาระ)
  • เกียวโต (วัดคินคะคุจิ, ฟูชิมิอินาริ)
  • โอซาก้า (ปราสาทโอซาก้า, ย่านโดทงโบริ)
  • นารา (วัดโทไดจิ, หมู่กวางนารา)

จุดเด่น:

  • เที่ยวครบทั้ง 4 เมืองหลักของญี่ปุ่น
  • เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ

2. ทัวร์ธรรมชาติและฤดูกาล (Seasonal & Nature Tour)

สำหรับคนที่หลงใหลในธรรมชาติและอยากสัมผัสความงามของแต่ละฤดู และเพื่อนๆ ต้องมีเป้าหมายหรือสถานที่ ที่อยากจะไปจริงๆ ดูข้อมูลมาแล้ว ชื่นชอบเป็นพิเศษไปดูกันว่ามีที่ไหนโดนๆ บ้าง

สถานที่แนะนำ:

  • ฤดูใบไม้ผลิ (ซากุระบาน): ชินจูกุเกียวเอ็น (โตเกียว), ภูเขาไฟฟูจิ (ทะเลสาบคาวากุจิโกะ)
  • ฤดูร้อน (เทศกาลดอกไม้ไฟ): พิธีทานาบาตะ (เซนได), ทะเลสาบบิวะ (เกียวโต)
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ใบไม้เปลี่ยนสี): นิกโก้, อาราชิยามะ (เกียวโต)
  • ฤดูหนาว (หิมะและออนเซน): ฮอกไกโด (ซัปโปโร), นาโกย่า (หมู่บ้านชิราคาวาโกะ)

จุดเด่น:

  • ชมความงามของญี่ปุ่นในแต่ละช่วงเวลา
  • เหมาะสำหรับคู่รักและนักถ่ายภาพ

3. ทัวร์อาหารและช้อปปิ้ง (Food & Shopping Tour)

ตอบโจทย์สายกินและนักช้อปที่ต้องการลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ และซื้อของดีมีคุณภาพ ขาช้อปขากินต้องมาทางนี้ รับรองกระเป๋าแตกแน่นอน เพราะถ้าได้ไปทัวร์ญี่ปุ่นแล้ว เรื่องช้อปก็เพลินสุดๆ ของกินขึ้นชื่อว่าอร่อยมากกกกกกกก กอไก่ ล้านตัวชัวร์

สถานที่แนะนำ:

  • ตลาดปลาสึกิจิ (โตเกียว): ซูชิและอาหารทะเลสด
  • โดทงโบริ (โอซาก้า): ทากอยากิ, โอโคโนมิยากิ
  • ย่านชินไซบาชิ (โอซาก้า): แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมและเครื่องสำอาง
  • ฮาราจูกุ (โตเกียว): ของหวานน่ารักและแฟชั่นสตรีท

จุดเด่น:

  • ชิมอาหารขึ้นชื่อและซื้อของฝากคุณภาพ
  • เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนและนักชิม

4. ทัวร์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ (Cultural & Historical Tour)

เหมาะกับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพราะมีสถานที่ต่างๆ ที่เป็นคุณค่าทางธรรมชาติอยู่มากมายทั่วทั้งเกาะญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้างจ้า

สถานที่แนะนำ:

  • เกียวโต: วัดคิโยมิซุ, พิธีชงชา, ย่านเกอิชา (กิออน)
  • นารา: วัดโทไดจิ (พระพุทธรูปใหญ่)
  • คามากูระ: พระพุทธรูปไดบุตสึ
  • หมู่บ้านชิราคาวาโกะ: บ้านหลังคามุงฟางแบบดั้งเดิม

จุดเด่น:

  • เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบลึกซึ้ง
  • เหมาะกับผู้ที่ชอบศิลปะและประวัติศาสตร์

5. ทัวร์ผจญภัยและกิจกรรม (Adventure & Activity Tour)

สำหรับคนชอบความท้าทายและกิจกรรมสนุกๆ ให้เลือกเล่นมากมายจริงๆ สำหรับญี่ปุ่น

กิจกรรมแนะนำ:

  • สกีและสโนว์บอร์ดที่ นิเซโกะ (ฮอกไกโด)
  • ปีนเขา ภูเขาไฟฟูจิ (ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม)
  • ดำน้ำที่ โอกินาว่า
  • นั่งรถไฟหัวกระสุน (ชินคันเซ็น) และรถไฟท้องถิ่น

จุดเด่น:

  • เต็มอิ่มกับกิจกรรมสนุกๆ
  • เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและคนรักการผจญภัย

6. ทัวร์พักผ่อนและออนเซน (Relaxation & Onsen Tour)

สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนแบบชิลๆ ในรีสอร์ทออนเซน บรรยากาศธรรมชาติที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

สถานที่แนะนำ:

  • ฮาโกเน (คานากาวะ): ออนเซนพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ
  • คุซัทสึ (กุนมะ): แหล่งน้ำพุร้อนชื่อดัง
  • เบปปุ (โออิตะ): ออนเซนคุณภาพสูงในคิวชู

จุดเด่น:

  • ผ่อนคลายด้วยน้ำพุร้อนและธรรมชาติ
  • เหมาะกับคู่รักและผู้ที่ต้องการพักกายพักใจ

สรุป: เลือกทัวร์ญี่ปุ่นให้เหมาะกับตัวเอง

  • ครอบครัว/ผู้สูงอายุ: ทัวร์คลาสสิก
  • คู่รัก/นักถ่ายภาพ: ทัวร์ธรรมชาติและฤดูกาล
  • สายกิน/นักช้อป: ทัวร์อาหารและช้อปปิ้ง
  • คนรักวัฒนธรรม: ทัวร์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
  • นักผจญภัย: ทัวร์กิจกรรม
  • ต้องการพักผ่อน: ทัวร์ออนเซน

ไม่ว่าคุณจะชอบสไตล์ไหน หากอยากไปทัวร์ญี่ปุ่น เรามีโปรแกรมทัวร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ! ดูโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่น ของสยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป แล้ววางแผนวันหยุดของคุณแล้วไปลุยกันเลย!

ทัวร์ญี่ปุ่น สัมผัสความงามและวัฒนธรรมที่ Takayama

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่างและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของญี่ปุ่น ทากายาม่า (Takayama) คือหนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้อย่างน่าทึ่ง การเดินทางมาที่นี่ในทริป ทัวร์ญี่ปุ่น จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ที่หาได้ยากในเมืองใหญ่

ทำไม ทากายาม่า (Takayama) ถึงพิเศษ?

ทากายาม่า (Takayama) หรือที่รู้จักในชื่อ “ฮิดะ Takayama” เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือเขตเมืองเก่าและเขตเมืองใหม่ โดยเขตเมืองเก่านั้นเต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้สไตล์ดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้คุณรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในยุคเอโดะ

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดใน ทากายาม่า (Takayama)

  1. เมืองเก่า ทากายาม่า (Takayama) (Sanmachi Suji)
    ถนนสายเก่าแก่อันเป็นหัวใจของ Takayama ที่นี่คุณจะได้เดินชมร้านค้าเล็กๆ ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารแบบดั้งเดิม เช่น ข้าวหน้าเนื้อฮิดะ (Hida Beef) ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อวัวชั้นดีของญี่ปุ่น
  2. ตลาดเช้า ทากายาม่า (Takayama)
    ตลาดเช้าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณต้องมาเยือนในทริป ทัวร์ญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะได้พบกับสินค้าท้องถิ่นทั้งผักสด ผลไม้ และของ handmade จากชาวบ้านในพื้นที่
  3. พิพิธภัณฑ์ ทากายาม่า (Takayama) Jinya
    สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นศูนย์บริหารงานของรัฐบาลโชกุนในอดีต ภายในคุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการปกครองและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสมัยนั้น
  4. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
    แม้จะไม่ได้อยู่ใน ทากายาม่า (Takayama) โดยตรง แต่หมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้อยู่ห่างออกไปเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น หมู่บ้านที่มีบ้านหลังคามุงจากแบบกัสโชสไตล์นี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด

วิธีเดินทางไป ทากายาม่า (Takayama)

การเดินทางไป Takayama นั้นสะดวกสบายมาก หากคุณเริ่มต้นจากโตเกียว คุณสามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นไปยังนาโกย่า จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย JR Takayama Line ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

เที่ยว ทากายาม่า (Takayama) กับทัวร์ญี่ปุ่น

หากคุณไม่ต้องการวางแผนการเดินทางเอง การเลือกทริป ทัวร์ญี่ปุ่น ที่รวม ทากายาม่า (Takayama) ไว้ในโปรแกรมก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะคุณจะได้เพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง ที่พัก หรืออาหาร

สรุป

ทากายาม่า (Takayama) คือเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวด้วยตัวเองหรือผ่าน ทัวร์ญี่ปุ่น ที่นี่จะมอบประสบการณ์ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต พร้อมแล้วหรือยัง? เก็บกระเป๋าแล้วไป ทากายาม่า (Takayama) กันเลย!

เมืองโอซาก้า: สีสันแห่งญี่ปุ่นตะวันตกที่ไม่ควรพลาด

โอซาก้าถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยความโดดเด่นทั้งด้านอาหาร วัฒนธรรม และความบันเทิงที่ครบครัน ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่น หากคุณกำลังวางแผนทัวร์ญี่ปุ่น การแวะเยือนโอซาก้าถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

 

สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมือง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ นักรบผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อมาถึงโอซาก้าในทัวร์ญี่ปุ่น คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของเมืองนี้

ย่านโดทงโบริ ศูนย์กลางความบันเทิงและอาหารที่คึกคักที่สุดของโอซาก้า มีทั้งป้ายนีออนขนาดใหญ่ ร้านอาหารมากมาย และแหล่งช้อปปิ้งที่เปิดจนดึก ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักชิมที่ต้องการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นอย่างทาโกะยากิ (ลูกชิ้นปลาหมึก) และโอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) บริษัททัวร์ญี่ปุ่นหลายแห่งมักจัดให้มีการเยี่ยมชมย่านนี้ในช่วงเย็นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศอันคึกคัก

ย่านชินไซบาชิ ถนนช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น มีร้านค้าหลากหลายตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงร้านค้าท้องถิ่น เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวในทัวร์ญี่ปุ่นไม่ควรพลาด หากคุณเป็นนักช้อป

ประสบการณ์พิเศษในโอซาก้า

ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน สวนสนุกระดับโลกที่มีเครื่องเล่นและโซนธีมหลากหลาย รวมถึงโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และมินเนี่ยนพาร์ค ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มาเที่ยวในทัวร์ญี่ปุ่น และมักมีคิวยาวตลอดทั้งปี แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าหรือเลือกแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นที่รวมตั๋วเข้าชมไว้แล้ว

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก บ้านของสัตว์น้ำกว่า 30,000 ชนิด รวมถึงฉลามวาฬขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

ชิมอาหารท้องถิ่น โอซาก้าได้รับฉายาว่าเป็น “ครัวของญี่ปุ่น” ด้วยความหลากหลายของอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นคุชิคัตสึ (หมูทอดเสียบไม้), ทาโกะยากิ หรือราเมนรสเด็ด หลายบริษัททัวร์ญี่ปุ่นจัดให้มีทัวร์ชิมอาหารโดยเฉพาะในโอซาก้า ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการกิน

การเดินทางในโอซาก้า

โอซาก้ามีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส และรถไฟ JR ทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าคุณจะไม่ได้มากับทัวร์ญี่ปุ่นแบบกรุ๊ป การซื้อบัตร Osaka Amazing Pass จะช่วยให้คุณเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักได้ฟรีและใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้ไม่จำกัด

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเยือนโอซาก้า

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่มีอากาศเย็นสบายและทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงซากุระบานหรือใบไม้เปลี่ยนสี บริษัททัวร์ญี่ปุ่นมักจะมีแพ็คเกจพิเศษในช่วงนี้ แต่ควรจองล่วงหน้าเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น

โอซาก้าเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางด้วยตัวเองหรือไปกับทัวร์ญี่ปุ่น เมืองนี้มีสิ่งน่าค้นหาสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ตั้งแต่ผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ นักชิม นักช้อป ไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงและวัฒนธรรมร่วมสมัย

วัดโทไดจิ (Todai-ji) มรดกโลกและวัดพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนารา

หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น และต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในดินแดนอาทิตย์อุทัย วัดโทไดจิ (Todai-ji) คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาด วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 8 และเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu) ขนาดมหึมาที่โด่งดังไปทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวัดโทไดจิอย่างลึกซึ้ง พร้อมเคล็ดลับการเดินทางและข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่จะ เที่ยวญี่ปุ่น

ประวัติความเป็นมาของวัดโทไดจิ

วัดโทไดจิ (แปลว่า “วัดตะวันออกอันยิ่งใหญ่”) ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 752 ในสมัยจักรพรรดินันโชมุ เพื่อเป็นวัดหลักของเครือข่ายวัดประจำจังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่น ในอดีต วัดโทไดจิมีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมาก และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเคงอน (Kegon) ในญี่ปุ่น

การก่อสร้างวัดและพระพุทธรูปไดบุทสึใช้ทรัพยากรมหาศาล จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศในสมัยนั้นต้องประสบปัญหา แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาต่อราชสำนักญี่ปุ่นในยุคนั้น

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดโทไดจิได้ผ่านการบูรณะหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังจากถูกไฟไหม้ในสงครามกลางเมืองช่วงศตวรรษที่ 12 และ 16 ปัจจุบัน วัดโทไดจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในฐานะส่วนหนึ่งของ “อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองนารา”

ไฮไลท์สำคัญของวัดโทไดจิ

1. พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu)

