ค้นพบเสน่ห์วากายะมะ: จังหวัดแห่งความศักดิ์สิทธิ์และธรรมชาติอันงดงาม

หากคุณกำลังมองหาปลายทางสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่แตกต่างจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า จังหวัดวากายะมะ (Wakayama) คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรคีอิในภูมิภาคคันไซ เป็นสถานที่ที่ผสมผสานความศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ธรรมชาติอันงดงาม และวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

เหตุผลที่ควรเลือกวากายะมะในแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่น

วากายะมะได้รับการยกย่องว่าเป็น “หัวใจทางจิตวิญญาณของญี่ปุ่น” เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดหลายแห่งของประเทศ รวมถึงเส้นทางแสวงบุญคุมาโนะ โคโดะ (Kumano Kodo) ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และเขาโคยะ (Mount Koya) ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายชินโงน

การเดินทางมาวากายะมะในโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นจะทำให้คุณได้สัมผัสกับ:

  • บรรยากาศอันเงียบสงบที่แตกต่างจากเมืองใหญ่
  • ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่หาได้ยากที่อื่น
  • ธรรมชาติที่บริสุทธิ์และยังคงความเป็นดั้งเดิม
  • อาหารท้องถิ่นที่สดใหม่และมีเอกลักษณ์

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในวากายะมะ

1. เขาโคยะ (Mount Koya) – ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณ

เขาโคยะเป็นที่ตั้งของวัดกว่า 100 แห่ง และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายชินโงน ที่นี่คุณสามารถ:

  • เข้าพักในวัด (Shukubo) และสัมผัสการใช้ชีวิตแบบพระ
  • ชิมอาหารเจ (Shojin-ryori) ที่ปรุงโดยพระ
  • เยื่อนสุสานโอคุโนะอิน (Okuno-in) ซึ่งเป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

เคล็ดลับสำหรับทัวร์ญี่ปุ่น: จองที่พักในวัดล่วงหน้า เพราะเป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวต้องการมาก

2. เส้นทางแสวงบุญคุมาโนะ โคโดะ (Kumano Kodo)

เส้นทางแสวงบุญโบราณนี้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก ที่เชื่อมต่อศาลเจ้าสำคัญ 3 แห่งของคุมาโนะ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเดินป่าและต้องการสัมผัสกับธรรมชาติ การเดินทางในเส้นทางนี้จะพาคุณผ่าน:

  • ป่าซีดาร์โบราณอายุหลายศตวรรษ
  • หมู่บ้านขนาดเล็กที่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิม
  • จุดชมวิวที่สวยงามของภูเขาและทะเล

3. น้ำตกนาชิ (Nachi Waterfall)

น้ำตกนาชิ (Nachi Waterfall)

น้ำตกนาชิสูง 133 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับการเคารพบูชาเป็นเทพเจ้าชินโต ความงดงามของน้ำตกและเจดีย์สีแดงสามชั้นที่อยู่ใกล้เคียง สร้างทิวทัศน์ที่ถือเป็นหนึ่งในภาพที่สวยที่สุดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น

4. ปราสาทวากายะมะ (Wakayama Castle)

Wakayama Castle

ปราสาทวากายะมะตั้งอยู่บนเนินเขาในใจกลางเมือง เป็นที่พำนักของสาขาหนึ่งของตระกูลโทคุงาว่า แม้ว่าอาคารเดิมจะถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ได้รับการสร้างใหม่อย่างซื่อสัตย์ จุดเด่นของปราสาทคือ:

  • วิวพาโนรามาของเมืองและอ่าว
  • สวนญี่ปุ่นโมมิจิดานิที่สวยงามในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ภายในปราสาท

5. ชายหาดชิราฮามะ (Shirahama Beach)

ชายหาดชิราฮามะ (Shirahama Beach)

ชิราฮามะ แปลว่า “ชายหาดสีขาว” มีชื่อเสียงในเรื่องทรายสีขาวละเอียดที่นำเข้ามาจากออสเตรเลีย เป็นชายหาดที่สวยที่สุดในภูมิภาคคันไซ นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนริมทะเลแล้ว ยังเป็น:

  • รีสอร์ทออนเซ็นที่มีชื่อเสียง
  • สถานที่ชมอาทิตย์ตกที่สวยงาม
  • จุดดำน้ำและกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย

6. เกาะโทโมงาชิมะ (Tomogashima Islands)

เกาะโทโมงาชิมะ (Tomogashima Islands)

เกาะโทโมงาชิมะมีชื่อเสียงจากความคล้ายคลึงกับเกาะลาปูตาในหนังของสตูดิโอกิบลิ เรื่อง Castle in the Sky จุดเด่นของเกาะคือ:

  • ป้อมทหารร้างที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 19
  • ธรรมชาติที่บริสุทธิ์และบรรยากาศที่เงียบสงบ
  • วิวทิวทัศน์ของทะเลและชายฝั่งที่งดงาม

อาหารพิเศษของวากายะมะที่ไม่ควรพลาด

การมาท่องเที่ยวในโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นที่วากายะมะ จะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นเหล่านี้:

ปลาทูน่าสด (Nama Maguro)

วากายะมะจับปลาทูน่าสดมากที่สุดในญี่ปุ่น ลองชิมข้าวหน้าซาชิมิทูน่าหรือทูน่าเบอร์เกอร์ทอด

มิกันวากายะมะ (Wakayama Mikan)

เกษตรกรวากายะมะปลูกมิกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ผลไม้ตระกูลส้มที่หวานและฉ่ำน้ำ

ราเมนวากายะมะ

ราเมนวากายะมะมีเอกลักษณ์ด้วยน้ำซุปหมูและซีอิ๊วที่เข้มข้น แนะนำให้สั่งพร้อมซูชิปลาซาบะย่างเป็นเครื่องเคียง

อุเมะโบะชิ (Umeboshi)

ลูกพลัมดองที่วากายะมะผลิตมากที่สุดในญี่ปุ่น มีรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมเฉพาะตัว

วิธีเดินทางและเคล็ดลับการท่องเที่ยว

การเดินทางไปวากายะมะ

สามารถเดินทางจากชิน-โอซาก้าโดยรถไฟจำกัดเครื่องหมาย JR Kuroshio ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจากสนามบินคันไซใช้เวลา 45 นาที

เคล็ดลับสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นในวากายะมะ

  • ฤดูที่เหมาะสม: มีนาคม-พฤษภาคม และตุลาคม-พฤศจิกายน อากาศเย็นสบายเหมาะกับการเดินป่า
  • การจองที่พัก: จองที่พักในวัดที่เขาโคยะล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
  • การเดินทางภายใน: เช่ารถยนต์จะสะดวกที่สุดในการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ
  • เวลาที่เหมาะสม: จัดเวลาอย่างน้อย 2-3 วันเพื่อสัมผัสเสน่ห์ของวากายะมะอย่างเต็มที่

สถานที่พักแนะนำสำหรับทัวร์ญี่ปุ่น

  • วัดในเขาโคยะ: สำหรับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
  • Nanki-Shirahama Marriott Hotel: โรงแรมหรูริมทะเลพร้อมออนเซ็น
  • โรงแรมรีสอร์ทในชิราฮามะ: เหมาะกับครอบครัวและคู่รัก

สรุป

วากายะมะเป็นจังหวัดที่นำเสนอประสบการณ์ทัวร์ญี่ปุ่นที่แตกต่างและน่าประทับใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่แสวงหาความสงบทางจิตใจ ชื่นชอบธรรมชาติ หรือต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม วากายะมะก็ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน การวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นที่รวมวากายะมะเข้าไปจะทำให้การเดินทางของคุณมีความหมายและน่าจดจำมากขึ้น

ด้วยความสะดวกในการเดินทางจากเมืองใหญ่ และความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว วากายะมะจึงเป็นปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มที่ต้องการค้นพบเสน่ห์ใหม่ของญี่ปุ่นในแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นครั้งต่อไป

เมืองกุมมะ: สุดยอดปลายทางทัวร์ญี่ปุ่นแห่งออนเซ็นและธรรมชาติ

จังหวัดกุมมะ (Gunma) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นแบบครบครัน เมื่อเลือกแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นของคุณ อย่าลืมรวมจังหวัดกุมมะไว้ในลิสต์ เพราะสถานที่แห่งนี้มีทั้งบ่อน้ำพุร้อนชั้นเลิศ ธรรมชาติอันงดงาม และกิจกรรมผจญภัยที่น่าตื่นเต้น โดยสามารถเดินทางจากโตเกียวได้ง่ายๆ ใน 1-2 ชั่วโมง

ทำไมต้องเลือกกุมมะในทัวร์ญี่ปุ่น?

กุมมะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว เป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติ สร้างชื่อเสียงจากบ่อน้ำพุร้อนคุณภาพสูงและกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน

เมื่อจองทัวร์ญี่ปุ่นที่มีกุมมะเป็นจุดหมายปลายทาง คุณจะได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น อีกทั้งยังสามารถรวมเข้ากับแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นที่เยี่ยมชมโตเกียวได้อย่างลงตัว

ออนเซ็นระดับโลกที่ต้องมาลอง

คุซัตสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

คุซัตสึเป็นหนึ่งในสามแห่งแรกของบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ใจกลางเมืองมีจุดสังเกตที่เรียกว่า “ยูบาตาเกะ” (Yubatake) หรือ “ทุ่งน้ำร้อน” ซึ่งเป็นสถานที่ที่น้ำพุร้อนไหลผ่านรางไม้เพื่อช่วยให้น้ำเย็นลงก่อนจะไหลไปยังบ่อน้ำพุร้อนต่างๆ ในเมือง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือกทัวร์ญี่ปุ่นแบบครบครัน คุซัตสึจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ เพราะนอกจากจะได้แช่ออนเซ็นแล้ว ยังมีการแสดงการกวนน้ำพุร้อนแบบดั้งเดิม (Yumomi) ที่ช่วยลดอุณหภูมิน้ำก่อนการใช้งาน

อิคาโฮออนเซ็น (Ikaho Onsen)

อิคาโฮออนเซ็นเป็นรีสอร์ทน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงด้วยบันไดหินที่โด่งดัง ตั้งอยู่บนเนินเขาและมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ เป็นจุดหมายปลายทางที่เยี่ยมสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่ต้องการสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ

ธรรมชาติที่น่าทึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)

อุทยานแห่งชาติโอเซะเป็นสมบัติของญี่ปุ่นที่มีทางเดินไม้ยาว 6 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินป่าแบบผ่อนคลาย ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม เมื่อพืชพรรณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจทัวร์ญี่ปุ่นแบบธรรมชาติ โอเซะจะมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยบึงน้ำที่ใสดุจกระจก และดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่ง

น้ำตกฟูกิวาเระ (Fukiware Falls)

น้ำตกฟูกิวาเระมีขนาดสูง 70 เมตร กว้าง 30 เมตร เรียกกันว่า “ไนแอการาแห่งญี่ปุ่น” เนื่องจากรูปร่างที่คล้ายกับน้ำตกไนแอการาในอเมริกาเหนือ การเกิดขึ้นของน้ำตกแห่งนี้เป็นผลจากการกัดเซาะของหินมากว่า 10,000 ปี

มินาคามิ: ศูนย์กลางผจญภัย

มินาคามิในจังหวัดกุมมะเป็นที่รู้จักในนาม “เมืองหลวงของผจญภัยกลางแจ้งของญี่ปุ่น” ด้วยกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นตลอดปี เช่น การเล่นสกีในฤดูหนาว การล่องแก่ง การพาราไกลดิง และการกระโดดบันจี้ในฤดูร้อน

เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นกิจกรรมผจญภัย โดยเฉพาะการล่องแก่งที่มีชื่อเสียงระดับโลก

มรดกโลกและวัฒนธรรม

โรงงานผ้าไหมโทมิโอกะ (Tomioka Silk Mill)

โรงงานผ้าไหมโทมิโอกะได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2014 เป็นโรงงานดึงไหมสมัยใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 1872 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อนำเทคนิคการดึงไหมแบบฝรั่งเศสมาใช้

ศาลเจ้าโชรินซันดารุมะ (Shorinzan Daruma-ji)

กุมมะเป็นแหล่งกำเนิดของตุ๊กตาดารุมะ ซึ่งเป็นเครื่องรางนำโชคของญี่ปุ่น ที่ศาลเจ้าโชรินซันดารุมะ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์และลองทำตุ๊กตาดารุมะด้วยตนเอง

อาหารท้องถิ่นที่ต้องลอง

ยากิมันจู (Yakimanju)

ยากิมันจูเป็นขนมที่คนในกุมมะชื่นชอบ เป็นขนมปังหวานที่ไส้ในไผ่ จากนั้นย่างบนถ่านและทาด้วยมิโซะหวาน

คนยากุ (Konnyaku)

กุมมะผลิตคนยากุส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น คนยากุมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวได้ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ และมีแคลอรี่เกือบเป็นศูนย์

การเดินทางและที่พัก

การเดินทางไปกุมมะ

สามารถเดินทางจากสถานีโตเกียวหรือสถานีอุเอโนะด้วยรถไฟโชเอะซูชินคันเซ็นไปยังสถานีทาคาซากิ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นต่อรถไฟท้องถิ่นหรือรถบัสไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ

ที่พักในแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่น

กุมมะมีที่พักหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่โรงแรม ริวกัง แกลมปิ้ง ไปจนถึงที่พักงบประหยุค ซึ่งสามารถจองผ่านเอเจนซี่ออนไลน์ได้อย่างสะดวก

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม

กุมมะเป็นจุดหมายปลายทางตลอดปี โดยแต่ละฤดูมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน

ฤดูใบไม้ผลิ: ดอกซากุระและดอกไม้ป่าในอุทยานแห่งชาติโอเซะ

ฤดูร้อน: กิจกรรมกลางแจ้งและเทศกาลท้องถิ่น

ฤดูใบไม้ร่วง: ใบไม้เปลี่ยนสีที่คุซัตสึและภูเขาอากางิ

ฤดูหนาว: สกีรีสอร์ทและการแช่ออนเซ็นในหิมะ

สรุป

กุมมะคือจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนระดับโลก ธรรมชาติอันงดงาม วัฒนธรรมดั้งเดิม หรือกิจกรรมผจญภัย

เมื่อวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นครั้งต่อไป อย่าลืมรวมจังหวัดกุมมะไว้ในรายการ เพราะสถานที่แห่งนี้จะมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและความทรงจำที่ติดตาติดใจ การเดินทางจากโตเกียวที่สะดวกสบายทำให้กุมมะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นทั้งแบบวันเดียวและแบบหลายวัน

ด้วยเสน่ห์ที่หลากหลายและการเข้าถึงที่ง่ายดาย กุมมะจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรอยู่ในทุกแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ

คู่มือท่องเที่ยวฟุคุโอกะ เสน่ห์เมืองใหญ่ใต้ญี่ปุ่น

ฟุคุโอกะ (Fukuoka) หรือที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันดีคือเมืองใหญ่ที่สำคัญที่สุดของเกาะคิวชูและเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น เมืองนี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมดั้งเดิม และอาหารระดับโลก หลายท่านที่วางแผนไป ทัวร์ญี่ปุ่น มักจะเลือกฟุคุโอกะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลัก

ข้อมูลเบื้องต้นเมืองฟุคุโอกะ

ฟุคุโอกะตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุโอกะ ภูมิภาคคิวชูตอนเหนือ เป็นเมืองที่มีสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ ทำให้การเดินทางจากประเทศไทยสะดวกสบายมาก อีกทั้งยังมีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยครอบคลุมทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัส ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มากับ ทัวร์ญี่ปุ่น สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฟุคุโอกะ

1. ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมังกู (Dazaifu Tenmangu)

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขาดไม่ได้ในทุกโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ที่มาฟุคุโอกะ อายุกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นเพื่อสักการะนักปราชญ์ซึกาวาระ มิจิซาเนะ ที่ถือเป็นเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ นักเรียนญี่ปุ่นจึงนิยมมาขอพรให้สอบผ่าน

2. สวนดอกวิสทีเรีย คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden)

เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของเมืองคิตะคิวชูใกล้ฟุคุโอกะ มีอุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่สวยงามเป็นที่ประทับใจไปทั่วโลก ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด

3. พระนอนองค์ใหญ่ วัดนันโซอิน

พระนอนทองสัมฤทธิ์ขนาดยักษ์ยาว 41 เมตร สูง 11 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลัง โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากับ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่ต้องการถ่ายภาพกับพระนอนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าอันเงียบสงบ

4. หินคู่แต่งงาน ซากุไร ฟุตะมิกาอุระ

โขดหินคู่ที่ตั้งอยู่กลางทะเลและผูกติดกันด้วยเชือกชิเมนาวะ เป็นสัญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ ช่วงพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยงามที่สุด เมื่อดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางระหว่างหินคู่พอดี

5. สวนสาธารณะโอโฮริ (Ohori Park)

เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ มีเกาะกลางน้ำ 3 เกาะ และศาลาหกเหลี่ยมกลางน้ำ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีการจัดเทศกาลชมซากุระ ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม

6. คาแนลซิตี้ ฮากาตะ (Canal City Hakata)

ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่มีคลองไหลผ่านกลางอาคาร มีร้านค้าครบครัน ร้านอาหาร และโซน Ramen Stadium ที่รวมร้านราเมนชื่อดังกว่า 10 ร้านไว้ในที่เดียว นักท่องเที่ยวที่มากับ ทัวร์ญี่ปุ่น มักจะใช้เวลาช้อปปิ้งและชิมอาหารที่นี่

7. สวนเกาะโนโคโนะชิมะ (Nokonoshima Island Park)

เกาะที่ต้องเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ประมาณ 10 นาที มีดอกไม้ให้ชมได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระ ดอกทานตะวัน หรือดอกคอสมอสตามฤดูกาล

อาหารประจำเมืองฟุคุโอกะ

ฮากาตะ ราเมง (Hakata Ramen)

ราเมงที่ขึ้นชื่อที่สุดของฟุคุโอกะ มีซุปทงคตสึสีขาวขุ่น เข้มข้น ที่ได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูเป็นเวลาหลายชั่วโมง มีเส้นราเมนแบบบาง เสิร์ฟพร้อมชาชู ต้นหอม งาขาว และขิงดอง

เมนไทโกะ (Mentaiko)

ไข่ปลาคอดหมักเครื่องเทศที่มีรสเค็มเผ็ดเฉพาะตัว เป็นของกินขึ้นชื่อของฟุคุโอกะ สามารถกินแบบดิบหรือนำไปย่างก็ได้ ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นพาสตา พิซซ่า หรือของหวานต่างๆ

มิซุตากิ (Mizutaki)

หม้อไฟไก่ต้มซุปใสที่ได้จากการเคี่ยวไก่และผักนานหลายชั่วโมง กินพร้อมกับเครื่องเคียงและซอสจิ้ม เป็นอาหารที่ชาวฟุคุโอกะภูมิใจว่าเป็นต้นตำรับของพวกเขา

ยาตาย (Yatai)

ร้านอาหารรถเข็นที่ตั้งอยู่ตามริมแม่น้ำนากาสุ บรรยากาศย่านนากาสุ ยาตาย ไก สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากับ ทัวร์ญี่ปุ่น ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด

ช่วงเวลาดีที่สุดในการเที่ยวฟุคุโอกะ

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): เหมาะที่สุดสำหรับการเที่ยว อากาศเย็นสบาย (10-20 องศา) มีดอกซากุระและดอกวิสทีเรียบาน

ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): อากาศร้อนชื้น (25-32 องศา) มีฝนตกมาก แต่เป็นช่วงที่มีเทศกาลต่างๆ จัดขึ้น

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): อากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): อากาศหนาวเย็น (0-6 องศา) ไม่มีหิมะมากนักในตัวเมือง

การเดินทางและที่พัก

ฟุคุโอกะมีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย รถไฟใต้ดินครอบคลุมทุกจุดสำคัญ นักท่องเที่ยวที่มากับ ทัวร์ญี่ปุ่น มักจะเลือกพักใน 3 ย่านหลัก ได้แก่ ย่านฮากาตะ ใกล้สถานี JR และศูนย์การค้า ย่านเท็นจิน ย่านช้อปปิ้งใจกลางเมือง และย่านนากาสุ ที่มีบรรยากาศยามค่ำคืนสนุกสนาน

ช้อปปิ้งและของฝาก

ฟุคุโอกะเป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้ง มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เช่น JR Hakata City, Tenjin Core, และ LaLaport Fukuoka ของฝากยอดนิยม ได้แก่ ขนมหวานรสเมนไทโกะ ผลิตภัณฑ์จากมัทฉะ ราเมงแห้ง และขนมประจำท้องถิ่นต่างๆ

สรุป

ฟุคุโอกะเป็นเมืองที่ผสมผสานความเป็นเมืองใหญ่ที่ทันสมัยกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการมาแบบ ทัวร์ญี่ปุ่น หรือการเที่ยวแบบอิสระ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย อาหารที่อร่อย และระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ฟุคุโอกะจึงเป็นเมืองที่มาแล้วจะประทับใจและอยากกลับมาอีกครั้ง

สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่น ฟุคุโอกะคือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่แตกต่างจากเมืองใหญ่อื่นๆ ของญี่ปุ่น ที่นี่จะให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจและคุ้มค่าอย่างแท้จริง

ค้นพบเสน่ห์นีงาตะ จังหวัดแห่งข้าวแสนอร่อย อาหารทะเลสดใหม่ และธรรมชาติที่งดงาม

นีงาตะ (Niigata) เป็นอีกหนึ่งอัญมณีที่ซ่อนตัวอยู่ในญี่ปุ่น ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แท้จริงของดินแดนปลาดิบ จังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุนี้ห่างจากโตเกียวเพียง 2-3 ชั่วโมงด้วยรถไฟชินคันเซ็น แต่กลับเสมือนเป็นโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมดั้งเดิม และอาหารรสเลิศที่หาชิมได้ยาก

ทำไมนีงาตะจึงเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดในทัวร์ญี่ปุ่น

นีงาตะขึ้นชื่อในฐานะ “เมืองแห่งข้าวคุณภาพสูง” ที่ผลิตข้าวรสชาติอร่อยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ด้วยสภาพอากาศที่เหมาะสม น้ำใสสะอาดจากการละลายของหิมะ และดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวนีงาตะกลายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสาเกระดับพรีเมี่ยมที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

การท่องเที่ยวนีงาตะนั้นเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ อาหาร หรือการผจญภัย ทำให้ทัวร์ญี่ปุ่นที่รวมนีงาตะเข้าไว้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น

10 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในนีงาตะ

1. นาขั้นบันไดโฮชิโทเกะ (Hoshitoge Rice Terraces)

จุดชมวิวที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น นาขั้นบันไดกว่า 200 ผืนที่เรียงรายตามไหล่เขาสร้างภาพอันงดงาม โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นที่ทำให้ผืนนาเปล่งประกายราวกับมิร์เรอร์ในธรรมชาติ

2. เกาะซาโดะ (Sado Island)

เกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลญี่ปุ่นซึ่งสามารถเดินทางไปได้โดยเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือนีงาตะ เกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่ของเหมืองทองซาโดะคินซังที่เคยเป็นแหล่งผลิตทองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นบ้านของนกโทะคิ (นกประจำชาติของญี่ปุ่น)

3. สวนยะฮิโกะ (Yahiko Park)

สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงด้วยความงดงามของน้ำตก ลำธาร และอุโมงค์ เป็นจุดชมซากุระที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง

4. ศาลเจ้ายาฮิโกะ (Yahiko Shrine)

ศาลเจ้าประจำจังหวัดที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านยาฮิโกะ เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเกษตรและอุตสาหกรรม นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นและเข้าร่วมเทศกาลประจำปีได้

5. ลานสกีกาล่า ยูซาวะ (GALA Yuzawa)

ลานสกีที่ใกล้โตเกียวที่สุด เดินทางได้เพียง 90 นาที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นหิมะและสกีในช่วงฤดูหนาว มีทั้งลานสกีสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญ

6. ตลาดท่าเรือมินาโตะ มาร์เช่ (Minato Marche Pier Bandai)

ตลาดริมทะเลที่รวบรวมอาหารทะเลสดใหม่ ผักผลไม้ท้องถิ่น และสาเกชื่อดัง เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการลิ้มรสและซื้อของฝาก

7. ป่าบีชโทคะมาจิ (Tokamachi Beech Forest)

ป่าบีชที่เต็มไปด้วยต้นไม้อายุเกือบ 100 ปี สวยงามทุกฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดง และฤดูหนาวที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว

8. สวนสาธารณะฮาคุซัง (Hakusan Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมืองนีงาตะที่มีสระน้ำ สนามเด็กเล่น และเส้นทางเดินหลายสาย เหมาะสำหรับครอบครัวและการพักผ่อน

9. หุบเขาคิโยสึ (Kiyotsu Gorge)

หุบเขาที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอุโมงค์แห่งแสงที่เป็นผลงานศิลปะสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างลงตัว

10. สึกิโอกะออนเซ็น (Tsukioka Onsen)

น้ำพุร้อนสีมรกตที่งดงามจนหลายคนเข้าใจผิดว่ามีการเติมสีลงไป เป็นออนเซ็นที่มีสรรพคุณดีต่อผิวพรรณ

อาหารขึ้นชื่อที่ต้องลอง

อาหารทะเลสดใหม่

นีงาตะติดทะเลญี่ปุ่น ทำให้มีอาหารทะเลสดใหม่มากมาย โดยเฉพาะปลากะพงหรือ “ไท” ที่จับได้ในเมืองคาชิวาซากิ เมนู**”ไทชาซึเคะ”** (ปลากะพงราดน้ำชาร้อน) เป็นอาหารขึ้นชื่อที่ได้รับรางวัลจากการประกวดมากมาย

ข้าวนีงาตะ

ข้าวคุณภาพพรีเมี่ยมที่หวานหอม เหนียวนุ่ม เป็นวัตถุดิบหลักในการทำซูชิและข้าวปั้นรสเลิศ

สาเกนีงาตะ

ด้วยข้าวคุณภาพดีและน้ำใสสะอาด ทำให้นีงาตะเป็นจังหวัดที่มีโรงกลั่นสาเกมากที่สุดในญี่ปุ่น สาเกที่นี่มีรสชาติเข้มข้น หอมหวาน

ขนมและของฝากพิเศษ

  • เค้กช็อกโกแลตโทจิ ที่ผสมผสานโกโก้กับสาเกญี่ปุ่น
  • ซาซาดังโงะปัง ขนมปังเหนียวนุ่มรสหญ้าโยโมกิ
  • เซมเบ้ ขนมกรุบกรอบทำจากข้าว
  • น้ำมันดอกสึบากิ จากเกาะซาโดะ

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวนีงาตะ

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): ชมซากุระที่สวนยะฮิโกะและสวนสาธารณะต่างๆ

ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): เที่ยวเกาะซาโดะ ชมนาขั้นบันไดเขียวขจี และเข้าร่วมเทศกาลต่างๆ

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ป่าบีชและหุบเขาต่างๆ

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): เล่นสกี แช่ออนเซ็น และชมทิวทัศน์หิมะขาว

การเดินทางไปนีงาตะ

จากโตเกียว

  • รถไฟชินคันเซ็น: ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง จากสถานี Tokyo ไปสถานี Niigata
  • รถบัส: ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง แต่ราคาถูกกว่า
  • เครื่องบิน: ใช้เวลา 1 ชั่วโมง บินจากสนามบินฮาเนดะไปสนามบินนีงาตะ