สิ่งที่ทำให้วัดโทไดจิมีชื่อเสียงไปทั่วโลกคือ พระพุทธรูปไดบุทสึ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่แสดงถึงพระพุทธเจ้าไวโรจนะ (Vairocana Buddha) พระพุทธรูปองค์นี้มีความสูง 15 เมตร และใช้ทองสำริดในการหล่อกว่า 437 ตัน รวมถึงทองคำอีก 130 กิโลกรัม

น่าสนใจว่า พระพุทธรูปที่เห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17-18 หลังจากต้นฉบับเดิมได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติและสงคราม แม้จะเล็กกว่าองค์ดั้งเดิม แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่อลังการไม่เปลี่ยนแปลง

ทุกปีมีนักท่องเที่ยวนับล้านเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่น และแวะมาชมพระพุทธรูปไดบุทสึที่วัดโทไดจิแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น

2. อาคารไดบุทสึเด็น (Daibutsuden)

อาคารไดบุทสึเด็น หรือ “หอพระพุทธ” ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึ เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าอาคารปัจจุบันที่สร้างในปี ค.ศ. 1709 จะมีขนาดเพียง 2 ใน 3 ของอาคารดั้งเดิมในศตวรรษที่ 8 ก็ตาม

สถาปัตยกรรมของอาคารไดบุทสึเด็นแสดงให้เห็นถึงเทคนิคการก่อสร้างขั้นสูงของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ โดยเฉพาะโครงสร้างไม้ที่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลและทนต่อแผ่นดินไหวได้อย่างดีเยี่ยม

3. เสาโฮเล็กซ์ (Hole in the Pillar)

ภายในอาคารไดบุทสึเด็น มีเสาไม้ต้นหนึ่งที่มีรูขนาดเท่ากับรูจมูกของพระพุทธรูปไดบุทสึ มีความเชื่อว่าหากใครสามารถลอดผ่านรูนี้ได้ จะได้รับพรและมีโชคดี ทำให้กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มา เที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่สามารถลอดผ่านรูนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

4. ประตูนันไดมง (Nandaimon Gate)

ประตูทางเข้าวัดโทไดจิที่เรียกว่า “นันไดมง” เป็นประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่า 25 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูรณะหลายครั้ง ที่โดดเด่นคือรูปปั้นยักษ์นิโอ (Nio) สองตนที่ยืนปกป้องทางเข้าวัด

รูปปั้นยักษ์เหล่านี้ถูกแกะสลักโดยช่างฝีมือชั้นเยี่ยม และถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะพุทธในยุคคามาคุระ (Kamakura) ที่ชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจ

5. พิพิธภัณฑ์วัดโทไดจิ (Todai-ji Museum)

นอกจากอาคารหลักแล้ว วัดโทไดจิยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย รวมถึงพระพุทธรูป เครื่องราชูปโภค และศิลปวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ซึ่งบางชิ้นมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 8

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น และเป็นส่วนสำคัญของการ เที่ยวญี่ปุ่น ในเชิงวัฒนธรรม

วัดโทไดจิและกวางเมืองนารา

หนึ่งในเอกลักษณ์ของการมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนาราคือการได้พบกับฝูงกวางที่เดินเล่นอย่างอิสระในสวนสาธารณะนารา (Nara Park) ซึ่งวัดโทไดจิตั้งอยู่ กวางเหล่านี้ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาชินโต โดยเชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า

นักท่องเที่ยวสามารถซื้อขนมเซมเบ้สำหรับให้อาหารกวาง แต่ควรระมัดระวังเนื่องจากกวางบางตัวอาจจะดุเพื่อแย่งอาหาร ประสบการณ์การให้อาหารกวางพร้อมชมวัดโทไดจิถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนารา

เทศกาลสำคัญที่วัดโทไดจิ

1. พิธีชุนิโงโนฮาช่อน (Shuni-e Ceremony)

เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 1-14 มีนาคม เป็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เพื่อชำระล้างบาปของผู้คนและอธิษฐานขอให้บ้านเมืองสงบสุข

ไฮไลท์ของพิธีกรรมคือการแสดง “โอมิซุโทริ” (Omizutori) หรือพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ และ “ทาอิมัทสุ” (Taimatsu) การแสดงไฟขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเปลวไฟจะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้าย

2. พิธีเนีย็กโดโดโรเอ (Nigatsu-do Repentance Ceremony)

พิธีกรรมนี้จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นพิธีสำนึกผิดและภาวนาเพื่อสันติภาพ โดยพระสงฆ์จะสวดมนต์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน

ผู้ที่มา เที่ยวญี่ปุ่น ในช่วงเทศกาลเหล่านี้จะได้สัมผัสกับพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สืบทอดมาอย่างยาวนานและเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เคล็ดลับการเที่ยววัดโทไดจิ

1. ช่วงเวลาที่เหมาะสม

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): ชมดอกซากุระบานรอบๆ วัดและสวนนารา
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน): ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม
  • ช่วงเช้าตรู่: เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว

การวางแผนเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการมา เที่ยวญี่ปุ่น และเยี่ยมชมวัดโทไดจิอย่างสงบและไม่แออัด

2. การเดินทาง

วัดโทไดจิตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งห่างจากเกียวโตและโอซาก้าไม่มากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกลับได้ในวันเดียว:

  • จากเกียวโต: นั่งรถไฟสาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 45 นาที
  • จากโอซาก้า: นั่งรถไฟสาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 35-45 นาที
  • จากสถานีนารา: เดินประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัสไปยังสวนนารา

3. ค่าเข้าชมและเวลาทำการ

  • ค่าเข้าชมอาคารไดบุทสึเด็น: ประมาณ 600 เยน
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์: ประมาณ 500 เยน
  • เวลาทำการ: 8:00-17:00 น. (เมษายน-ตุลาคม) และ 8:00-16:30 น. (พฤศจิกายน-มีนาคม)

ควรตรวจสอบราคาและเวลาทำการล่าสุดก่อนวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลง

4. เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพ

  • ควรถ่ายภาพพระพุทธรูปไดบุทสึจากด้านขวาเล็กน้อย เพื่อให้ได้มุมที่สวยที่สุด
  • ถ่ายภาพกับกวางในสวนนาราโดยมีวัดโทไดจิเป็นฉากหลัง
  • ช่วงแสงทองในยามเย็นจะให้ภาพที่สวยงามของอาคารไดบุทสึเด็น

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียงวัดโทไดจิ

เมื่อมา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองนารา นอกจากวัดโทไดจิแล้ว ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงที่คุณสามารถแวะเยี่ยมชมได้:

  1. ศาลเจ้าคาสุงะ ไทชะ (Kasuga Taisha): ศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงด้านโคมไฟหินจำนวนมาก
  2. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum): จัดแสดงศิลปะพุทธจากทั่วญี่ปุ่น
  3. วัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji): วัดเก่าแก่ที่มีเจดีย์ห้าชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารา
  4. สวนอิซุเอ็น (Isuien Garden): สวนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สวยงามและสงบ

สรุป

วัดโทไดจิไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเอาไว้อย่างครบถ้วน การได้มาเยือนวัดโทไดจิจึงเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป

สำหรับผู้ที่วางแผนจะ เที่ยวญี่ปุ่น การแวะเยือนวัดโทไดจิและเมืองนาราจะช่วยให้คุณเข้าใจรากฐานทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะสนใจประวัติศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา หรือเพียงแค่ต้องการสัมผัสบรรยากาศอันสงบและงดงามของญี่ปุ่นในอดีต วัดโทไดจิจะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคุณอย่างแน่นอน

โตเกียวสกายทรี: หอคอยแห่งอนาคตและจุดชมวิวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) เป็นหอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงโตเกียวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวญี่ปุ่น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโตเกียวสกายทรี ประวัติความเป็นมา ไฮไลท์สำคัญ และข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับหอคอยแห่งนี้

ประวัติความเป็นมาของโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรีเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 2008 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2012 ด้วยความสูงทั้งสิ้น 634 เมตร ทำให้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นหอคอยที่สูงที่สุดอันดับสองของโลกในขณะนั้น โตเกียวสกายทรีถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนหอคอยโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ที่มีความสูงเพียง 333 เมตร ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการส่งสัญญาณดิจิทัลในยุคปัจจุบัน

ความสูง 634 เมตรของโตเกียวสกายทรีนั้นมีความหมายพิเศษในภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากตัวเลข “6-3-4” สามารถอ่านเป็น “มุ-ซา-ชิ” (Mu-sa-shi) ซึ่งเป็นชื่อเก่าของบริเวณที่โตเกียวตั้งอยู่ในปัจจุบัน

การออกแบบและสถาปัตยกรรมของโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรีมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์โดยผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่กับศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น:

  • โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว: หอคอยนี้ได้รับการออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ด้วยระบบแกนกลาง (core column) ที่แยกอิสระจากโครงสร้างภายนอก ทำให้สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
  • รูปทรงสามเหลี่ยมเว้า: รูปทรงของหอคอยได้แรงบันดาลใจจากเสาในวัดญี่ปุ่นโบราณและดาบซามูไร
  • สีของหอคอย: สีพิเศษที่เรียกว่า “สกายทรีไวท์” (Skytree White) ซึ่งเป็นสีขาวอมฟ้าอ่อนๆ ดูทันสมัยและกลมกลืนกับท้องฟ้า

ไฮไลท์สำคัญในโตเกียวสกายทรี

1. จุดชมวิวทีมป์โป (Tembo Deck)

ตั้งอยู่ที่ความสูง 350 เมตร เป็นจุดชมวิวหลักของโตเกียวสกายทรี ประกอบด้วยพื้นที่สามชั้น ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวโตเกียว 360 องศา ในวันที่อากาศดี สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน

ไฮไลท์ของทีมป์โป เดค:

  • พื้นกระจกที่สามารถมองเห็นพื้นด้านล่าง
  • ร้านอาหารที่สามารถรับประทานพร้อมชมวิว
  • นิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและการก่อสร้างโตเกียวสกายทรี

2. จุดชมวิวทีมป์โป แกลเลอรี (Tembo Galleria)

อยู่สูงกว่าทีมป์โป เดค ที่ระดับความสูง 450 เมตร เป็นทางเดินโค้งขึ้นไปสู่จุดชมวิวระดับที่สูงที่สุด ให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้า

จุดเด่นของทีมป์โป แกลเลอรี:

  • ทางเดินลาดเอียงที่เรียกว่า “ทางเดินสู่สรวงสวรรค์” (Sorakara Point)
  • จุดถ่ายภาพยอดนิยมที่สูงที่สุดของหอคอย
  • จอดิจิทัลแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่สำคัญที่มองเห็นจากจุดชมวิว

3. โซลาทรี พลาซ่า (Solamachi Plaza)

ห้างสรรพสินค้าและคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณฐานของโตเกียวสกายทรี ประกอบด้วย:

  • ร้านค้ากว่า 300 ร้าน ตั้งแต่แบรนด์สินค้าญี่ปุ่นดั้งเดิมไปจนถึงแบรนด์ระดับโลก
  • ร้านอาหารญี่ปุ่นและนานาชาติหลากหลายรูปแบบ
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะ (Sumida Aquarium) ที่จัดแสดงระบบนิเวศทางน้ำของญี่ปุ่น
  • พลาเนตเทเรียม เทนคิว (Planetarium Tenku) ที่นำเสนอการแสดงดาวที่ทันสมัย

4. การแสดงไฟยามค่ำคืน

โตเกียวสกายทรีมีการจัดแสดงไฟยามค่ำคืนที่สวยงาม 2 ธีมหลักสลับกันไป:

  • อิจิมัทสึ (Iki) – สีฟ้าอมเขียว ซึ่งเป็นสีดั้งเดิมของเอโดะ (ชื่อเก่าของโตเกียว)
  • มิยาบิ (Miyabi) – สีม่วงที่แสดงถึงความงดงามอย่างสง่าของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงไฟพิเศษในช่วงเทศกาลและวันสำคัญต่างๆ อีกด้วย

เคล็ดลับการเที่ยวโตเกียวสกายทรี

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าชม

  • ช่วงเช้าตรู่ (เปิด 8:00 น.): เป็นช่วงที่มีคนน้อยที่สุดและเหมาะสำหรับการชมวิวในตอนเช้า
  • ช่วงพระอาทิตย์ตก (ประมาณ 16:00-18:00 น.): ได้ชมวิวทั้งตอนกลางวันและกลางคืนในการขึ้นเพียงครั้งเดียว
  • วันธรรมดา: มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

การซื้อตั๋วและการเข้าชม

  • จองตั๋วล่วงหน้า: แนะนำให้จองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ทางการเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวยาว
  • ตั๋วเฟสท์พาส (Fast Pass): มีบริการตั๋วพิเศษที่ช่วยให้ข้ามแถวรอได้ แต่จะมีราคาที่สูงกว่า
  • ตั๋วคอมโบ: มีตั๋วราคาพิเศษที่รวมการเข้าชมทั้งทีมป์โป เดค และทีมป์โป แกลเลอรี
  • บัตรพิเศษ: เช่น Tokyo Skytree Ticket & Tokyo Subway Ticket ที่รวมตั๋วรถไฟใต้ดินโตเกียว

การเดินทางไปโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรีตั้งอยู่ในย่านซุมิดะ (Sumida) ทางตะวันออกของโตเกียว สามารถเดินทางได้หลายวิธี:

  • รถไฟ: สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Tokyo Skytree Station (สาย Tobu Skytree Line) และ Oshiage Station (สาย Tokyo Metro)
  • เรือ: มีบริการเรือโดยสารจากอาซากุสะและโอไดบะมายังท่าเรือใกล้โตเกียวสกายทรี
  • รถบัส: มีรถบัสหลายสายให้บริการผ่านบริเวณนี้

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียงโตเกียวสกายทรี

1. อาซากุสะ (Asakusa)