ภายในจังหวัด

แนะนำให้ซื้อ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ที่ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง สามารถนั่งรถไฟและรถบัสของ JR East ได้ไม่จำกัด

เคล็ดลับสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่รวมนีงาตะ

  1. จองที่พักล่วงหน้า โดยเฉพาะช่วงฤดูสกีและฤดูชมใบไม้เปลี่ยนสี
  2. เตรียมเสื้อผ้าอบอุ่น สำหรับฤดูหนาวเนื่องจากนีงาตะมีหิมะตกหนาแน่น
  3. ลองสาเกท้องถิน ที่โรงกลั่นต่างๆ หรือร้านอาหารในท้องถิ่น
  4. ซื้อข้าวนีงาตะ เป็นของฝากเพราะหาซื้อยากในที่อื่น
  5. เรียนรู้ประวัติท้องถิ่น เพื่อเข้าใจวัฒนธรรมและประเพณีดีขึ้น

สรุป

นีงาตะเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์แท้จริงของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการชิมข้าวและสาเกคุณภาพสูง การชมธรรมชาติที่งดงาม การเล่นสกีในฤดูหนาว หรือการแช่ออนเซ็นผ่อนคลาย จังหวัดแห่งนี้มีครบทุกสิ่งที่จะทำให้ทัวร์ญี่ปุ่นของคุณน่าจดจำและมีค่ายิ่งขึ้น

การวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นที่รวมนีงาตะเข้าไว้จะช่วยให้คุณได้สัมผัสด้านอื่นของญี่ปุ่นที่แตกต่างจากเมืองใหญ่ ทั้งในด้านวัฒนธรรม อาหาร และการใช้ชีวิตแบบท้องถิ่น ทำให้ได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าประทับใจอย่างแท้จริง

เมืองนางาซากิ: ไข่มุกแห่งคิวชูที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

เมืองนางาซากิ: ไข่มุกแห่งคิวชูที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

นางาซากิ เมืองประวัติศาสตร์ใจกลางเกาะคิวชูของญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่ผสมผสานเรื่องราวอันเจ็บปวดจากอดีต ความงามทางธรรมชาติ และเสน่ห์ของวัฒนธรรมต่างชาติที่เข้ามาผสมผสานจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนทัวร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเดินทางสู่คิวชู เมืองนางาซากิจึงเป็นปลายทางที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ประวัติศาสตร์ที่ควรรู้

เมืองท่าแห่งการเปิดประเทศ

นางาซากิมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ในฐานะเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองท่าที่เปิดรับการค้าขายกับต่างประเทศในยุคที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ การที่ชาวโปรตุเกส ชาวจีน และชาวดัตช์เข้ามาตั้งถิ่นฐานและค้าขายที่นี่ ทำให้นางาซากิกลายเป็นเมืองผสมผสานทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในญี่ปุ่น

เหตุการณ์ระเบิดปรมาณู

วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เป็นวันที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์นางาซากิไปตลอดกาล ระเบิดปรมาณูลูกที่สองของโลกถูกทิ้งลงมาที่เมืองนี้ ทำให้นางาซากิกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความปรารถนาดีของมนุษยชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต

1. พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (Nagasaki Atomic Bomb Museum)

จุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของนางาซากิ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงเรื่องราวและสิ่งของที่เป็นหลักฐานของเหตุการณ์ระเบิดปรมาณู แม้จะเป็นประสบการณ์ที่หดหู่ใจ แต่เป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สำคัญและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสันติภาพ

2. สวนสันติภาพนางาซากิ (Nagasaki Peace Park)

สถานที่สำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู ภายในสวนมีอนุสาวรีย์สันติภาพขนาดใหญ่ที่เป็นจุดสำคัญ และยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกสงบและเหมาะแก่การครุ่นคิดถึงความสำคัญของสันติภาพโลก

3. ภูเขาอินาสะ (Mount Inasa)

หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ภูเขาอินาสะสูง 333 เมตร ให้ทิวทัศน์ของเมืองนางาซากิ 360 องศา โดยเฉพาะยามค่ำคืน วิวไฟเมืองของนางาซากิถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในโลก สามารถขึ้นไปด้วยกระเช้าลิฟต์ที่มีการบริการตลอดทั้งวัน

4. เกาะฮาชิมะ (Hashima Island) หรือเกาะเรือรบ

เกาะร้างที่มีชื่อเสียงระดับโลก เคยเป็นเหมืองถ่านหินที่มีความเจริญรุ่งเรืองในอดีต แต่หลังจากปิดเหมืองแล้วจึงกลายเป็นเมืองร้างที่มีบรรยากาศลึกลับ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดหลายเรื่อง เดินทางไปได้ด้วยเรือจากนางาซากิ

5. สวน Glover Garden

สวนสวยงามที่เต็มไปด้วยบ้านสไตล์ตะวันตกจากศตวรรษที่ 19 สร้างโดยชาวต่างชาติที่มาตั้งถิ่นฐานในนางาซากิ เป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในยุคที่นางาซากิเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรือง มีวิวที่สวยงามมองเห็นอ่าวนางาซากิ

6. ย่านไชน่าทาวน์ชินจิ (Shinchi Chinatown)

หนึ่งในสามไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เต็มไปด้วยร้านอาหารจีนและร้านขายของที่ระลึก เป็นแหล่งที่ดีสำหรับการลิ้มลองอาหารฟิวชันจีน-ญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของนางาซากิ

7. สวนสนุก Huis Ten Bosch

สวนสนุกธีมฮอลแลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนางาซากิประมาณ 1 ชั่วโมง เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป สวนดอกไม้สีสันสดใส และการแสดงไฟที่งดงามยามค่ำคืน เหมาะสำหรับครอบครัวและคู่รัก

อาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด

นางาซากิจัมปง (Nagasaki Champon)

เมนูซิกเนเจอร์ของนางาซากิที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน เป็นเส้นบะหมี่เหนียวนุ่มในน้ำซุปกระดูกหมูหรือไก่ที่เข้มข้น โรยหน้าด้วยผัก อาหารทะเล และเนื้อหมูอย่างเต็มอิ่ม ร้านแนะนำคือ ร้านชิไคโร (Shikairo) ซึ่งเป็นร้านต้นตำรับที่มีอายุกว่า 120 ปี

ซาระอุด้ง (Sara Udon)

อาหารท้องถิ่นอีกหนึ่งเมนูที่มีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าจัมปง เป็นเส้นกรอบหรือเส้นนิ่มราดน้ำข้นใสที่ผัดกับผักและอาหารทะเลหลากหลาย มักจะกินคู่กับจัมปงเป็นเซ็ตอาหาร

ข้าวหน้าตุรกี (Turkish Rice)

เมนูพิเศษที่มีเพียงในนางาซากิ ประกอบด้วยข้าวพิลาฟ เส้นสปาเก็ตตี้โบโลเนส และหมูทอดวางอยู่ในจานเดียวกัน ได้รับอิทธิพลจากการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาในนางาซากิ

มิลค์เชค (Milk Shake)

มิลค์เชคแบบนางาซากิมีเอกลักษณ์คือ เป็นมิลค์เชคที่กินด้วยช้อนมากกว่าดื่มด้วยหลอด มีเนื้อสัมผัสข้นเหมือนไอศกรีม รสหวานเย็นสดชื่น

การเดินทางและการท่องเที่ยว

วิธีการเดินทางไปนางาซากิ

  • ทางเครื่องบิน: สนามบินนางาซากิมีเที่ยวบินภายในประเทศเชื่อมต่อกับเมืองหลักของญี่ปุ่น
  • ทางรถไฟ: จากฟุกุโอกะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงด้วย Limited Express
  • ทางรถบัส: มีบริการรถบัสข้ามจังหวัดจากเมืองใหญ่ต่างๆ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่จองทัวร์ญี่ปุ่นแบบแพ็คเกจ มักจะมีนางาซากิรวมอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวคิวชูเป็นประจำ

การเดินทางในเมือง

  • รถราง: ระบบขนส่งหลักของนางาซากิ ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวหลักได้เกือบทั้งหมด
  • รถบัส: เสริมการเดินทางไปยังจุดที่รถรางไปไม่ถึง
  • การเดิน: ใจกลางเมืองมีขนาดไม่ใหญ่มาก เดินเที่ยวได้สะดวก

Nagasaki Streetcar Day Pass

บัตรโดยสารรถรางรายวันที่คุ้มค่า ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวหลายจุดในวันเดียว

เทศกาลและกิจกรรมประจำปี

เทศกาลโคนิน (Kunchi Festival)

เทศกาลประจำปีที่สำคัญที่สุดของนางาซากิ จัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม มีการแสดงรำลิงและมังกรที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน เป็นการแสดงที่มีสีสันและความตื่นเต้น

เทศกาลโคมไฟจีน

จัดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน บริเวณไชน่าทาวน์และพื้นที่โดยรอบจะประดับประดาด้วยโคมไฟสีสันสดใส สร้างบรรยากาศที่งดงามและอบอุ่น

คำแนะนำสำหรับการท่องเที่ยว

ระยะเวลาที่เหมาะสม

  • 2-3 วัน: เหมาะสำหรับการเที่ยวชมสถานที่สำคัญในตัวเมือง
  • 4-5 วัน: สามารถเที่ยวได้ครบทั้งในเมืองและรอบนอก รวมถึง Huis Ten Bosch

ฤดูกาลที่ดีที่สุด

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): อากาศสบาย ดอกซากุระบาน
  • ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): อากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสี
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): เหมาะสำหรับการดูไฟฟ้าและกิจกรรมในร่ม

สิ่งที่ควรเตรียมตัว

  • รองเท้าที่สวมใส่สบายสำหรับการเดิน
  • เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ
  • กล้องถ่าย แต่ควรใช้ความระมัดระวังในพิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู
  • ใจเปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

ข้อควรระวัง

  • การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูต้องใช้ความเคารพและไม่เหมาะกับเด็กเล็ก
  • เกาะฮาชิมะอาจปิดทัวร์เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ควรตรวจสอบล่วงหน้า
  • ร้านอาหารขึ้นชื่อมักจะมีคิวยาว ควรไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สรุป

นางาซากิเป็นเมืองที่มีเสน่ห์หลากหลายด้าน ตั้งแต่ประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดแต่สร้างแรงบันดาลใจ วัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก ไปจนถึงอาหารท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนทัวร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะในภูมิภาคคิวชู การใส่นางาซากิไว้ในรายการท่องเที่ยวจะทำให้ได้ประสบการณ์ที่หลากหลายและประทับใจไม่รู้ลืม

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักประวัติศาสตร์ หลงใหลในความงามของธรรมชาติ หรือชื่นชอบการสำรวจอาหารท้องถิ่น นางาซากิก็มีสิ่งที่น่าสนใจรอคุณอยู่ การเดินทางมาที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยว แต่เป็นการเรียนรู้ ความเข้าใจ และการสร้างความทรงจำที่มีคุณค่าตลอดไป

ห้างอิออน (AEON) ญี่ปุ่น: คู่มือช้อปปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวไทย

ห้างอิออน (AEON) ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนแดนซากุระ หากคุณกำลังวางแผนทัวร์ญี่ปุ่น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเสน่ห์ของห้างอิออนที่ไม่ควรพลาด

ทำไมห้างอิออนถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว

ห้างอิออนไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้าธรรมดา แต่เป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่นที่แท้จริง ด้วยคอนเซ็ปต์ “One-Stop Shopping” ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร หรือแม้แต่การพักผ่อนหย่อนใจ

จุดเด่นที่ทำให้อิออนโดดเด่น

ความหลากหลายของสินค้า – ภายในห้างอิออนคุณจะพบกับสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง อุปกรณ์ใช้ในบ้าน ไปจนถึงของเล่นและสินค้าเด็ก ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและแบรนด์นานาชาติ

ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ – ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตของอิออนเป็นสวรรค์สำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่น มีทั้งผลไม้นำเข้าคุณภาพสูง ขนมและของฝากหลากหลาย รวมถึงอาหารสดใหม่ที่ผลิตในประเทศ

Food Court และร้านอาหาร – ฟู้ดคอร์ตของอิออนมีร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมและอาหารสากล เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลากหลายวัย

สาขาอิออนที่น่าสนใจสำหรับทัวร์ญี่ปุ่น

AEON Mall Makuhari Shintoshin (โตเกียว)

ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ เป็นหนึ่งในสาขาที่ใหญ่ที่สุด มีร้านค้ามากกว่า 300 ร้าน และเป็นสาขาแรกที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่พักในบริเวณโตเกียว

AEON Mall Rinku Sennan (โอซาก้า)

ตั้งอยู่ใกล้สนามบินคันไซ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการช้อปปิ้งก่อนกลับประเทศ หรือเป็นจุดแวะแรกหลังลงเครื่อง

AEON Mall Kyoto (เกียวโต)

ผสมผสานความทันสมัยกับเอกลักษณ์ของเกียวโต มีโซนพิเศษที่จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นและของที่ระลึกเฉพาะเกียวโต

เคล็ดลับการช้อปปิ้งที่อิออน

การใช้บัตรสมาชิก AEON Card

หากคุณวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นระยะยาว หรือเดินทางบ่อย ควรสมัครบัตร AEON Card เพื่อรับส่วนลดพิเศษและสะสมแต้ม โดยเฉพาะในวันที่ 20 และ 30 ของทุกเดือนที่มีส่วนลด 5%

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการช้อปปิ้ง

  • เช้าตรู่ (9:00-11:00): สินค้าสดใหม่และครบคลัง
  • ช่วงบ่าย (14:00-16:00): หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วน
  • ช่วงเย็น (19:00 เป็นต้นไป): สินค้าอาหารสดมักมีการลดราคา

สินค้าที่ควรซื้อเป็นของฝาก

  • เครื่องสำอางญี่ปุ่น: มีแบรนด์ดังมากมายในราคาที่ดีกว่าเมืองไทย
  • ขนมและของกินแห้ง: มีบรรจุภัณฑ์สวยงาม เหมาะเป็นของฝาก
  • เครื่องใช้ในบ้าน: สินค้าคุณภาพดีในราคาสมเหตุสมผล
  • เสื้อผ้าแฟชั่น: โดยเฉพาะเสื้อผ้าเด็กที่มีดีไซน์น่ารัก

บริการเสริมที่น่าสนใจ

Tax Free Shopping

ห้างอิออนส่วนใหญ่มีบริการคืนภาษี (Tax Free) สำหรับนักท่องเที่ยว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก เพียงแสดงหนังสือเดินทางและใช้จ่ายขั้นต่ำตามที่กำหนด

บริการแปลภาษา

หลายสาขามีพนักงานที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และมีป้ายบอกทางเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้นักท่องเที่ยวสะดวกในการเดินช้อป

พื้นที่พักผ่อน

มีโซนพักผ่อนสำหรับครอบครัว รวมถึงห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมและพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก

เปรียบเทียบกับห้างอื่นในญี่ปุ่น

เมื่อเทียบกับห้างสรรพสินค้าอื่นๆ เช่น อิเซตัน หรือ ทาคาชิมายะ ห้างอิออนมีจุดเด่นในเรื่องของความครบครันและราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ในขณะที่ห้างระดับไฮเอนด์อาจมีสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า แต่อิออนตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายและความคุ้มค่า

สรุป: ทำไมอิออนจึงเป็นจุดหมายที่ต้องไปในทุกทัวร์ญี่ปุ่น

ห้างอิออนไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่ให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ด้วยความหลากหลายของสินค้า บริการที่เป็นมิตร และสะดวกสบายในทุกด้าน ทำให้อิออนกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ขาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่น

หากคุณกำลังวางแผนทัวร์ญี่ปุ่น ครั้งต่อไป อย่าลืมเพิ่มห้างอิออนลงในรายการสถานที่ที่ต้องไป เพราะนอกจากจะได้ช้อปปิ้งแล้ว คุณยังจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่นที่แท้จริงอีกด้วย เมื่อคุณจองไปทัวร์ญี่ปุ่นกับ siamorchardgroup เราจะพาคุณไปเดินช้อปที่ห้างอิออน ให้อย่างเพลิดเพลินกันอย่างแน่นอน 🙂

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโยโกสุกะ: สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไม่พลาดในทัวร์ญี่ปุ่น

หากคุณกำลังวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น และชื่นชอบศิลปะวัฒนธรรมอันล้ำค่า พิพิธภัณฑ์ศิลปะโยโกสุกะ (Yokosuka Museum of Art) คือหนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกสุกะ จังหวัดคานากาว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะชั้นนำของญี่ปุ่นและนานาชาติ ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความประทับใจ

ทำความรู้จักพิพิธภัณฑ์ศิลปะโยโกสุกะ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโยโกสุกะเปิดตัวในปี 2007 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับธรรมชาติโดยรอบ ตัวอาคารออกแบบโดย คาซูโยะ เซจิมะ สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่ไม่เพียงเป็นแหล่งจัดแสดงศิลปะ แต่ยังเป็นแลนด์มาร์คสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด

  1. นิทรรศการศิลปะหลากหลายสไตล์

    • จัดแสดงทั้งศิลปะญี่ปุ่นดั้งเดิมและศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินระดับโลก

    • มีผลงานหมุนเวียนตลอดปี ทำให้ผู้มาเยือนใน ทัวร์ญี่ปุ่น แต่ละครั้งพบกับประสบการณ์ใหม่

  2. วิวทะเลและสวนสวยงาม

    • พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้อ่าวโยโกสุกะ มองเห็นวิวทะเลและทิวทัศน์อันงดงาม

    • บริเวณโดยรอบมีสวนสำหรับพักผ่อน เหมาะแก่การถ่ายรูปและชมบรรยากาศ

  3. กิจกรรมและเวิร์กช็อปศิลปะ

    • มีคลาสสอนวาดภาพและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้ที่สนใจ

ข้อมูลการเดินทาง

  • ที่ตั้ง: 4-1 Kamoi, Yokosuka, Kanagawa

  • เวลาเปิดทำการ: 10:00 – 18:00 (ปิดทุกวันจันทร์)

  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 400 – 1,000 เยน (ขึ้นอยู่กับนิทรรศการ)

เที่ยวโยโกสุกะในทัวร์ญี่ปุ่น

นอกจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแล้ว เมืองโยโกสุกะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ น่าสนใจ เช่น ป้อมปราการโยโกสุกะ และ ร้านราเมนชื่อดัง ที่ควรค่าแก่การแวะชม

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่าง ทัวร์ญี่ปุ่น ที่รวมศิลปะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน พิพิธภัณฑ์ศิลปะโยโกสุกะ คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ!