ห่างจากโตเกียวสกายทรีเพียง 20 นาทีโดยการเดิน หรือไม่กี่นาทีโดยรถไฟ อาซากุสะเป็นย่านวัฒนธรรมเก่าแก่ของโตเกียวที่มี:

  • วัดเซนโซจิ (Senso-ji) วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
  • ถนนนากามิเสะ (Nakamise) ถนนช้อปปิ้งแบบดั้งเดิมอายุกว่า 200 ปี

2. สวนซุมิดะ (Sumida Park)

สวนริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงในการชมดอกซากุระและจุดชมวิวโตเกียวสกายทรีที่สวยงาม

3. พิพิธภัณฑ์เบียร์อาซาฮี (Asahi Beer Museum)

อาคารที่มีรูปทรงโดดเด่นเหมือนแก้วเบียร์และหยดเบียร์ เป็นที่ตั้งของบริษัทเบียร์ชื่อดังของญี่ปุ่น

เหตุผลที่ควรไปเยือนโตเกียวสกายทรี

  1. วิวพาโนรามาที่น่าทึ่ง: ชมวิวเมืองโตเกียวที่กว้างไกลที่สุดเท่าที่จะหาได้
  2. ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยี: สัมผัสการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและเทคโนโลยีล้ำสมัยของญี่ปุ่น
  3. ช้อปปิ้งและอาหาร: เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและอาหารญี่ปุ่นหลากหลายรูปแบบ
  4. ความสำคัญทางประวัติศาสตร์: เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของโตเกียวและการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารของญี่ปุ่น

สรุป

โตเกียวสกายทรีไม่เพียงแต่เป็นหอคอยส่งสัญญาณที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น การได้ขึ้นไปชมวิวบนโตเกียวสกายทรีจะทำให้คุณเห็นกรุงโตเกียวในมุมมองที่แตกต่างและเข้าใจถึงขนาดอันกว้างใหญ่ของมหานครแห่งนี้ โตเกียวสกายทรีจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกรุงโตเกียวอย่างแท้จริง

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น: 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำด้วยวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของธรรมชาติ และความล้ำสมัยที่ผสมผสานกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน บทความนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิต และถ้าคุณยังไม่เคยไปการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยการไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์อย่าง บริษัท สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป รับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง ไปดูว่าถสถานที่เที่ยวไหนน่าสนกันบ้างค่ะ

1. ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) – สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น

ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูง 3,776 เมตร นับเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินมาหลายศตวรรษ

ไฮไลท์:

  • ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเขาในฤดูปีนเขา (กรกฎาคม-กันยายน)
  • เยี่ยมชมทะเลสาบทั้ง 5 แห่งรอบภูเขาไฟฟูจิ โดยเฉพาะทะเลสาบคาวากุจิโกะที่มีจุดชมวิวสวยงาม
  • สัมผัสประสบการณ์แช่ออนเซ็นท่ามกลางวิวภูเขาไฟฟูจิ

เคล็ดลับ: ควรวางแผนการเดินทางช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เพื่อโอกาสที่จะได้เห็นฟูจิซังชัดเจนที่สุด

2. เกียวโต (Kyoto) – หัวใจแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นกว่า 1,000 ปี ปัจจุบันยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยวัดและศาลเจ้ากว่า 1,600 แห่ง

สถานที่ห้ามพลาด:

  • วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) ที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงามสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ
  • ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) กับอุโมงค์เสาโทริอิสีแดงนับพัน
  • ย่านกิออน (Gion) แหล่งรวมเกอิชาและบรรยากาศดั้งเดิมของญี่ปุ่น
  • ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Grove) เส้นทางเดินท่ามกลางป่าไผ่สูงตระหง่าน

เคล็ดลับ: ควรเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) เพื่อชมซากุระบาน หรือฤดูใบไม้ร่วง (พฤศจิกายน) เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี

3. โตเกียว (Tokyo) – มหานครที่ผสมผสานความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม

โตเกียวเป็นเมืองหลวงที่มีความหลากหลายทั้งความล้ำสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

สถานที่ยอดนิยม:

  • ย่านชิบูย่า (Shibuya) กับทางม้าลายที่คนข้ามพร้อมกันมากที่สุดในโลก
  • ย่านชินจูกุ (Shinjuku) แหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงยามค่ำคืน
  • วัดเซนโซจิ (Senso-ji) วัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
  • โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) หอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

กิจกรรมน่าสนใจ: ไปชมตลาดปลาสึกิจิใหม่ (Toyosu Fish Market) ในยามเช้าตรู่เพื่อชมการประมูลปลาทูน่า หรือลองสวมชุดกิโมโนเดินเล่นในสวนอุเอโนะ

4. โอซาก้า (Osaka) – เมืองแห่งอาหารอร่อยและความสนุกสนาน

โอซาก้าขึ้นชื่อในเรื่องอาหารอร่อยและผู้คนที่เป็นมิตร มีคำกล่าวว่า “กินจนล้มละลายที่โอซาก้า” (Kuidaore) ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของเมืองนี้

ไฮไลท์:

  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) สัญลักษณ์ของเมือง
  • ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) แหล่งรวมร้านอาหารชั้นเลิศและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่
  • ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) สวนสนุกระดับโลก

อาหารห้ามพลาด: ทาโกยากิ (ลูกชิ้นปลาหมึก), โอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น), และคุชิคัตสึ (หมูทอดเสียบไม้)

5. ฮอกไกโด (Hokkaido) – ดินแดนแห่งธรรมชาติอันงดงาม

ฮอกไกโดเป็นเกาะทางตอนเหนือของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่สวยงาม อาหารทะเลสดใหม่ และกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:

  • เมืองซัปโปโร (Sapporo) เมืองหลวงของฮอกไกโด ที่มีเทศกาลหิมะซัปโปโรอันโด่งดัง
  • ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) ทะเลสาบภูเขาไฟที่ไม่เคยแข็งตัว
  • เมืองโอตารุ (Otaru) เมืองท่าเก่าแก่ที่มีคลองโรแมนติก

ฤดูกาลท่องเที่ยว: ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) สำหรับกิจกรรมหิมะ และฤดูร้อน (กรกฎาคม-สิงหาคม) สำหรับทุ่งลาเวนเดอร์บานและอากาศเย็นสบาย

6. นารา (Nara) – เมืองแห่งกวางและมรดกโลก

นาราเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของญี่ปุ่น มีกวางจำนวนมากที่เดินอยู่อย่างอิสระในสวนสาธารณะนารา นับเป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์และเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์

สถานที่สำคัญ:

  • วัดโทไดจิ (Todai-ji) ที่มีพระพุทธรูปไดบุทสึขนาดใหญ่
  • สวนสาธารณะนารา (Nara Park) ที่มีกวางกว่า 1,200 ตัว
  • ศาลเจ้าคาสุงะ ไทชะ (Kasuga Taisha) ที่มีโคมไฟหินขนาดใหญ่

เคล็ดลับ: ซื้อขนมเซมเบ้สำหรับให้อาหารกวาง แต่ระวังกวางที่อาจจะดุเพื่อแย่งอาหาร

7. โอกินาว่า (Okinawa) – สวรรค์แห่งหาดทรายและท้องทะเล

หมู่เกาะโอกินาว่าทางตอนใต้ของญี่ปุ่นมีชายหาดที่สวยงาม น้ำทะเลใสราวคริสตัล และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

กิจกรรมน่าสนใจ:

  • ดำน้ำชมปะการังที่เกาะเคราม่า
  • เยี่ยมชมปราสาทชูริ (Shuri Castle) มรดกโลกทางวัฒนธรรม
  • สัมผัสวัฒนธรรมโอกินาว่าที่หมู่บ้านวัฒนธรรมริวกิว

อาหารท้องถิ่น: ซอบะโอกินาว่า, ราฟทีเบียร์, และหมูสามชั้นทอด (Rafute)

8. คานาซาวะ (Kanazawa) – เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมซามูไร

คานาซาวะเป็นเมืองที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้มาก

สถานที่ท่องเที่ยว:

  • สวนเคนโรคุเอน (Kenrokuen Garden) หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
  • ย่านฮิกาชิ ชายะ (Higashi Chaya District) ย่านเกอิชาเก่าแก่
  • ตลาดโอมิโช (Omicho Market) แหล่งอาหารทะเลสดใหม่

หัตถกรรมพื้นเมือง: ทองคำเปลว (Kanazawa Gold Leaf) และเครื่องปั้นดินเผาคุตานิ (Kutani Pottery)

9. ฮิโรชิม่า (Hiroshima) – เมืองแห่งสันติภาพและการฟื้นฟู

ฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันเศร้าสลดจากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณู แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและการฟื้นฟู

สถานที่สำคัญ:

  • อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า และพิพิธภัณฑ์
  • เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) กับประตูโทริอิกลางน้ำอันโด่งดัง
  • ปราสาทฮิโรชิม่า ที่ได้รับการบูรณะหลังสงคราม

อาหารท้องถิ่น: โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า ที่มีการซ้อนชั้นแป้งและใส่ไข่

10. คามาคุระ (Kamakura) – เมืองชายทะเลแห่งพระพุทธศาสนา

คามาคุระอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว เป็นเมืองชายทะเลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและวัดวาอารามมากมาย

จุดเด่น:

  • พระใหญ่ไดบุทสึ (Great Buddha of Kamakura) พระพุทธรูปสำริดกลางแจ้งขนาดใหญ่
  • วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) ที่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้
  • ถนนโคมาจิโดริ (Komachi-dori) ถนนช้อปปิ้งที่มีเสน่ห์

กิจกรรม: นั่งรถไฟเอโนเด็น (Enoden) ชมวิวทะเลและเมืองโบราณ

เคล็ดลับการเดินทางทัวร์ญี่ปุ่น

  1. การเดินทาง: ใช้บัตร Japan Rail Pass คุ้มค่ามากสำหรับการเดินทางระหว่างเมือง
  2. ที่พัก: ลองสัมผัสประสบการณ์พักที่เรียวกัง (โรงแรมแบบดั้งเดิม) อย่างน้อย 1 คืน
  3. ภาษา: แม้คนญี่ปุ่นจะพูดอังกฤษไม่คล่อง แต่พวกเขาเป็นมิตรและยินดีช่วยเหลือ
  4. มารยาท: เคารพกฎระเบียบและวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การถอดรองเท้า การแยกขยะ
  5. ฤดูกาลท่องเที่ยว: ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่สวยงามที่สุด แต่คนจะเยอะและราคาสูง

สรุป

การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้ประสบการณ์ที่ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม ธรรมชาติอันงดงาม อาหารเลิศรส เทคโนโลยีล้ำสมัย และผู้คนที่มีน้ำใจ การเลือกทัวร์ญี่ปุ่นที่ดีจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเหล่านี้อย่างคุ้มค่าและไม่พลาดประสบการณ์อันแสนพิเศษ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวัฒนธรรม ชอบธรรมชาติ หรือหลงใหลในอาหารและการช้อปปิ้ง ประเทศญี่ปุ่นมีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เตรียมกระเป๋าและวางแผนการเดินทางเพื่อสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของดินแดนอาทิตย์อุทัยได้แล้ววันนี้!

ทัวร์ญี่ปุ่น 2568 มีอะไรน่าสนใจสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย

วันนี้เราอยากแนะนำแผนสำหรับการ ทัวร์ญี่ปุ่น 2568 เป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าประทับใจ เนื่องจากญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและกิจกรรมที่น่าสนใจตลอดทั้งปี บทความนี้จะแนะนำสถานที่และกิจกรรมที่ควรพิจารณาเมื่อวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นในปี 2568 ไปดูกัน!!

1. ชมดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ

ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยในปี 2568 คาดว่าดอกซากุระจะเริ่มบานในโตเกียวตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม สถานที่ยอดนิยมในการชมซากุระ ได้แก่ สวนอุเอโนะในโตเกียว สวนมารุยามะในซัปโปโร และสวนสาธารณะปราสาทฮิโรซากิในอาโอโมริ การเยือนญี่ปุ่นในช่วงนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง

2. สำรวจเมืองยอดฮิตในภูมิภาคคันไซ

ภูมิภาคคันไซเป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญอย่างโอซาก้า เกียวโต และนารา ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมาย ในโอซาก้า คุณสามารถเยือนปราสาทโอซาก้าและย่านช้อปปิ้งชินไซบาชิ เกียวโตมีวัดคินคะคุจิและศาลเจ้าฟูชิมิอินาริที่น่าสนใจ ส่วนนารามีสวนสาธารณะนาราที่เต็มไปด้วยกวางที่เป็นมิตร การเข้าร่วมทัวร์ที่รวมเมืองเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย

3. เยือนหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ

หมู่บ้านชิราคาวาโกะในจังหวัดกิฟุเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก มีบ้านทรงกัสโชสึคุริที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเยือนชิราคาวาโกะจะทำให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น

4. ช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในโตเกียว

โตเกียวเป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยย่านช้อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ย่านชิบูย่าและชินจูกุเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคัก ส่วนย่านอาซากุสะมีวัดเซ็นโซจิที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ การเดินทางในโตเกียวสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม

5. เพลิดเพลินกับธรรมชาติในฮอกไกโด

ฮอกไกโดเป็นเกาะทางตอนเหนือของญี่ปุ่นที่มีธรรมชาติสวยงาม ในฤดูร้อน คุณสามารถเยือนฟูราโนะเพื่อชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่งดงาม ส่วนในฤดูหนาว สกีรีสอร์ทอย่างนิเซโกะเป็นที่นิยมสำหรับผู้รักกีฬาฤดูหนาว นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีอาหารทะเลสดใหม่ที่ควรลิ้มลอง

6. เข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่น

ญี่ปุ่นมีเทศกาลท้องถิ่นที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลกิออนในเกียวโตช่วงเดือนกรกฎาคม และเทศกาลโอบ้งในเดือนสิงหาคม การเข้าร่วมเทศกาลเหล่านี้จะทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

สรุป

การวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นในปี 2568 มีสถานที่และกิจกรรมที่หลากหลายให้คุณได้เลือกสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สำรวจเมืองประวัติศาสตร์ ช้อปปิ้งในเมืองใหญ่ หรือเพลิดเพลินกับธรรมชาติ การเตรียมตัวและวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

เที่ยวอาซาฮิคาวะ เมืองแห่งหิมะและธรรมชาติในฮอกไกโด

ทัวร์ญี่ปุ่น โดย สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป วันนี้เราอยากแนะนำ เมือง อาซาฮิคาวะ (Asahikawa) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ทัวร์ของเราเลือกเป็นจุดหมายปลายทางเพราะเป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติอันงดงาม อากาศบริสุทธิ์ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเสน่ห์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงามของญี่ปุ่นในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมอย่างสวยงาม หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปอาซาฮิคาวะ นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

1. สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo)

สวนสัตว์ชื่อดังที่สุดในฮอกไกโดและเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มีจุดเด่นอยู่ที่การจัดแสดงสัตว์ให้สามารถเห็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมัน เช่น การเดินพาเหรดของเพนกวินในฤดูหนาว อุโมงค์ใต้น้ำของแมวน้ำ และหมีขาวสุดน่ารัก สวนสัตว์แห่งนี้เหมาะสำหรับทุกวัย โดยเฉพาะครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็ก ๆ

2. หมู่บ้านลาเวนเดอร์ฟุราโนะและบิเอะ (Furano & Biei)

แม้ว่าจะอยู่ห่างจากตัวเมืองอาซาฮิคาวะเล็กน้อย แต่เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูร้อน ทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดใสของฟุราโนะและเนินเขาสีสันของบิเอะสร้างทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด มีฟาร์มท้องถิ่นที่เปิดให้ชมและชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์สุดพิเศษ

3. ถนนคนเดินเฮวะ (Heiwa Dori Shopping Street)

ถนนช้อปปิ้งใจกลางเมืองอาซาฮิคาวะ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมาย คุณสามารถหาของฝากแบบท้องถิ่น เช่น ขนมหวาน ของที่ระลึก และเสื้อผ้าหน้าหนาวที่มีคุณภาพดีได้ที่นี่ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่อบอุ่น เหมาะสำหรับการเดินเล่นยามค่ำคืน

4. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง (Daisetsuzan National Park)

เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและการผจญภัย ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่งดงามมาก ส่วนในฤดูหนาวก็เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักสกีและสโนว์บอร์ด

5. อาซาฮิคาวะ ราเม็ง (Asahikawa Ramen Village)

อาซาฮิคาวะขึ้นชื่อเรื่องราเม็ง โดยเฉพาะโชยุราเม็ง (Shoyu Ramen) ที่มีน้ำซุปเข้มข้นและเส้นเหนียวนุ่ม หมู่บ้านราเม็งแห่งนี้รวบรวมร้านราเม็งชื่อดังของเมืองไว้ให้คุณได้ลองลิ้มรสต้นตำรับแท้ ๆ ไม่ควรพลาดการชิมราเม็งที่นี่เมื่อมาเยือนอาซาฮิคาวะ

สรุป

อาซาฮิคาวะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในทุกฤดูกาล ไม่ว่าคุณจะมาเยือนเพื่อชมธรรมชาติ เล่นสกี ชมสวนสัตว์ หรือเพลิดเพลินกับราเม็งแสนอร่อย เมืองนี้มีทุกสิ่งที่ทำให้การเดินทางของคุณพิเศษ หากคุณกำลังมองหาจุดหมายใหม่ ๆ ในฮอกไกโด อาซาฮิคาวะคือที่ที่ไม่ควรพลาด!

วัฒนธรรมญี่ปุ่นมีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ในหลายด้าน

วันนี้เราของมาแนะนำถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเพื่อช่วยให้เพื่อนๆ ที่อยากไปทัวร์ญี่ปุ่น ได้รู้และทราบถึงเอกลักษณ์ในหลายด้านของญี่ปุ่นที่ทำให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสนใจและ นี่คือตัวอย่างสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไปดูกันเลยยยย!!

🎎 วัฒนธรรมดั้งเดิม

  1. ซามูไรและบูชิโด (Bushido) – วิถีแห่งนักรบที่เน้นความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีเกียรติ
  2. กิโมโน – เครื่องแต่งกายประจำชาติที่มีความประณีตและสวยงาม
  3. พิธีชงชา (茶道, Sadō) – ศิลปะแห่งการชงชา ที่เน้นความสงบและสมาธิ
  4. ศิลปะการพับกระดาษ (折り紙, Origami) – การพับกระดาษเป็นรูปทรงต่างๆ โดยไม่ใช้กาวหรือกรรไกร
  5. อิคิไก (生き甲斐, Ikigai) – แนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

🎨 ศิลปะและวรรณกรรม

  1. อุกิโยะเอะ (浮世絵, Ukiyo-e) – ภาพพิมพ์ไม้ เช่น The Great Wave off Kanagawa ของโฮกุไซ
  2. ไฮกุ (俳句, Haiku) – บทกวีสั้นๆ เพียง 3 บรรทัด ที่สะท้อนธรรมชาติและอารมณ์
  3. คาบูกิ (歌舞伎) และ โนห์ (能楽, Noh) – การแสดงละครที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
  4. ซูโม่ (相撲, Sumo) – กีฬาประจำชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

🍣 อาหารญี่ปุ่น

  1. ซูชิ (寿司, Sushi) – ข้าวปั้นหน้าปลาดิบที่โด่งดังไปทั่วโลก
  2. ราเม็ง (ラーメン, Ramen) – บะหมี่น้ำซุปที่มีหลากหลายสไตล์
  3. วากาชิ (和菓子, Wagashi) – ขนมหวานญี่ปุ่นที่มักใช้ในพิธีชงชา
  4. อิซากายะ (居酒屋, Izakaya) – ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่นที่นิยมสังสรรค์

🎌 วัฒนธรรมสมัยใหม่

  1. อะนิเมะ (アニメ, Anime) และ มังงะ (漫画, Manga) – การ์ตูนและอนิเมะที่มีแฟนๆ ทั่วโลก เช่น One Piece, Naruto, Attack on Titan
  2. เจ-ป๊อป (J-Pop) และไอดอลญี่ปุ่น – เช่น วง AKB48, Nogizaka46
  3. คอสเพลย์ (Cosplay) – การแต่งตัวเลียนแบบตัวละครจากการ์ตูนหรือเกม
  4. เกมญี่ปุ่น – เช่น Nintendo, PlayStation, Final Fantasy, Pokémon

⛩️ ศาสนาและความเชื่อ

  1. ชินโต (神道, Shinto) และ พุทธศาสนา – มีอิทธิพลต่อศิลปะและเทศกาลต่างๆ
  2. ศาลเจ้าและวัด – เช่น วัดเซ็นโซจิในโตเกียว และศาลเจ้าอิซุมิไทฉะ
  3. เทศกาลญี่ปุ่น (祭り, Matsuri) – เช่น เทศกาลหิมะซัปโปโร, เทศกาลดอกไม้ไฟ, เทศกาลทานาบาตะ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมทั้งดั้งเดิมและสมัยใหม่ผสมผสานกันอย่างลงตัว คุณสนใจด้านไหนเป็นพิเศษไหม? 😊

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ความประทับใจแบบสุดๆ!

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหนึ่งที่น่าไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหนึ่งที่น่าไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหนึ่งที่น่าไปกับ ทัวร์ญี่ปุ่น เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเสน่ห์ที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO โดดเด่นด้วยบ้านโบราณทรง “กัชโช-สึคุริ” (Gassho-zukuri) ที่มีหลังคาทรงสามเหลี่ยมคล้ายการพนมมือ จุดหมายปลายทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบ และเสน่ห์ของญี่ปุ่นดั้งเดิม เพื่อนๆ จะซึมซับความเงียบสงบและรู้สึกผ่อนคลายจากธรรมชาติี่รายล้อมหมู่บ้านอยู่ ถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนอยากแท้จริง😊


📍 ทำไมต้องไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ?

สวยงามทุกฤดู – ไม่ว่าจะฤดูไหน หมู่บ้านก็มีเสน่ห์ที่แตกต่าง
บรรยากาศเงียบสงบ – เหมาะกับการพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติ
วัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม – บ้านทรงกัชโชอายุกว่า 250 ปี
วิวพาโนรามาสุดอลังการ – จุดชมวิว Shiroyama เป็นไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้


✨ ความประทับใจแต่ละฤดู

🌸 ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.)

  • อากาศเย็นสบาย ต้นไม้เริ่มผลิใบและดอกซากุระเริ่มบาน
  • วิวหมู่บ้านที่โอบล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี

☀️ ฤดูร้อน (มิ.ย. – ส.ค.)

  • หมู่บ้านเต็มไปด้วยสีเขียวของธรรมชาติ ลำธารน้ำใสไหลผ่าน
  • อากาศสดชื่น เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป

🍁 ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. – พ.ย.)

  • ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดง ส้ม เหลือง ตัดกับบ้านโบราณ
  • เป็นช่วงที่ถ่ายรูปสวยสุดๆ บรรยากาศโรแมนติกมาก

❄️ ฤดูหนาว (ธ.ค. – ก.พ.) – ไฮไลต์สุดปัง!

  • หิมะปกคลุมบ้านโบราณ คล้ายฉากในเทพนิยาย
  • Illumination Event – เทศกาลเปิดไฟยามค่ำคืน (จัดช่วง ม.ค. – ก.พ.)
  • ได้ฟีลเหมือนอยู่ในเมืองน้ำแข็งของดิสนีย์!

🚌 รีวิวการเดินทางกับทัวร์

✅ สะดวกสบาย ไม่ต้องวางแผนเอง

  • ทัวร์พาไปแบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง เพราะหมู่บ้านอยู่ในโซนชนบทที่ไปเองค่อนข้างยาก
  • มีรถบัสรับ-ส่งจากนาโกย่า, โอซาก้า หรือโตเกียว

✅ ได้เที่ยวครบทุกไฮไลต์

  • จุดชมวิว Shiroyama Viewpoint – จุดที่สามารถเห็นหมู่บ้านจากมุมสูง
  • บ้านตัวอย่าง Wada House – บ้านสไตล์กัชโชอายุกว่า 300 ปี
  • สะพานแขวน Deai-bashi – จุดถ่ายรูปสวยๆ

✅ มีไกด์ให้ความรู้

  • ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม, ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของชาวบ้าน
  • ทัวร์มักจะพาแวะชิมอาหารพื้นเมือง เช่น โซบะ, เนื้อฮิดะย่าง, มิตาราชิดังโงะ

✅ ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศหนาว

  • ทัวร์มักเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้ เช่น ฮีตแพ็ก หรือคำแนะนำเรื่องเสื้อผ้า

🍽 อาหารที่ต้องลองในชิราคาวาโกะ

🍖 เนื้อฮิดะย่าง – เนื้อวากิวเกรดพรีเมียมที่ละลายในปาก
🍜 ซารุโซบะ – โซบะเย็นเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปสูตรพิเศษ
🍡 มิตาราชิดังโงะ – ลูกชิ้นแป้งราดซอสหวานๆ เค็มๆ
🍵 มัทฉะ & ขนมญี่ปุ่น – ร้านชาเก่าแก่ บรรยากาศอบอุ่น


💡 เคล็ดลับการเที่ยวให้ฟินยิ่งขึ้น!

🔹 จองทัวร์ล่วงหน้า – ช่วงหน้าหนาวและใบไม้เปลี่ยนสีเป็น High Season
🔹 พกเสื้อกันหนาวดีๆ – โดยเฉพาะช่วงหิมะตก อุณหภูมิอาจติดลบ
🔹 เตรียมเมมโมรี่กล้องให้พร้อม – ทุกมุมของหมู่บ้านคือภาพถ่ายระดับโปสการ์ด
🔹 ลองพักโฮมสเตย์ (Gassho-zukuri Stay) – ได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ


🎯 สรุป – คุ้มไหมกับการไปชิราคาวาโกะ?

⭐ คุ้มมาก! ถ้าคุณเป็นสายธรรมชาติ ชอบหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ และต้องการความเงียบสงบ หรือต้องการสัมผัสหิมะสุดโรแมนติก ว่าแล้วเพื่อนๆ สามารถเลือกไปทัวร์กับบริษัท สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ปได้นะคะเพราะ หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นที่ที่คุณต้องไปสักครั้งในชีวิต! 💕😊

เที่ยวญี่ปุ่น: 10 สถานที่เด็ดที่คุณต้องไปเยือน!

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ธรรมชาติสวยงาม และเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความที่เป็นเมืองสะอาด การเดินทางสะดวกสบาย มีหลากหลายที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าคุณจะชอบการผจญภัยในธรรมชาติ ชื่นชอบวัฒนธรรมประเพณี หรือหลงใหลในความทันสมัย ญี่ปุ่นก็มีทุกอย่างให้คุณได้สัมผัส วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 10 สถานที่เด็ดที่คุณต้องไปเยือนเมื่อเที่ยวญี่ปุ่น!