อย่าลืมเพิ่มสถานที่นี้ลงในแผนการเดินทาง แล้วคุณจะได้พบกับความงามที่เหนือกาลเวลาในดินแดนอาทิตย์อุทัย!

สัมผัสความงดงามแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด กับทัวร์ญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต

เมื่อพูดถึง ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี ต้องนึกถึง “ฮอกไกโด” ภูมิภาคเหนือสุดของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่ามีธรรมชาติสวยงามตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงที่ป่าเขาและสวนสาธารณะกลายเป็นภาพวาดสีแดง ส้ม และทอง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในโลก

5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในฮอกไกโด ที่ไม่ควรพลาด

  1. สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) – ศูนย์กลางความงามในซัปโปโร
    ใจกลางเมืองซัปโปโร สวนสาธารณะโอโดริจะเปลี่ยนเป็นทางเดินสีทองยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสะดวกสบาย แต่ยังอยากสัมผัสบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงแบบญี่ปุ่น แนะนำให้มาเยือนช่วง กลางถึงปลายตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุด

  2. ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) – ใบไม้เปลี่ยนสีคู่ภูเขาไฟ
    ทะเลสาบโทยะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของฮอกไกโด ที่นี่คุณจะได้เห็นใบเมเปิลและเบิร์ชเปลี่ยนสีสะท้อนกับผิวน้ำ พร้อมวิวภูเขาไฟสวยงาม หากมา ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี ควรแวะชมความงามรอบทะเลสาบและนั่งเรือชมวิวไปพร้อมกัน

  3. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) – แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่น
    ที่นี่คือจุดแรกๆ ของญี่ปุ่นที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ตั้งแต่ กลางเดือนกันยายน เป็นต้นไป ด้วยความสูงของพื้นที่ทำให้ใบไม้ค่อยๆ ลามจากยอดเขาลงสู่เชิงเขา เกิดเป็นภาพไล่โทนสีที่สวยงาม

  4. สวนสาธารณะโมเอะเรโนะมะ (Moerenuma Park) – ศิลปะกับธรรมชาติ
    ออกแบบโดยศิลปินชื่อดัง Isamu Noguchi สวนแห่งนี้ไม่เพียงมีภูมิทัศน์สมัยใหม่ แต่ในฤดูใบไม้ร่วงยังเต็มไปด้วยต้นไม้สีสันสดใส เหมาะสำหรับการปิกนิกและถ่ายภาพสไตล์มินิมอล

  5. ทางสายอิโรฮะซากะ (Irohazaka) – ถนนสายสีสันแห่งโทจิงิ
    แม้จะอยู่ใกล้กับนิกโก แต่ทางคดเคี้ยวสายนี้ก็เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับ ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะช่วง ตุลาคม-พฤศจิกายน ที่เส้นทางเต็มไปด้วยใบไม้แดงเหลืองราวกับภาพวาด

ช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด

ฮอกไกโดมีอากาศเย็นเร็วกว่าภูมิภาคอื่น ใบไม้จึงเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ กันยายนถึงพฤศจิกายน โดยเฉพาะ ตุลาคม เป็นเดือนที่สวยที่สุด การวางแผนทริปล่วงหน้าจะช่วยให้คุณไม่พลาดช่วงเวลาทองของธรรมชาติ

เที่ยวฮอกไกโดในฤดูใบไม้ร่วง กับประสบการณ์ที่มากกว่าการชมวิว

นอกจากชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ฮอกไกโดยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น

  • ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นอย่าง ซุปแกงกะหรี่ฮอกไกโด และ แซลมอนย่าง

  • แช่ออนเซ็นพร้อมวิวใบไม้แดงที่ โนโบริเบ็ตสึ

  • เที่ยวตลาดนินจินในซัปโปโรเพื่อซื้อของฝาก

สรุป

หากคุณกำลังมองหา “ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี” ที่สมบูรณ์แบบ ฮอกไกโด คือคำตอบ! ด้วยความหลากหลายของจุดชมวิวและกิจกรรมที่ผสมผสานวัฒนธรรมกับธรรมชาติ ทำให้การมาเยือนที่นี่ในฤดูใบไม้ร่วงเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

เตรียมกล้องและวางแผนทริป ทัวร์ญี่ปุ่น พร้อมแล้วออกไปสัมผัสความงามของฮอกไกโดกันเลยยยย!

สำรวจที่พักสุดพิเศษในจังหวัดยะมะนะชิ: คู่มือโรงแรมสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่น่าประทับใจ

จังหวัดยะมะนะชิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดินแดนแห่งภูเขาไฟฟูจิ” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนทัวร์ญี่ปุ่น ด้วยความงดงามของธรรมชาติ วิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม และแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียง การเลือกที่พักที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นที่น่าจดจำ

โรงแรมหรูระดับพรีเมียม

Fuji Marriott Hotel Lake Yamanaka โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบยะมะนะกะ มอบวิวภูเขาไฟฟูจิที่งดงามตลอด 24 ชั่วโมง ห้องพักทุกห้องได้รับการออกแบบอย่างประณีต ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราในทัวร์ญี่ปุ่นของตนเอง

Hotel Mt. Fuji โรงแรมบูติกที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแท้ ห้องพักแต่ละห้องมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน บริการสปาและน้ำพุร้อนธรรมชาติจะช่วยผ่อนคลายหลังจากวันเต็มไปด้วยกิจกรรมท่องเที่ยว

โรงแรมระดับกลางที่คุณภาพดี

Kawaguchiko Station Inn ตั้งอยู่ใกล้สถานีคาวะงุชิโกะ เดินทางสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ห้องพักสะอาด เจ้าหน้าที่ใจดี และมีร้านอาหารในโรงแรมที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่วางแผนทัวร์ญี่ปุ่นแบบประหยัด

Lake View Hotel โรงแรมที่มีชื่อเสียงในเรื่องของวิวทะเลสาบและบริการที่อบอุ่น ห้องพักส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทะเลสาบคาวะงุชิโกะ มีสวนญี่ปุ่นสวยงามและห้องอาหารที่เสิร์ฟอาหารพื้นเมืองยะมะนะชิ

ที่พักแบบดั้งเดิม (Ryokan)

Kozantei Ubuya เรียวกังระดับสูงที่ดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 150 ปี นำเสนอประสบการณ์การพักแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยห้องพักสไตล์วะชิทสึ น้ำพุร้อนส่วนตัว และอาหารไคเซกิหลากหลายเมนู การเข้าพักที่นี่จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในทัวร์ญี่ปุ่นของคุณ

Benifuji no Yu เรียวกังขนาดเล็กที่เน้นความเป็นส่วนตัวและบริการส่วนบุคคล มีน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้ขณะแช่น้ำร้อน อาหารเย็นและอาหารเช้าแบบดั้งเดิมจะทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

โรงแรมสำหรับครอบครัว

Resort Inn Fuji โรงแรมที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่เดินทางมาทัวร์ญี่ปุ่นพร้อมเด็ก มีห้องพักขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำ และกิจกรรมสำหรับเด็ก ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลักในจังหวัด

Family Lodge Kawaguchiko ที่พักแบบลอดจ์ที่มีบรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวใหญ่ มีห้องครัวส่วนกลางและพื้นที่นั่งเล่นร่วมกัน ราคาเป็นมิตรและให้ความรู้สึกเหมือนบ้านหลังที่สอง

เคล็ดลับในการเลือกที่พัก

ช่วงเวลาที่เหมาะสม หากคุณวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (กันยายน-พฤศจิกายน) ควรจองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด

การเดินทาง เลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีหรือมีบริการรถรับส่งเพื่อความสะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้เช่ารถสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้

ประสบการณ์ท้องถิ่น หลายโรงแรมในยะมะนะชิเสนอแพ็คเกจพิเศษ เช่น การชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาไฟฟูจิ การเก็บผลไม้ตามฤดูกาล หรือการเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับการเดินทางของคุณ

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรมี

เมื่อเลือกที่พักสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นในยะมะนะชิ ให้ใส่ใจกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น Wi-Fi ฟรี บริการซักรีด น้ำพุร้อน และร้านอาหารในโรงแรม หากคุณมีข้อจำกัดด้านอาหาร ควรแจ้งโรงแรมล่วงหน้าเพื่อให้สามารถเตรียมอาหารที่เหมาะสมได้

สรุป

จังหวัดยะมะนะชิมีตัวเลือกที่พักหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่โรงแรมหรูหราไปจนถึงเรียวกังแบบดั้งเดิม แต่ละที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกที่พักที่เหมาะสมจะช่วยให้ทัวร์ญี่ปุ่นของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและคุ้มค่า อย่าลืมจองล่วงหน้าและศึกษาข้อมูลที่พักให้ดีก่อนการเดินทาง เพื่อให้ได้ที่พักที่ตรงใจและเหมาะกับงบประมาณของคุณมากที่สุด

คู่มือเที่ยวญี่ปุ่น: แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่ไม่ควรพลาด

ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย ทำให้การเที่ยวญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร มาร่วมสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่จะทำให้การเดินทางของคุณน่าจดจำ

โตเกียว: หัวใจแห่งความทันสมัย

โตเกียวถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก เขตชิบูยา (Shibuya) พร้อมสี่แยกที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และย่านฮาราจุกุ (Harajuku) ที่เต็มไปด้วยแฟชั่นแปลกตา รวมถึงตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji) ที่จะให้คุณได้ลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ

สถานที่ที่ไม่ควรพลาดในโตเกียว:

  • วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ในย่านอาซากุสะ
  • หอคอยโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)
  • สวน Ueno และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
  • ตลาดอาเมโยโก (Ameyoko Market)

เกียวโต: เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมดั้งเดิม

เกียวโตเป็นอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้อย่างสมบูรณ์ การเที่ยวญี่ปุ่นไม่สมบูรณ์หากไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์ในเกียวโต ที่นี่มีวัดและศาลเจ้ามากกว่า 2,000 แห่ง

ไฮไลท์ของเกียวโต:

  • ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Grove)
  • วัดคิโยมิซุ-เดระ (Kiyomizu-dera)
  • ย่านเก-อิชา กิออน (Gion District)
  • ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
  • เนินเขาฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari)

โอซาก้า: สวรรค์แห่งอาหาร

โอซาก้าขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมอาหารจนได้รับการขนานนามว่า “ครัวของญี่ปุ่น” สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหาร การเที่ยวญี่ปุ่นที่โอซาก้าจะเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นทาโกยากิ (Takoyaki) โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) หรือ คุชิคัทสึ (Kushikatsu)

จุดท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า:

  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
  • ย่าน Dotonbori และป้ายนีออนที่มีชื่อเสียง
  • Universal Studios Japan
  • ตลาด Kuromon Ichiba

ฮิโรชิม่า: บทเรียนแห่งประวัติศาสตร์

ฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง การเที่ยวญี่ปุ่นที่ฮิโรชิม่าจะทำให้คุณได้เรียนรู้เรื่องราวสำคัญของโลก พิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิม่าเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้และความซึ้งใจ

สถานที่สำคัญในฮิโรชิม่า:

  • อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า
  • เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) และประตูโทริอิ (Torii Gate) อันโด่งดัง
  • สวนชูกะกุเอ็น (Shukkei-en Garden)

นิกโก: ธรรมชาติและมรดกโลก

นิกโกตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิงิ เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก การเที่ยวญี่ปุ่นที่นิกโกจะทำให้คุณได้สัมผัสทั้งความงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมอันวิจิตร

จุดเด่นของนิกโก:

  • ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
  • น้ำตกเคโงง (Kegon Falls)
  • ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)
  • สะพานชินเค (Shinkyo Bridge)

ฟุกุโอกะ: ประตูสู่เกาะคิวชู

ฟุกุโอกะเป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญของเกาะคิวชู ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการสำรวจภาคใต้ของญี่ปุ่น การเที่ยวญี่ปุ่นที่ฟุกุโอกะจะได้สัมผัสวิถีชีวิตที่ผ่อนคลายกว่าเมืองใหญ่อื่นๆ

ไฮไลท์ของฟุกุโอกะ:

  • ศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine)
  • ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle)
  • เขตคานาล ซิตี้ ฮะกะตะ (Canal City Hakata)
  • แผงลอยยาไต (Yatai Street Food Stalls)

เซ็นได: เมืองแห่งป่าไผ่

เซ็นดายเป็นเมืองหลักของภูมิภาคโทโฮกุ ที่ได้รับฉายานาม “เมืองแห่งป่าไผ่” การเที่ยวญี่ปุ่นที่เซ็นดายจะพาคุณไปสัมผัสธรรมชาติอันงดงามและประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ

สถานที่น่าเยือนในเซ็นได:

  • ปราสาทอะโอบะ (Aoba Castle)
  • วัดซุยโฮเด็น (Zuihoden Mausoleum)
  • หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge)

ทิปส์การเที่ยวญี่ปุ่น

การคมนาคม

JR Pass เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นหลายเมือง รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) จะพาคุณเดินทางระหว่างเมืองใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย

ฤดูกาลที่เหมาะสม

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): ช่วงซากุระบาน ภูมิอากาศสบาย
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): อากาศร้อนชื้น เหมาะกับเทศกาลต่างๆ
  • ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): หิมะตก เหมาะสำหรับกิจกรรมฤดูหนาว

วัฒนธรรมและมารยาท

การเรียนรู้มารยาทพื้นฐานจะทำให้การเที่ยวญี่ปุ่นของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น การโค้งคำนับ การถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน การไม่กินอาหารขณะเดิน และการเงียบในรถไฟสาธารณะ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง

สรุป

ประเทศญี่ปุ่นเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าประทับใจ ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบความทันสมัยของโตเกียว ความคลาสสิกของเกียวโต หรือความอร่อยของโอซาก้า การเที่ยวญี่ปุ่นจะมอบความทรงจำที่ดีให้กับคุณแน่นอน

การวางแผนล่วงหน้าและการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การเที่ยวญี่ปุ่นที่คุ้มค่าและประทับใจที่สุด เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผจญภัยในดินแดนแห่งซากุระและซูชิ!

ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี: สัมผัสความงามแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่คุณไม่ควรพลาด

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสุนทรีย์และความประทับใจ ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ! ฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นถือเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดช่วงหนึ่งของปี โดยเฉพาะเมื่อธรรมชาติเปลี่ยนสีสันของใบไม้จากสีเขียวสดเป็นสีแดง สีส้ม และสีทองสะท้อนกับแสงอาทิตย์ จนได้ฉายาว่า “โมมิจิ” (紅葉)

ทำไมต้องไป ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี?

  1. ความงามระดับโลก – ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการชมใบไม้เปลี่ยนสี โดยมีจุดหมายดังๆ เช่น เกียวโต, นิกโก, ฮอกไกโด และภูเขาไฟฟูจิ ที่กลายเป็นภาพจำของฤดูนี้

  2. วัฒนธรรมและเทศกาล – นอกจากการชมธรรมชาติแล้ว ยังมีเทศกาลและอาหารประจำฤดู เช่น โมมิจิ tempura (ทอดใบเมเปิ้ล) และชมพระอาทิตย์ตกพร้อมแสงสีเหลืองทองของใบไม้

  3. อากาศเย็นสบาย – ฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นมีอากาศเย็นกำลังดี เหมาะสำหรับการเดินท่องเที่ยวแบบชิลๆ

5 สถานที่ต้องไปใน ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี

  1. เกียวโต – โดยเฉพาะ วัดคิโยมิซุ และทางเดินป่าฮิเอะยามะ ที่กลายเป็นอุโมงค์ใบไม้แดง

  2. นิกโก – มรดกโลกอย่าง ศาลเจ้าโทโชกู ที่แวดล้อมด้วยภูเขาและทะเลสาบสีสันสดใส

  3. ฮอกไกโด – สวนสาธารณะโอะโดะริ ในซัปโปโร และ ทะเลสาบโทยะ ที่ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่น

  4. ภูเขาไฟฟูจิ – ชมใบไม้แดงคู่กับภูเขาไฟฟูจิที่ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ

  5. โตเกียว – สวนริกูกิเอ็ง และย่านชินจูกุเกียวเอ็น ที่มีบรรยากาศสวยงามแม้อยู่ในเมืองใหญ่

ข้อแนะนำสำหรับ ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี

  • ช่วงเวลาเหมาะสม : ใบไม้เปลี่ยนสีในแต่ละพื้นที่ต่างกัน โดยฮอกไกโดจะเริ่มประมาณ กันยายน-ตุลาคม ส่วนเกียวโตและโตเกียวคือ พฤศจิกายน

  • เตรียมตัวให้พร้อม : อากาศเย็นแต่แห้ง ควรพักผ่อนให้เพียงพอและเตรียมเครื่องกันหนาว

  • จองล่วงหน้า : เป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ควรจองที่พักและตั๋วล่วงหน้า

สรุป

ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี ไม่เพียงให้คุณได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังได้สัมผัสวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของญี่ปุ่นในฤดูที่โรแมนติกที่สุด หากคุณรักการถ่ายภาพหรือต้องการพักผ่อนในบรรยากาศสงบ การเดินทางครั้งนี้จะทิ้งความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน!

ทัวร์ญี่ปุ่น นั่งเรือชมวังน้ำวนนารูโตะ สุดยอดประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด!

หากคุณกำลังวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น และมองหาประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น การนั่งเรือชม วังน้ำวนนารูโตะ (Naruto Whirlpools) คือหนึ่งในไฮไลท์ที่คุณไม่ควรพลาด! วังน้ำวนแห่งนี้เกิดขึ้นจากกระแสน้ำแรงในช่องแคบนารูโตะ จังหวัดโทคุชิมะ และเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่โด่งดังไปทั่วโลก

ทำไมต้องไปนั่งเรือชมวังน้ำวนนารูโตะ?

  1. ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ – วังน้ำวนนารูโตะเกิดจากการไหลชนกันของกระแสน้ำในช่องแคบ ทำให้เกิดน้ำวนขนาดใหญ่ บางครั้งมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างถึง 20 เมตร!