1. โตเกียว (Tokyo)

เมืองหลวงของญี่ปุ่นที่ผสมผสานความทันสมัยและวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดังอย่างชิบูย่าและชินจูกุ หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างวัดอาซากุสะและพระราชวังอิมพีเรียล โตเกียวคือจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น

จุดเด่น :

  • เมืองหลวงสุดทันสมัย 🏙️🌟 (เทคโนโลยีล้ำ หน้าเมืองระดับโลก)
  • ช้อปปิ้งสุดยอด 🛍️💸 (ชิบุยะ ฮาราจูกุ กินซ่า อากิฮาบาระ)
  • แลนด์มาร์กดัง 🗼⛩️ (โตเกียวทาวเวอร์ วัดเซ็นโซจิ สกายทรี)
  • อาหารระดับโลก 🍣🍜 (ซูชิ ราเม็ง อิซากายะ คาเฟ่แปลกๆ)
  • อนิเมะ & วัฒนธรรมป๊อป 🎌🎮 (อะนิเมะ มังงะ เกม คอสเพลย์)
  • สวนสวย & ซากุระ 🌸🍁 (อุเอโนะ ชินจูกุ โคอิชิกาวะ)
  • การเดินทางสะดวกสุดๆ 🚆🚇 (รถไฟฟ้าเร็วตรงเวลา เชื่อมทุกจุด)

2. เกียวโต (Kyoto)

เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าโบราณ เช่น วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) และวัดฟูชิมิ อินาริ ที่มีเสาโทริอิสีแดงเรียงรายเป็นทางยาว เกียวโตคือสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างแท้จริง

จุดเด่น :

  • เมืองแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น 🎎🏯 (ศูนย์กลางประวัติศาสตร์และศิลปะ)
  • วัดและศาลเจ้าสวยงาม ⛩️🛕 (วัดคิงกะกุจิ วัดคิโยมิสึ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ)
  • ซากุระ & ใบไม้เปลี่ยนสี 🌸🍁 (วิวสุดโรแมนติกทุกฤดูกาล)
  • ย่านกิออน & เกอิชา 👘🎭 (สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ของเกอิชา)
  • อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ 🍵🍡 (ขนมวากาชิ อาหารไคเซกิ ยูบะ)
  • ป่าไผ่อาราชิยามะ 🎋🌿 (บรรยากาศสงบและงดงาม)
  • รถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ 🚂💖 (ชมธรรมชาติสุดงามระหว่างทาง)

3. โอซาก้า (Osaka)

เมืองแห่งอาหารการกินและความบันเทิง ที่นี่คุณจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่ออย่างทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิ รวมทั้งสนุกสนานกับสวนสนุกชื่อดังอย่าง Universal Studios Japan

จุดเด่น :

  • เมืองแห่งอาหาร 🍜🍢 (ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ คุชิคัตสึ)
  • ปราสาทโอซาก้า 🏯🌸 (สัญลักษณ์ประวัติศาสตร์ของเมือง)
  • ย่านช้อปปิ้งสุดคึกคัก 🛍️🎌 (ชินไซบาชิ นัมบะ โดทงโบริ)
  • ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน 🎢✨ (สวนสนุกระดับโลก)
  • ผู้คนเป็นมิตร & สนุกสนาน 😆🎭 (สไตล์คนโอซาก้า เฮฮาเป็นกันเอง)
  • ตลาดคุโรมง 🦀🍣 (สวรรค์ของคนรักอาหารทะเลสด)
  • ศูนย์กลางเศรษฐกิจคันไซ 💼🏙️ (เมืองธุรกิจและเทคโนโลยี)

4. ฮอกไกโด (Hokkaido)

เกาะทางเหนือของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้วยธรรมชาติสวยงามทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในฟูราโน่, น้ำตกและทะเลสาบในชิเรโตโกะ, หรือเทศกาลหิมะในซัปโปโร ฮอกไกโดคือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ

จุดเด่น :

  • ธรรมชาติสวยงาม 🌿❄️ (ภูเขา ทะเลสาบ ทุ่งลาเวนเดอร์ หิมะขาวโพลน)
  • อากาศเย็นสบาย ☁️ (เย็นทั้งปี ฤดูหนาวมีหิมะ ฤดูร้อนไม่ร้อนจัด)
  • อาหารทะเลสด 🦀🍣 (ปูยักษ์ ไข่หอยเม่น ซูชิ ราเม็งขึ้นชื่อ)
  • ลานสกีระดับโลก 🎿🏔️ (นิเซโกะ ฟุราโนะ)
  • เมืองสวย บรรยากาศโรแมนติก 🏙️✨ (โอตารุ ซัปโปโร ฮาโกดาเตะ)
  • วัฒนธรรมอะอิโนะ 🏕️ (ชนเผ่าพื้นเมืองของญี่ปุ่น)
  • เทศกาลหิมะซัปโปโร ⛄🎆 (รูปปั้นน้ำแข็งสุดตระการตา)

5. ฮิโรชิม่า (Hiroshima)

เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสันติภาพ สถานที่สำคัญเช่น Peace Memorial Park และเกาะมิยาจิมะที่มีเสาโทริอิกลางน้ำเป็นสัญลักษณ์ จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม

จุดเด่น :

  • โดมปรมาณู & สันติภาพ ☮️🏛️ (สัญลักษณ์เตือนใจสงคราม)
  • ศาลเจ้าอิทสึกุชิมะ ⛩️🌊 (เสาโทริอิลอยน้ำที่เกาะมิยาจิมะ)
  • หอยนางรมสด 🦪🍽️ (ขึ้นชื่อที่สุดในญี่ปุ่น)
  • โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิมะ 🍳🥬 (พิซซ่าญี่ปุ่นแบบเฉพาะตัว)
  • ทีมเบสบอลคาร์ป ⚾🔥 (ขวัญใจคนเมือง)
  • ปราสาทฮิโรชิมะ 🏯🌳 (ปราสาทเก่าแก่ที่ถูกบูรณะใหม่)
  • ธรรมชาติ & วัดสวยงาม 🏞️🛕 (ภูเขา มหาสมุทร และสวนสวย)

6. นารา (Nara)

เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัดโบราณและกวางน้อยน่ารักที่เดินได้อย่างอิสระในสวนสาธารณะ นาราเป็นอีกหนึ่งเมืองที่คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

จุดเด่น : 

  • กวางน่ารักเต็มเมือง 🦌🍘 (กวางเชื่องเดินเล่นในสวนสาธารณะนารา)
  • วัดโทไดจิ & พระพุทธรูปไดบุตสึ 🏯🛕 (พระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น)
  • ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ ⛩️🏮 (เสาโทริอิสีแดงและโคมไฟเก่าแก่)
  • บรรยากาศเงียบสงบ 🌿🌸 (เมืองเก่าแก่ สงบ และเต็มไปด้วยธรรมชาติ)
  • ต้นกำเนิดวัฒนธรรมญี่ปุ่น 📜🎌 (เคยเป็นเมืองหลวงเก่าและแหล่งกำเนิดอารยธรรม)
  • อาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม 🍵🍡 (ขนมโยคัง นาระซูชิ และชาเขียว)

7. ฟูจิ (Mount Fuji)

ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ฟูจิเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการปีนเขาและชมวิวสวยๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

จุดเด่น :

  • ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น 🗻❄️ (สัญลักษณ์แห่งความงามและพลังของธรรมชาติ)
  • วิวสวยตลอดปี 🌸🍁 (ซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะ และทะเลสาบรอบฟูจิ)
  • ทะเลสาบทั้งห้า (ฟูจิ 5 ทะเลสาบ) 🏞️🚣‍♂️ (คาวากุจิโกะ โมโตสุ ฯลฯ จุดชมวิวฟูจิสุดปัง)
  • ปีนเขาสุดท้าทาย ⛰️🥾 (เส้นทางปีนยอดฟูจิเปิดช่วงฤดูร้อน)
  • ออนเซ็นพร้อมวิวฟูจิ ♨️🌄 (เช่น ที่ฮาโกเนะ คาวากุจิโกะ)
  • ดอกชิบะซากุระ 🌷🌸 (ทุ่งดอกไม้หลากสีตัดกับฟูจิในฤดูใบไม้ผลิ)
  • ฟูจิคิว ไฮแลนด์ 🎢🎡 (สวนสนุกสุดหวาดเสียวพร้อมวิวฟูจิ)

8. โอกินาว่า (Okinawa)

หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และวัฒนธรรมริวกิวที่เป็นเอกลักษณ์ โอกินาว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อนริมทะเล

จุดเด่น :

  • ทะเลสวย น้ำใส 🏝️🌊 (ชายหาดระดับโลก ดำน้ำสุดฟิน)
  • วัฒนธรรมริวกิว 🎭🏯 (เอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่างจากญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่)
  • อาหารอร่อย & สุขภาพดี 🍜🐷 (โซกิ โซบะ โกยะจัมปุรุ หมูอะกู)
  • เกาะสวรรค์มากมาย 🏖️🚤 (อิชิงากิ มิยาโกะ เคะระมะ ฯลฯ)
  • อากาศอบอุ่นตลอดปี ☀️🏄‍♂️ (เที่ยวได้ทุกฤดู หน้าหนาวก็ไม่หนาวจัด)
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ 🐠🦈 (แทงก์ปลายักษ์ วาฬฉลามสุดอลังการ)
  • ปราสาทชูริ 🏰🎌 (มรดกโลก ศูนย์กลางอาณาจักรริวกิว)

9. คานาซาว่า (Kanazawa)

เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่นี่คุณจะได้ชมสวนเคนโระกุเอ็นที่สวยงาม และเรียนรู้วัฒนธรรมการทำทองคำเปลวที่ขึ้นชื่อของคานาซาว่า

จุดเด่น :

  • สวนเค็นโรคุเอ็น 🌸🌿 (หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น)
  • ปราสาทคานาซาว่า 🏯✨ (แลนด์มาร์กสำคัญ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์)
  • ย่านเกอิชา & ซามูไร 🎭🏮 (ฮิกาชิชายะ & นางามาจิ ย้อนยุคสมัยเอโดะ)
  • ตลาดโอมิโจ 🦀🍣 (สวรรค์อาหารทะเลสด เช่น ปูคานิโดราเคะ)
  • ศิลปะ & งานหัตถกรรม 🎨🖌️ (ทองคำเปลว เครื่องปั้นดินเผา ลายญี่ปุ่นดั้งเดิม)
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะศตวรรษที่ 21 🏛️🔵 (แกลเลอรี่อาร์ตสุดล้ำ)
  • บรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิม 🏡🚶‍♂️ (เงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่)

10. ทาคายาม่า (Takayama)

เมืองเล็กๆ ในเขตภูเขาที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของญี่ปุ่นในอดีต

จุดเด่น :

  • เมืองเก่าซันมาจิซูจิ 🏡🎎 (บ้านไม้โบราณ สัมผัสบรรยากาศเอโดะ)
  • เนื้อฮิดะสุดพรีเมียม 🥩🍣 (เนื้อวากิวชั้นเลิศ นุ่มละลายในปาก)
  • เทศกาลทาคายามะ 🎏🚩 (หนึ่งในเทศกาลที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น)
  • หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ ❄️🏠 (บ้านกัสโชซุคุริ รูปทรงหลังคามุงหญ้า)
  • ธรรมชาติสวยงาม ⛰️🌳 (ภูเขา ป่า น้ำพุร้อน เงียบสงบ)
  • ตลาดเช้าโบราณ 🥕🍡 (เดินชมของพื้นเมือง อาหารท้องถิ่น)
  • ออนเซ็นบรรยากาศดั้งเดิม ♨️🏞️ (ผ่อนคลายในน้ำพุร้อนธรรมชาติ)

เที่ยวญี่ปุ่นอย่างไรให้ประหยัด?

  • ใช้ JR Pass: สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นทั่วญี่ปุ่น
  • เลือกที่พักราคาประหยัด: เช่น คapsule hotel หรือเกสต์เฮาส์
  • ทานอาหารตามท้องถิ่น: อาหารตามร้านเล็กๆ มักมีราคาถูกและอร่อย

สรุป

การเที่ยวญี่ปุ่นไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ธรรมชาติ และความทันสมัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกหรือครั้งที่สิบ ประเทศนี้ก็ยังมีอะไรใหม่ๆ ให้คุณได้ค้นพบเสมอ วางแผนทริปของคุณวันนี้ แล้วไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของญี่ปุ่นเพื่อนต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้นะ!

ทัวร์ญี่ปุ่น โอตารุ มีอะไรน่าสนใจจัดมาแบบเต็มๆ ไปดูกัน

ทัวร์ญี่ปุ่นกับเราวันนี้จะพาไปดูเมือง โอตารุ (Otaru) กันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เมืองโอตารุถือเป็นเมืองท่าที่สวยงามและมีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากซัปโปโร (Sapporo) บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ของญี่ปุ่น เมืองนี้มีทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และอาหารอร่อย หาเพื่อนมาเที่ยวญี่ปุ่นการเลือกมาทัวร์ญี่ปุ่นที่เมืองนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยละและ ที่ห้ามพลาด! มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างในการทัวร์โอตารุ


1. คลองโอตารุ (Otaru Canal)

  • จุดไฮไลท์ของเมือง: คลองโอตารุเป็นแลนด์มาร์คที่โด่งดังที่สุดของเมือง ถูกสร้างขึ้นในยุคไทโช (ค.ศ. 1920) เพื่อใช้ขนส่งสินค้า ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติก โดยเฉพาะตอนเย็นที่โคมไฟส่องแสงสวยงาม
  • กิจกรรมแนะนำ: เดินเล่นริมคลอง ถ่ายรูปสวยๆ หรือนั่งเรือชมวิว (มีบริการเรือท่องเที่ยว)

2. ย่านซาคายามาจิ (Sakaimachi Street)

  • ถนนสายประวัติศาสตร์: ย่านนี้เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สไตล์ตะวันตกที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์
  • ของฝากขึ้นชื่อ:
    • เครื่องแก้วโอตารุ (Otaru Glass): มีร้านขายเครื่องแก้วสวยๆ มากมาย
    • นาฬิกาเรือนเพลง (Music Box): ที่พิพิธภัณฑ์นาฬิกาเรือนเพลง (Otaru Orgel Museum)

3. พิพิธภัณฑ์นาฬิกาเรือนเพลง (Otaru Orgel Museum)

  • ความน่าสนใจ: เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมนาฬิกาเรือนเพลงสวยๆ จากทั่วโลก มีทั้งของเก่าและของใหม่ให้ชม
  • กิจกรรมแนะนำ: ซื้อนาฬิกาเรือนเพลงเป็นของฝาก หรือเลือกเพลงโปรดเพื่อทำนาฬิกาเรือนเพลงแบบเฉพาะตัว

4. พิพิธภัณฑ์ปลาเฮอริ่ง (Nishin Goten)

  • ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น: พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ในบ้านเก่าของตระกูลผู้ค้าปลาเฮอริ่งที่ร่ำรวยในอดีต แสดงวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์การทำประมงของโอตารุ
  • จุดเด่น: สัมผัสบรรยากาศของบ้านไม้เก่าแก่และเรียนรู้เรื่องราวของปลาเฮอริ่ง

5. วัดเท็นเงียวจิ (Tenguyama)

  • วิวสวยที่สุดในโอตารุ: ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดเขาเท็นเงียวจิเพื่อชมวิวเมืองโอตารุและท่าเรือ
  • เวลาที่แนะนำ: ช่วงเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตก หรือช่วงกลางคืนเพื่อชมวิวเมืองที่สว่างไสว

6. ตลาดโอตารุ (Otaru Market)

  • อาหารทะเลสดๆ: ตลาดนี้มีอาหารทะเลสดใหม่จากฮอกไกโด เช่น ปู ไข่หอยเม่น และซาชิมิ
  • เมนูแนะนำ: ข้าวปั้นหน้าปู (Kaisendon) หรือปูสดๆ ที่หาทานได้เฉพาะในฮอกไกโด

7. โรงกลั่นเหล้าสาเกโอตารุ (Otaru Sake Brewery)

  • ประสบการณ์ใหม่: ชมกระบวนการผลิตสาเกและลองชิมสาเกท้องถิ่น
  • ของฝากแนะนำ: สาเกคุณภาพดีจากโรงกลั่นในโอตารุ

8. พิพิธภัณฑ์รถไฟฮอกไกโด (Otaru Railway Museum)

  • สำหรับคนรักรถไฟ: พิพิธภัณฑ์นี้แสดงประวัติศาสตร์การขนส่งทางรถไฟของฮอกไกโด และมีรถไฟเก่าๆ ให้ชม

9. อาคารธนาคารเก่าโอตารุ (Former Otaru Branch of Hokkaido Takushoku Bank)

  • สถาปัตยกรรมสวยงาม: อาคารนี้เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติศาสตร์การเงินของโอตารุ

10. อาหารขึ้นชื่อของโอตารุ

  • ซูชิโอตารุ: โอตารุมีร้านซูชิขึ้นชื่อหลายร้าน เช่น Masa Zushi และ Takeda
  • ขนมหวาน: ลองทานขนมหวานญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น LeTAO ที่มีชีสเค้กและช็อกโกแลตอร่อยๆ
  • ไอศกรีม: ไอศกรีมนมสดจากฮอกไกโด หาทานได้ทั่วไปในเมือง

11. เทศกาลโอตารุ (Otaru Snow Light Path Festival)

  • ช่วงเวลา: กุมภาพันธ์ของทุกปี
  • กิจกรรม: ชมโคมไฟหิมะและแสงสีที่ประดับประดาตามคลองโอตารุและถนนในเมือง

12. ช้อปปิ้งของฝาก

  • LeTAO: ชื่อดังด้านชีสเค้กและช็อกโกแลต
  • Kitakaro: ขนมครก (Melon Pan) และบาอูลัวร์ (Baumkuchen)
  • Rokkatei: ขนมคุกกี้และช็อกโกแลตขึ้นชื่อ

13. กิจกรรมอื่นๆ

  • นั่งรถไฟชมวิว: จากซัปโปโรมายังโอตารุใช้เวลาเพียง 30 นาที และวิวระหว่างทางสวยงามมาก
  • เดินเล่นชมเมือง: โอตารุเป็นเมืองเล็กๆ ที่เดินชมได้สบายๆ

โอตารุเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบชิลๆ ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารอร่อย ถ้ามีโอกาสไปฮอกไกโด อย่าลืมแวะไปสัมผัสความงามของเมืองนี้กันนะ!

อาหารญี่ปุ่นที่คุณห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยว!

เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น นอกจากวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามแล้ว อาหารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณห้ามพลาด! ต่อไปนี้คืออาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ควรลองเมื่อไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัย ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นนั้นมีของกินอร่อยเยอะมากกกกกก ก. ไก่ ล้านตัว พาเพื่อนไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ซูชิ (寿司)

  • ซูชิเป็นอาหารญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก ควรลองทานซูชิสดๆ ที่ร้านซูชิในญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ตลาดปลา Tsukiji ในโตเกียว หรือร้านซูชิเล็กๆ ตามท้องถนน

2. ราเมน (ラーメン)

  • ราเมนเป็นอาหารจานด่วนที่ชาวญี่ปุ่นนิยมทาน มีหลายรูปแบบทั้งมิโซะราเมน ชิโอะราเมน โชยุราเมน และทงคตสึราเมน แต่ละภูมิภาคมีสูตรเฉพาะตัว

3. เทมปุระ (天ぷら)

  • เทมปุระเป็นอาหารที่นำวัตถุดิบเช่นกุ้ง ผัก หรืออาหารทะเลมาชุบแป้งทอดกรอบ ควรลองทานเทมปุระที่ร้านอาหารเฉพาะทาง

4. สุกี้ยากี้ (すき焼き)

  • สุกี้ยากี้เป็นอาหารจานร้อนที่ประกอบด้วยเนื้อวัว ผัก และเต้าหู้ ปรุงรสด้วยซอสหวานๆ ควรทานคู่กับไข่ดิบ

5. ทาโกะยากิ (たこ焼き)

  • ทาโกะยากิเป็นอาหารว่างรูปทรงกลม ทำจากแป้งสอดไส้ปลาหมึก โรยหน้าด้วยซอสและมะยองเนส หาทานได้ง่ายตามร้านข้างถนน

6. โอโคโนมิยากิ (お好み焼き)

  • โอโคโนมิยากิเป็นแพนเค้กญี่ปุ่นที่ใส่เนื้อสัตว์ ผัก และอาหารทะเล ราดด้วยซอสและมะยองเนส

7. ยากิโทริ (焼き鳥)

  • ยากิโทริคือไก่เสียบไม้ย่าง ปรุงรสด้วยซอสหรือเกลือ หาทานได้ตามร้านอิซากายะ

8. ชาบูชาบู (しゃぶしゃぶ)

  • ชาบูชาบูเป็นอาหารที่นำเนื้อวัวและผักลงไปลวกในน้ำซุป รสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ

9. โอเด้ง (おでん)

  • โอเด้งเป็นอาหารที่ประกอบด้วยวัตถุดิบหลากชนิดต้มในน้ำซุปดาชิ หาทานได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหาร

10. มัทฉะและของหวานญี่ปุ่น

  • ลองมัทฉะ (ชาเขียว) และของหวานญี่ปุ่นเช่นโมจิ ไดฟุกุ หรือโดรายากิ

11. คาไรเกะ (唐揚げ)

  • คาไรเกะคือไก่ทอดแบบญี่ปุ่น ที่มีความกรอบและนุ่มในตัว

12. ฟุกะงะวะ (ふかがわ)

  • ฟุกะงะวะเป็นอาหารท้องถิ่นของฮอกไกโด ทำจากปลาแซลมอนและผักดอง

13. ไก่ย่างยากินิคุ (焼肉)

  • ไก่ย่างยากินิคุเป็นอาหารที่คุณสามารถย่างเนื้อได้เองที่โต๊ะ ควรลองเนื้อวัวญี่ปุ่นเช่นวากิว

14. โซบะ (蕎麦)

  • โซบะเป็นเส้นบัควีทที่เสิร์ฟทั้งแบบร้อนและเย็น

15. อุด้ง (うどん)

  • อุด้งเป็นเส้นแป้งหนานุ่ม เสิร์ฟทั้งแบบร้อนและเย็น

16. ไก่ทัตซึตะ (竜田揚げ)

  • ไก่ทัตซึตะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสถั่วเหลืองและขิง

17. ไก่เทริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทริยากิ

18. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

19. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

20. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

21. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

22. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

23. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

24. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

25. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

26. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

27. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

28. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

29. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

30. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

31. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

32. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

33. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

34. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

35. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

36. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

37. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

38. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

39. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

40. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

41. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

42. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

43. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

44. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

45. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

46. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

47. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

48. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

49. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

50. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

51. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

52. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

53. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

54. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

55. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

56. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

57. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

58. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

59. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

60. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

61. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

62. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

63. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

64. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

65. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

66. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

67. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

68. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

69. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

70. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

71. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

72. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

73. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

74. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

75. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

76. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

77. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

78. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

79. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก่โชยุเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสถั่วเหลือง

80. ไก่เทอริยากิ (照り焼き)

  • ไก่เทอริยากิเป็นไก่ย่างที่ราดด้วยซอสเทอริยากิ

81. ไก่คาราอาเกะ (から揚げ)

  • ไก่คาราอาเกะเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยซอสและเครื่องเทศ

82. ไก่ชิจิมิ (七味)

  • ไก่ชิจิมิเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเครื่องเทศชิจิมิ

83. ไก่ซันชู (山椒)

  • ไก่ซันชูเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยซันโช

84. ไก่ยาซาอิ (野菜)

  • ไก่ยาซาอิเป็นไก่ย่างที่เสิร์ฟกับผัก

85. ไก่ซากุระ (桜)

  • ไก่ซากุระเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือซากุระ

86. ไก่มิโซะ (味噌)

  • ไก่มิโซะเป็นไก่ย่างที่หมักด้วยมิโซะ

87. ไก่ชิโอะ (塩)

  • ไก่ชิโอะเป็นไก่ย่างที่โรยด้วยเกลือ

88. ไก่โชยุ (醤油)

  • ไก

เที่ยวญี่ปุ่น เคล็ดลับการเดินทางสุดห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยว 2025

ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ อาหารอร่อย และเทคโนโลยีล้ำสมัย หากคุณกำลังวางแผนทริปไปเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อนๆ ลองเหตุผลแนะนำและเคล็ดลับสำคัญที่ไม่ควรพลาด!

1. เตรียมเอกสารให้พร้อม

พาสปอร์ต & วีซ่า – สำหรับนักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่า และพำนักอยู่ได้ สูงสุด 15 วัน
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ – ควรจองล่วงหน้าเพื่อได้ราคาถูก และตรวจสอบเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงตั๋ว
บัตร JR Pass – ถ้าคุณวางแผนเดินทางหลายเมือง แนะนำให้ซื้อล่วงหน้าเพื่อความคุ้มค่า

2.  การเดินทางในญี่ปุ่น

🚅 รถไฟ – ระบบขนส่งของญี่ปุ่นมีประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ใช้ บัตร Suica หรือ Pasmo เพื่อความสะดวก
🚌 รถบัส – ใช้ได้ในเมืองเล็กๆ หรือเส้นทางที่รถไฟไปไม่ถึง
🚖 แท็กซี่ – ค่อนข้างแพง ใช้เมื่อจำเป็น เช่น เดินทางเวลากลางคืน

3. มารยาทสำคัญที่ควรรู้

🙅‍♂️ ห้ามคุยโทรศัพท์เสียงดังในรถไฟ
🎭 ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด
🗑 หาถังขยะยาก ควรพกถุงขยะเล็กๆ ติดตัว
💴 ร้านค้าหลายแห่งรับเงินสดเท่านั้น ควรแลกเงินเยนไว้

4. แนะนำสถานที่ห้ามพลาด

🏯 โตเกียว – ชิบูย่า, ฮาราจูกุ, อากิฮาบาระ
🌸 เกียวโต – วัดคิโยมิซุ, ปราสาทนิโจ, อาราชิยามะ
🗻 โอซาก้า – ปราสาทโอซาก้า, ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ
🍜 ฮอกไกโด – ซัปโปโร, ฟุราโนะ, ลานสกีนิเซโกะ

5. อาหารญี่ปุ่นที่ต้องลอง

🍣 ซูชิ – สดใหม่ระดับพรีเมียม
🍜 ราเม็ง – น้ำซุปเข้มข้น หลากหลายสไตล์
🍢 โอเด้ง – อาหารอุ่นๆ เหมาะสำหรับหน้าหนาว
🍡 โมจิ & ดังโงะ – ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น

6. แอปพลิเคชันที่ควรมี

📍 Google Maps – นำทางและค้นหาสถานที่
💰 XE Currency – เช็กราคาแลกเปลี่ยนเงิน
🗣 Google Translate – แปลภาษาญี่ปุ่นแบบเรียลไทม์
🚆 Japan Travel by NAVITIME – วางแผนการเดินทางด้วยรถไฟ

การเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกและราบรื่น ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ทั้งเรื่องเอกสาร การเดินทาง มารยาท และสถานที่ท่องเที่ยว อย่าลืมพกเงินสดติดตัว และใช้แอปพลิเคชันช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น! 🎌✈

คุณมีแผนเที่ยวญี่ปุ่นช่วงไหน และสนใจเมืองไหนเป็นพิเศษไหม? 😃

🌸 เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น สักครั้งในชีวิต! 🎌

ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหาร หรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บ้านเมืองเป็นระเบียบสะอาดสวยงาม นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดญี่ปุ่น! 🇯🇵

ธรรมชาติที่สวยงามทุกฤดู 🍁❄🌸🌞

ญี่ปุ่นมีความงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ไม่ว่าคุณจะไปช่วงไหน ก็มีสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจเสมอ

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.–พ.ค.) – ซากุระบานทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่โตเกียว เกียวโต และโอซาก้า
  • ฤดูร้อน (มิ.ย.–ส.ค.) – ทะเลสวย เทศกาลดอกไม้ไฟ และกิจกรรมกลางแจ้ง
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.–พ.ย.) – ใบไม้เปลี่ยนสีสุดอลังการ เช่น ที่นิกโก้ อาราชิยามะ
  • ฤดูหนาว (ธ.ค.–ก.พ.) – เล่นสกีที่ฮอกไกโด หรือชมหมู่บ้านหิมะชิราคาวาโกะ

    1. วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ 🏯🎭

  • ศาลเจ้าและวัดโบราณ เช่น วัดคิโยมิซุ (เกียวโต) ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
  • พิธีชงชาแบบญี่ปุ่น และศิลปะดั้งเดิม เช่น คาบูกิและนินจา
  • การแต่งกายแบบญี่ปุ่น เช่น กิโมโน และยูกาตะ

    2. อาหารอร่อยระดับโลก 🍣🍜

อาหารญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น
✅ ซูชิ – ละมุนลิ้น สดใหม่จากตลาดปลา
✅ ราเม็ง – หลากหลายสูตร ทั้งทงคตสึ ชิโอะ ชoyu
✅ วากิว – เนื้อวัวชั้นเลิศที่ละลายในปาก
✅ ขนมญี่ปุ่น – โมจิ ดังโงะ ไดฟุกุ

3. เทคโนโลยีล้ำหน้า & เมืองทันสมัย 🚄🤖

  • รถไฟชินคันเซ็นที่เร็วสุดๆ
  • หุ่นยนต์ AI และคาเฟ่ธีมล้ำสมัย
  • ร้านสะดวกซื้อ (Konbini) ที่มีทุกอย่าง

    4. ช้อปปิ้ง & ของฝากสุดน่ารัก 🛍🎁

  • สินค้าแบรนด์ญี่ปุ่น เช่น Uniqlo, Muji, Shiseido
  • ฟิกเกอร์ อนิเมะ ของสะสมจากอากิฮาบาระ
  • ขนมญี่ปุ่น เช่น โตเกียวบานาน่า คิทแคทรสชาเขียว

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ อาหาร วัฒนธรรม และเทคโนโลยี ถ้าคุณยังไม่เคยไปญี่ปุ่น บอกเลยว่า ต้องไปสักครั้ง!” แล้วคุณล่ะ อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นเพราะอะไร? 😊✈

ทัวร์ญี่ปุ่นแบบส่วนตัว vs. ทัวร์กับบริษัท – แบบไหนเหมาะกับคุณ? 🎌

การเดินทางไปญี่ปุ่นสามารถไปเที่ยวญีปุ่นทั้ง ทัวร์ส่วนตัว และ ทัวร์กับบริษัททัวร์ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน มาดูกันว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด!

🔹 เที่ยวญี่ปุ่นแบบส่วนตัว (Private Tour)

ข้อดี:
อิสระในการเลือกเส้นทาง – เลือกสถานที่เที่ยว ร้านอาหาร และกิจกรรมได้เอง
เดินทางสะดวกสบาย – มีรถส่วนตัว ไม่ต้องใช้ขนส่งสาธารณะ
ไกด์ส่วนตัว – ให้ข้อมูลเชิงลึกและช่วยสื่อสารภาษาญี่ปุ่น
เหมาะกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน – ไม่ต้องเดินทางกับคนแปลกหน้า

ข้อเสีย:
❌ ค่าใช้จ่ายสูงกว่าทัวร์ปกติ
❌ ต้องวางแผนเองบางส่วน หรือจ้างบริษัทช่วยจัดการ
❌ อาจพลาดประสบการณ์เดินทางแบบท้องถิ่น

👉 เหมาะกับใคร?

  • ครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ
  • คู่รักที่ต้องการฮันนีมูนแบบโรแมนติก
  • กลุ่มเพื่อนที่อยากได้อิสระในการเที่ยว

🔹 เที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัท (Group Tour)

ข้อดี:
สะดวกสบาย – มีไกด์ดูแล ไม่ต้องวางแผนเอง
ค่าใช้จ่ายคุ้มค่า – รวมห้องพัก อาหาร และค่าเดินทาง
เหมาะสำหรับมือใหม่ – ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาและการเดินทาง
มีโปรแกรมครบครัน – เที่ยวครบทั้งแลนด์มาร์กและกิจกรรมยอดนิยม

ข้อเสีย:
❌ เวลาจำกัด ต้องทำตามตารางที่กำหนด
❌ ไม่สามารถเลือกสถานที่เที่ยวเองได้มากนัก
❌ อาจต้องเดินทางกับคนแปลกหน้า

👉 เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่เดินทางครั้งแรกและไม่ชำนาญเส้นทาง
  • คนที่ต้องการความสะดวกและไม่อยากวางแผน
  • นักเดินทางที่ต้องการทริปที่ครอบคลุมสถานที่สำคัญ

📌 เปรียบเทียบสรุป

ปัจจัยทัวร์ส่วนตัวทัวร์กับบริษัท
ความยืดหยุ่นสูง (เลือกได้เอง)ต่ำ (ตามโปรแกรม)
ค่าใช้จ่ายสูงกว่าคุ้มค่ากว่า
ความสะดวกสะดวก แต่ต้องวางแผนสะดวกมาก ไกด์ดูแลทุกอย่าง
ประสบการณ์ท้องถิ่นได้สัมผัสวัฒนธรรมมากกว่าเที่ยวแบบมาตรฐาน
เหมาะกับครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อนนักเดินทางมือใหม่ คนที่ชอบความสะดวก

🎌 สรุป: ควรเลือกแบบไหนดี?

  • หากต้องการความยืดหยุ่น & สะดวกสบาย ทัวร์ส่วนตัว
  • หากต้องการความง่าย & ราคาประหยัด ทัวร์กับบริษัท

คุณชอบเที่ยวแบบไหนมากกว่ากัน? หรือมีแผนเที่ยวญี่ปุ่นแบบไหนในใจแล้ว? 😃✈️

ความสำคัญของการเลือกบริษัททัวร์ที่เชื่อถือได้ ✈️🎌

การเลือกเที่ยวญี่ปุ่น บริษัททัวร์ญี่ปุ่นที่เชื่อถือได้ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อ ความปลอดภัย คุณภาพของทริป และความคุ้มค่า หากเลือกผิด อาจทำให้ทริปในฝันกลายเป็นฝันร้ายได้เลย! 😨

🔹 1. ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

บริษัททัวร์ที่ดีจะมี ใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และมีประสบการณ์ในการจัดทริปญี่ปุ่นจริงๆ
✅ มีใบอนุญาตจากกรมการท่องเที่ยว (ใบ TAT)
✅ มีรีวิวจากลูกค้าเก่า และมีตัวตนจริง
✅ มีประกันการเดินทางและดูแลความปลอดภัยของลูกค้า

🚨 เลี่ยงบริษัทที่ไม่น่าไว้ใจ!
❌ เสนอราคาถูกเกินจริง
❌ ไม่มีรีวิว หรือมีแต่รีวิวปลอม
❌ ไม่ให้รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแพ็กเกจ

🔹 2. การเดินทางและที่พักคุณภาพดี

บริษัทที่เชื่อถือได้จะเลือกใช้ โรงแรมและยานพาหนะที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าสบายใจตลอดทริป
✅ โรงแรมมีมาตรฐาน เช่น ระดับ 3-5 ดาว
✅ มีไกด์มืออาชีพ และคนขับรถที่ปลอดภัย
✅ รถบัสหรือรถตู้สะอาด และมีความปลอดภัย

🔹 3. ความคุ้มค่า และไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง

บริษัทที่ดีจะให้ รายละเอียดโปรแกรมชัดเจน และแจ้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนการเดินทาง
✅ ราคาต้องสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงเกินไป
✅ แจ้งค่าใช้จ่ายที่รวมและไม่รวมในแพ็กเกจ
✅ ไม่มีค่าทิปแอบแฝง หรือบังคับซื้อของ

🔹 4. ไกด์นำเที่ยวมืออาชีพ

ไกด์ที่มีคุณภาพสามารถทำให้ทริปสนุกและราบรื่น
✅ พูดภาษาญี่ปุ่นได้ และช่วยสื่อสารกับคนท้องถิ่น
✅ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว
✅ ใส่ใจลูกค้า และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ

🔹 5. การช่วยเหลือฉุกเฉิน & การดูแลลูกค้า

บริษัททัวร์ที่ดีต้องมี ทีมงานที่พร้อมช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา เช่น ไฟลท์ดีเลย์ ของหาย หรือเจ็บป่วย
✅ มีเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
✅ ให้คำแนะนำเรื่องประกันการเดินทาง
✅ ช่วยเหลือเมื่อลูกค้ามีปัญหาในต่างประเทศ

🎌 สรุป: ทำไมต้องเลือกบริษัททัวร์ที่เชื่อถือได้?

ปลอดภัย – มีมาตรฐานและใบอนุญาตถูกต้อง
สะดวกสบาย – ได้รับการดูแลอย่างดี
คุ้มค่าเงิน – ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
ทริปสนุก – มีไกด์นำเที่ยวที่มีความรู้

📌 เคล็ดลับเลือกบริษัททัวร์:
🔎 เช็กใบอนุญาต & รีวิวลูกค้า
📜 ดูรายละเอียดแพ็กเกจให้ครบถ้วน
📞 สอบถามข้อมูลก่อนจอง

หากคุณกำลังมองหาทัวร์ญี่ปุ่นที่ดี มีแบบไหนที่คุณสนใจเป็นพิเศษไหม? 😊✨

🎌 แพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่น เลือกแบบไหนดี? ✈️🇯🇵

การเลือกแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นที่เหมาะกับคุณขึ้นอยู่กับ งบประมาณ สไตล์การเที่ยว และความสะดวกสบายที่ต้องการ ลองดูประเภทแพ็คเกจยอดนิยม และเลือกแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณ! 😊

🔹 1. ไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบกรุ๊ปทัวร์ (Join Tour)

📝 ลักษณะ: เดินทางเป็นกลุ่มกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ มีไกด์นำทาง และโปรแกรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ข้อดี:
✔️ ราคาคุ้มค่า รวมค่าที่พัก อาหาร และรถรับส่ง
✔️ ไม่ต้องวางแผนเอง แค่แพ็คกระเป๋าแล้วไปเที่ยวได้เลย
✔️ มีไกด์ดูแล ช่วยสื่อสารและจัดการทุกอย่าง

ข้อเสีย:
❌ ต้องเดินทางตามตาราง อาจไม่มีเวลาส่วนตัวมากนัก
❌ ไม่สามารถเลือกสถานที่เที่ยวเองได้

👉 เหมาะกับใคร?

  • คนที่อยากเที่ยวแบบสะดวก ไม่ต้องวางแผนเอง
  • มือใหม่ที่ไม่เคยไปญี่ปุ่น
  • คนที่อยากได้ทัวร์ราคาประหยัด

🔹 2. ทัวร์ญี่ปุ่นแบบส่วนตัว (Private Tour)

📝 ลักษณะ: จัดทริปเฉพาะกลุ่มของคุณเอง เช่น ครอบครัว หรือเพื่อนๆ สามารถปรับโปรแกรมได้ตามต้องการ
ข้อดี:
✔️ เลือกสถานที่เที่ยวเองได้ ไม่ต้องเร่งรีบ
✔️ มีไกด์ส่วนตัวและรถรับส่งสะดวกสบาย
✔️ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ

ข้อเสีย:
❌ ราคาสูงกว่ากรุ๊ปทัวร์
❌ ต้องวางแผนเองมากขึ้น

👉 เหมาะกับใคร?

  • ครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็กและผู้สูงอายุ
  • คู่รักที่ต้องการทริปแบบโรแมนติก
  • กลุ่มเพื่อนที่อยากเที่ยวแบบไพรเวท

🔹 3. ทัวร์ญี่ปุ่นแบบกึ่งอิสระ (Semi-Private Tour / Free & Easy Tour)

📝 ลักษณะ: ทัวร์ที่จัดให้เฉพาะบางส่วน เช่น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และทริปวันแรก จากนั้นให้เที่ยวเองตามใจชอบ
ข้อดี:
✔️ มีบางส่วนจัดการให้ แต่ยังมีอิสระเที่ยวเอง
✔️ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความยืดหยุ่น
✔️ ราคาปานกลาง

ข้อเสีย:
❌ ต้องศึกษาข้อมูลและวางแผนเที่ยวเองบ้าง
❌ ไม่มีไกด์ตลอดทริป

 

👉 เหมาะกับใคร?

  • คนที่อยากเที่ยวเองแต่ยังต้องการความสะดวกบางส่วน
  • นักเดินทางที่มีประสบการณ์และพอรู้จักญี่ปุ่นบ้าง

🔹 4. ทัวร์ญี่ปุ่นแบบพรีเมียม / VIP Tour

📝 ลักษณะ: ทัวร์หรูที่จัดให้แบบครบวงจร พร้อมที่พักระดับ 5 ดาว รถส่วนตัว และบริการพิเศษ
ข้อดี:
✔️ บริการระดับพรีเมียม มีโรงแรมหรู ร้านอาหารดีๆ และกิจกรรมพิเศษ
✔️ เดินทางสะดวกสุดๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากเหนื่อย
✔️ มีไกด์ส่วนตัว คอยดูแลทุกอย่าง

ข้อเสีย:
❌ ราคาสูง
❌ บางกิจกรรมอาจต้องจองล่วงหน้า

👉 เหมาะกับใคร?

  • คนที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด
  • นักธุรกิจหรือผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ
  • คู่รักฮันนีมูนที่ต้องการความพิเศษ

📌 เปรียบเทียบแพ็คเกจทัวร์

ปัจจัยกรุ๊ปทัวร์ทัวร์ส่วนตัวกึ่งอิสระทัวร์พรีเมียม
ราคา💰 ถูกที่สุด💰💰💰 สูงกว่า💰💰 ปานกลาง💰💰💰💰 สูงสุด
ความยืดหยุ่น❌ น้อยที่สุด✅ สูงสุด✅ ปานกลาง✅ สูงมาก
ไกด์นำทาง✅ มี✅ มี❌ ไม่มี✅ มี
เหมาะกับมือใหม่ครอบครัว / คู่รักนักเดินทางอิสระคนที่ต้องการทริปหรู

🎌 เลือกแบบไหนดี?

อยากเที่ยวง่าย ไม่ต้องวางแผนเอง → กรุ๊ปทัวร์
อยากเที่ยวสบาย มีอิสระ แต่มีคนดูแล → ทัวร์ส่วนตัว
อยากได้อิสระเที่ยวเองบ้าง แต่ยังมีบริการช่วยเหลือ → กึ่งอิสระ
อยากเที่ยวแบบหรู สบายสุดๆ → ทัวร์พรีเมียม

📌 คำแนะนำ:

  • เช็ก รีวิวบริษัททัวร์ ก่อนจอง
  • เปรียบเทียบราคาและบริการที่รวมในแพ็กเกจ
  • ถ้าคุณเดินทางกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ทัวร์ส่วนตัวจะคุ้มค่า
  • ถ้าไปครั้งแรกและอยากเที่ยวแบบไม่ยุ่งยาก กรุ๊ปทัวร์ก็ดีมาก

คุณมีแผนเที่ยวญี่ปุ่นช่วงไหน และสนใจทัวร์แบบไหนเป็นพิเศษ? 😃✨

🎌 ทำไมเที่ยวญี่ปุ่นถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในปีนี้? ✈️🇯🇵

การเดินทางไปญี่ปุ่นในปีนี้เป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่าและสะดวกสบาย มากกว่าการเดินทางด้วยตัวเอง นี่คือเหตุผลว่าทำไม ทัวร์ญี่ปุ่น ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ!

🔹 1. ค่าเงินเยนกำลังอ่อนตัว – เที่ยวได้คุ้มขึ้น! 💰

✅ ปีนี้ ค่าเงินเยนอ่อนตัวลง ทำให้การใช้จ่ายในญี่ปุ่นถูกลงกว่าปีก่อนๆ
✅ โรงแรม อาหาร และช้อปปิ้งราคาคุ้มค่ามากขึ้น
✅ เที่ยวได้เยอะขึ้นในงบที่ถูกกว่าเดิม

📌 ตัวอย่าง:

  • อาหารมื้อพิเศษ เช่น ซูชิและวากิวราคาถูกลง
  • โรงแรม 4-5 ดาวในญี่ปุ่นตอนนี้ราคาน่าสนใจกว่าหลายปีก่อน

🔹 2. ทัวร์ช่วยให้เดินทางง่าย ไม่ต้องวางแผนเอง 🗺

✅ ไม่ต้องจองโรงแรม รถไฟ หรือวางแผนเส้นทางเอง
✅ มีไกด์ช่วยดูแลเรื่องภาษาและแนะนำสถานที่
✅ เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือคนที่อยากเที่ยวแบบไร้กังวล

🚄 ตัวอย่าง:

  • ไม่ต้องกังวลกับการซื้อตั๋วชินคันเซ็นหรือใช้บัตร IC Card
  • ไม่ต้องต่อคิวรอร้านอาหารดังๆ เพราะทัวร์จองไว้ให้ล่วงหน้า

🔹 3. เที่ยวญี่ปุ่นทุกฤดู มีไฮไลต์ตลอดปี 🌸❄🍁

ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.–พ.ค.) – ซากุระบานสวยงามทั่วประเทศ
ฤดูร้อน (มิ.ย.–ส.ค.) – งานเทศกาลดอกไม้ไฟ & ลุยเที่ยวฮอกไกโด
ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.–พ.ย.) – ใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโต นิกโก้ โอซาก้า
ฤดูหนาว (ธ.ค.–ก.พ.) – เล่นสกีที่ฮอกไกโด ชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

📌 ข้อดีของทัวร์:

  • วางแผนให้ตามฤดูกาล ไม่พลาดไฮไลต์
  • มีรถรับส่งสะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศ

🔹 4. เที่ยวสบาย ปลอดภัย มีคนดูแลตลอดทาง 👨‍✈️

✅ มีไกด์มืออาชีพที่ช่วยให้ข้อมูลและแนะนำสถานที่เที่ยว
✅ มีการดูแลความปลอดภัย เช่น การเดินทาง อาหาร และที่พัก
✅ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ

📌 ทำไมเรื่องนี้สำคัญ?

  • ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมารยาทและกฎเกณฑ์เยอะ ทัวร์ช่วยให้คุณเที่ยวได้อย่างราบรื่น
  • บางสถานที่ เช่น ศาลเจ้าและร้านอาหาร ต้องมีการจองล่วงหน้า ทัวร์จัดการให้หมด

🔹 5. ราคาคุ้มค่ากว่าการเที่ยวเอง 🚀

✅ ทัวร์มักได้ ราคาดีลพิเศษ สำหรับที่พัก อาหาร และการเดินทาง
✅ รวมทุกอย่างในแพ็กเกจ เช่น ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม อาหาร รถรับส่ง
✅ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือค่าธรรมเนียมที่อาจมองข้าม

📌 ตัวอย่างเปรียบเทียบ:

รายการเที่ยวเองไปกับทัวร์
ตั๋วเครื่องบิน25,000+รวมในแพ็กเกจ
โรงแรม 3-4 ดาว4,000+/คืนรวมในแพ็กเกจ
รถไฟ & ค่าเดินทาง5,000+รวมรถรับส่ง
อาหาร1,000-2,000/มื้อรวมบางมื้อ

💰 ทัวร์ช่วยให้คุณควบคุมงบประมาณได้ง่ายขึ้น!

🔹 6. มีกิจกรรมพิเศษที่หายาก 🎭

✅ ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ทัวร์จัดพิเศษ เช่น
✔️ ใส่กิโมโนเดินเที่ยวเกียวโต
✔️ ทำซูชิ หรือเรียนชงชาแบบญี่ปุ่น
✔️ เข้าชมหมู่บ้านนินจา หรือสวนสนุกระดับโลก

📌 ถ้าเที่ยวเอง บางกิจกรรมต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน! ทัวร์ช่วยให้เข้าถึงได้ง่าย

🔹 7. มีแพ็คเกจให้เลือกหลายแบบ ตามสไตล์คุณ

กรุ๊ปทัวร์ – เที่ยวครบ ราคาประหยัด เดินทางกับไกด์
ทัวร์ส่วนตัว – อิสระ เลือกโปรแกรมเองได้
กึ่งอิสระ – มีที่พักและตั๋วเครื่องบิน แต่เที่ยวเองบางส่วน
VIP / พรีเมียมทัวร์ – ที่พักหรู มีบริการระดับ 5 ดาว

🎌 สรุป: ทำไมปีนี้ต้องเลือกทัวร์ญี่ปุ่น?

ค่าเงินเยนอ่อน เที่ยวได้คุ้มกว่าเดิม
ไม่ต้องวางแผนเอง เดินทางง่าย มีคนดูแล
แต่ละฤดูมีเสน่ห์ เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ปลอดภัย สะดวก เหมาะกับทุกวัย
ราคาคุ้มค่า ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเยอะ
ได้ประสบการณ์พิเศษที่หายาก

📌 ปีนี้คุณมีแพลนเที่ยวญี่ปุ่นหรือยัง? อยากไปแบบไหนบอกได้เลย! 😊✈️

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น 7 วัน กับครอบครัว สัมผัสโตเกียวและภูเขาฟูจิ ความในใจจากลูกทัวร์ของเรา

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น 7 วัน กับครอบครัว สัมผัสโตเกียวและภูเขาฟูจิ ความในใจจากลูกทัวร์ของเรา

การไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัวเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความประทับใจและความสนุกสนาน สำหรับทริปนี้ เราเลือกเดินทางกับบริษัททัวร์ สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป ที่จัดทริปครอบครัวได้อย่างลงตัว สามี ลูกสาววัย 10 ขวบ และคุณแม่สามี และตัวฉันเอง เราใช้เวลา 7 วันในการเที่ยวชมเมืองโตเกียวและภูเขาฟูจิ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของทริปนี้ เราคิดว่าระยะเวลามาทัวร์ญี่ปุ่นรอบนี้กำลังดีไม่เหนื่อยเกินไปเพราะพาคุณแม่สามีมาด้วยไปดูกันเลยว่าแต่ละวันเรามีกิจกรรมและเที่ยวที่ไหนบ้าง บอกเลยแฮปปี้สุดๆ

วันแรก: เดินทางถึงโตเกียว

หลังจากเดินทางถึงสนามบินนาริตะ เราก็ถูกพาไปที่โรงแรมในย่านชินจูกุ ซึ่งเป็นย่านคึกคักและมีชีวิตชีวาของโตเกียว หลังจากเช็คอิน เราก็ได้เดินเล่นรอบๆ ย่านนี้ ชมแสงสีของโตเกียวในยามค่ำคืน และทานอาหารเย็นเป็นราเมนรสชาติอร่อยที่ร้านเล็กๆ ซึ่งเป็นมื้อแรกที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับอาหารญี่ปุ่น

วันที่ 2: เที่ยวชมโตเกียว

วันนี้เป็นวันที่เราได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญของโตเกียว เริ่มต้นที่ วัดอาซากุสะและถนนนากามิเสะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เราซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนมโบราณและของที่ระลึก จากนั้นก็ไปชม Tokyo Skytree ที่ให้มุมมองสูงสุดของเมืองโตเกียว ลูกสาวของเราตื่นเต้นมากกับการได้เห็นเมืองจากมุมสูง

ช่วงบ่าย เราไปเที่ยวที่ ย่านฮาราจูกุ ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งและอาหารที่เหมาะสำหรับครอบครัว ลูกสาวชอบถนนทาเคชิตะที่มีร้านค้าและขนมน่ารักๆ มากมาย ส่วนแม่สามีก็ชอบร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ขายของใช้และของฝากสไตล์ญี่ปุ่น

วันที่ 3: สวนสนุกโตเกียว Disneyland

วันนี้เป็นวันที่ลูกสาวตื่นเต้นที่สุด เพราะเราได้ไปเที่ยว โตเกียว Disneyland ซึ่งเป็นสวนสนุกที่เหมาะสำหรับทุกวัย ทุกคนในครอบครัวสนุกไปกับเครื่องเล่นและขบวนพาเหรด แม่สามีชอบบรรยากาศที่สวยงามและอาหารการกินที่หลากหลาย ส่วนสามีและฉันก็รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

วันที่ 4: ภูเขาฟูจิ

วันนี้เราเดินทางไปยัง ภูเขาฟูจิ ซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริปนี้ เราได้ไปที่ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวภูเขาฟูจิที่สวยงามมาก ภาพภูเขาฟูจิที่สะท้อนบนผิวน้ำทำให้เราประทับใจจนถ่ายรูปเก็บไว้เต็มกล้อง หลังจากนั้น เราได้นั่งเรือชมวิวรอบทะเลสาบและไปที่ หมู่บ้านโอชิโนะ ฮักไก ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ่อน้ำใสสะอาดและวิวภูเขาฟูจิเป็นฉากหลัง

วันที่ 5: กลับมาเที่ยวโตเกียว

วันนี้เราได้ไปเที่ยวที่ ย่านชิบูยะ และถ่ายรูปกับ รูปปั้นฮาจิโกะ สัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ของญี่ปุ่น จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งที่ ย่านกินซ่า ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งระดับไฮเอนด์ แม่สามีชอบร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ขายของฝาก เช่น ผ้าเช็ดหน้าสวยๆ และเครื่องปั้นดินเผา

วันที่ 6: พักผ่อนและช้อปปิ้ง

วันนี้เราใช้เวลาในการพักผ่อนและช้อปปิ้งที่ ย่านอากิฮาบาระ ซึ่งเป็นสวรรค์ของคนรักเทคโนโลยีและอนิเมะ ลูกสาวชอบร้านค้าของเล่นและตุ๊กตาน่ารักๆ ส่วนสามีก็ได้ซื้อของเล่นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาลองเล่น

วันที่ 7: เดินทางกลับ

วันสุดท้าย เราใช้เวลาในการซื้อของฝากเพิ่มเติมที่ สนามบินนาริตะ ซึ่งมีร้านค้าและอาหารญี่ปุ่นให้เลือกมากมาย ก่อนจะเดินทางกลับบ้านด้วยความประทับใจสุดๆ 😊

ความประทับใจที่อยากบอก

การไปทัวร์ญี่ปุ่นกับครอบครัวครั้งนี้ทำให้เราได้สัมผัสทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ตรงเวลาและมีระเบียบ บริการของบริษัททัวร์ สยาม ออเชิร์ด กรุ๊ป ก็ดีมาก มีไกด์ที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดและให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวจุดแวะท่องเที่ยว การที่เราเลือกไปทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้สะดวกสบายและไม่เหนื่อยเลย อย่างที่บอกว่าทริปนี้แฮปปี้สุดๆ ค่า

อ๋อ…ขอแนะนำของฝากติดไม้ติดมือที่ห้ามพลาด

  1. ขนมญี่ปุ่น เช่น Tokyo Banana, KitKat รสชาติพิเศษ, และโมจิ
  2. เครื่องสำอางญี่ปุ่น เช่น มาสก์หน้าและครีมบำรุงผิว
  3. ของใช้ในบ้าน เช่น ผ้าเช็ดหน้าและเครื่องปั้นดินเผา
  4. ของเล่นและของสะสม จากย่านอากิฮาบาระ

ทริปนี้เป็นทริปที่เต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจสำหรับทุกคนในครอบครัว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวกับครอบครัว เพราะมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนจ้า!