  2. เหมาะกับทุกฤดูกาล – แม้ว่าวังน้ำวนจะเกิดขึ้นตลอดปี แต่ช่วงที่น้ำวนมีความสวยงามที่สุดคือ ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง เนื่องจากกระแสน้ำขึ้น-ลงมีความแตกต่างสูง

  3. กิจกรรมท่องเที่ยวใกล้เคียง – นอกจากนั่งเรือชมน้ำวนแล้ว ยังสามารถแวะชม สะพานโอเนารูโตะ และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติอันน่าทึ่งนี้

วิธีเดินทางไปชมวังน้ำวนนารูโตะ

การเดินทางไปยังจุดชมวังน้ำวนนารูโตะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา ทัวร์ญี่ปุ่น แบบอิสระหรือทัวร์แบบจัดกรุ๊ป โดยสามารถเดินทางจากเมืองใหญ่ๆ ดังนี้:

  • จากโตเกียว: นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปยังเมืองโทคุชิมะ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง

  • จากโอซาก้า: นั่งรถไฟหรือรถบัสไปยังโทคุชิมะ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

เมื่อถึงโทคุชิมะแล้ว สามารถต่อรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังท่าเรือเพื่อขึ้นเรือชมวังน้ำวนได้

ประสบการณ์นั่งเรือชมวังน้ำวน

เรือสำหรับชมวังน้ำวนมีหลายแบบ ทั้งเรือขนาดใหญ่และเรือสปีดโบ๊ท ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นเต้นแตกต่างกัน:

  • เรือขนาดใหญ่ (Whirlpool Cruise): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสบาย มีพื้นที่ให้เดินชมวิวและถ่ายรูป

  • เรือสปีดโบ๊ท: สำหรับคนชอบความเร็วและความตื่นเต้น เรือจะพาคุณเข้าใกล้วังน้ำวนมากขึ้น

เทคนิคการถ่ายรูปวังน้ำวนให้สวย

  • ใช้กล้องหรือโทรศัพท์ที่มีโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง เพื่อเก็บภาพน้ำวนที่เคลื่อนไหว

  • ถ่ายจากมุมสูงบนเรือเพื่อให้เห็นความกว้างของวังน้ำวน

  • เลือกช่วงเวลาที่น้ำวนมีพลังมากที่สุด (เช้าหรือบ่าย)

รวมทัวร์ญี่ปุ่นกับวังน้ำวนนารูโตะในโปรแกรม

หากคุณวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น แบบครบวงจร ควรรวมการชมวังน้ำวนนารูโตะไว้ในเส้นทางท่องเที่ยวชิโกกุ หรือผสมผสานกับการเที่ยวเมืองใกล้เคียง เช่น ทักโกะจิ (สวนญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม) หรือเมืองมatsuyamaในจังหวัดเอฮิเมะ

สรุป

การนั่งเรือชม วังน้ำวนนารูโตะ เป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาดสำหรับผู้ที่มา ทัวร์ญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะได้เห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งแล้ว ยังได้สัมผัสความสวยงามของท้องทะเลและวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดโทคุชิมะอีกด้วย

อย่าลืมเช็กตารางเวลาการเกิดน้ำวนล่วงหน้า และเตรียมกล้องถ่ายรูปให้พร้อม เพื่อเก็บภาพความประทับใจนี้กลับบ้าน!

สวนสัตว์อาชาฮียาม่า สวรรค์แห่งการเรียนรู้สัตว์ในทัวร์ญี่ปุ่น

หากเพื่อน ๆ กำลังวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น และชื่นชอบการสัมผัสธรรมชาติกับสัตว์นานาชนิด สวนสัตว์อาชาฮียาม่า (Asahiyama Zoo) ในฮอกไกโดคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! สวนสัตว์แห่งนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง แต่ยังมีประวัติและแนวคิดการจัดแสดงสัตว์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์

สวนสัตว์อาชาฮียาม่า

ประวัติความเป็นมาของสวนสัตว์อาชาฮียาม่า

สวนสัตว์อาชาฮียาม่าเปิดตัวครั้งแรกในปี 1967 ตั้งอยู่ในเมืองอาชาฮิคาวะ จังหวัดฮอกไกโด เริ่มแรกเป็นสวนสัตว์ขนาดเล็กที่ประสบปัญหาด้านการเงินและการดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ในปี 1990 สวนสัตว์แห่งนี้ได้ปฏิรูปแนวคิดการจัดแสดงสัตว์โดยเน้น “การแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์” (Behavioral Exhibits) ทำให้กลายเป็นสวนสัตว์แนวหน้าของญี่ปุ่น

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการออกแบบพื้นที่ให้สัตว์ได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ และนักท่องเที่ยวสามารถสังเกตพวกมันจากมุมมองใกล้ชิด เช่น

  • อุโมงค์เพนกวิน ที่ให้คุณเดินลอดใต้พื้นน้ำชมเพนกวินว่ายน้ำ เพลิดเพลินมากๆ

  • กรงนกที่สูงใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าธรรมชาติที่หาดูได้ยาก

  • พื้นที่หมีขั้วโลก ที่ออกแบบให้เห็นการดำน้ำของหมีอย่างชัดเจนตื่นตาตื่นใจแน่นอน

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดในทัวร์ญี่ปุ่น

การมาเยือนสวนสัตว์อาชาฮียาม่าใน ทัวร์ญี่ปุ่น จะทำให้คุณได้พบกับอะไรบ้างไปดูกันเลย :

  1. เพนกวินเดินขบวน (เฉพาะฤดูหนาว) – หนึ่งในกิจกรรมโด่งดังที่สุดของที่นี่

  2. หมีขั้วโลกและสัตว์เขตหนาว – สัมผัสชีวิตสัตว์ในสภาพอากาศใกล้เคียงกับถิ่นกำเนิด

  3. โซนสัตว์ป่าญี่ปุ่น – เช่น หมาป่า เม่น และนกท้องถิ่น

การเดินทางในทัวร์ญี่ปุ่น

สวนสัตว์ตั้งอยู่ใน ฮอกไกโด การเดินทางสะดวกโดยรถไฟจาก สถานีอาชาฮิคาวะ หรือรวมในโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นแบบครบวงจร อยากไปเที่ยวแล้วใช่ไหมล่ะ ให้ทัวร์เราพาไปเพื่อนๆ ไปรับรองว่าประทับใจแน่นอนนน!

ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวหน้าร้อนหรือฤดูหนาว สวนสัตว์อาชาฮียาม่าจะมอบประสบการณ์ท่อ เที่ยวญี่ปุ่นที่แตกต่าง และเป็นจุดหมายเหมาะสำหรับครอบครัวหรือผู้รักธรรมชาติ!

หากคุณชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติใน ทัวร์ญี่ปุ่น อย่าลืมเพิ่มสวนสัตว์อาชาฮียาม่าเข้าในลิสต์ของคุณนะครับ! 🐧❄️

พิธีชงชาญี่ปุ่น – ศิลปะแห่งการดื่มชาที่ควรสัมผัสในทัวร์ญี่ปุ่น

การเดินทางใน ทัวร์ญี่ปุ่น ไม่ได้มีดีแค่การชมซากุระหรือนั่งชิงกันเซ็น แต่ยังมีวัฒนธรรมอันลึกซึ้งที่รอให้คุณได้สัมผัส และหนึ่งในนั้นคือ พิธีชงชาญี่ปุ่น หรือ ซาโด (茶道) ที่สะท้อนจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นผ่านการเสิร์ฟชาเขียวอย่างประณีต

พิธีชงชา: มากกว่าการดื่มชาธรรมดา

พิธีชงชาญี่ปุ่นมีรากฐานมาจากพุทธศาสนานิกายเซน และพัฒนามาเป็นศิลปะที่เน้นความเรียบง่าย สมดุล และความสงบ ทุกขั้นตอนล้วนมีความหมาย ตั้งแต่การเตรียมอุปกรณ์ การตีชา (มัทฉะ) ไปจนถึงวิธีการรับถ้วยชาที่แสดงความเคารพ

หากคุณไป ทัวร์ญี่ปุ่น การเข้าร่วมพิธีชงชาเป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาด โดยเฉพาะที่เมืองเก่าเช่น เกียวโต หรือ คะนะซาวะ ซึ่งยังคงรักษาวิธีการดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์

ขั้นตอนสำคัญในพิธีชงชาญี่ปุ่น

  1. การเตรียมตัว (準備 – Junbi)
    เจ้าบ้านจะจัดเตรียมห้องชงชาอย่างพิถีพิถัน โดยใช้เครื่องใช้เช่น *ถ้วยชา (茶碗 – Chawan)*, *ที่ตีชา (茶筅 – Chasen)* และ *ช้อนตักชา (茶杓 – Chashaku)*

  2. การทำความเคารพ (お辞儀 – Ojigi)
    ก่อนเริ่มพิธี ทั้งเจ้าบ้านและแขกจะโค้งคำนับเพื่อแสดงความนับถือ

  3. การชงชา (点前 – Temae)
    ชาเขียวผง (มัทฉะ) จะถูกตีจนเป็นฟองละเอียดด้วยน้ำอุ่น โดยทุกการเคลื่อนไหวต้องทำอย่างสง่างาม

  4. การเสิร์ฟและรับชา (お茶をいただく – Ocha wo itadaku)
    แขกจะรับถ้วยชาด้วยมือขวา วางบนฝ่ามือซ้าย แล้วหมุนถ้วยเล็กน้อยก่อนดื่ม เพื่อแสดงความขอบคุณ

ที่ไหนในญี่ปุ่นที่ควรลองพิธีชงชา?

  • เกียวโต: ศูนย์กลางวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีโรงเรียนสอนชงชามากมาย เช่น อุราซังเกะ (裏千家)

  • คะนะซาวะ: เมืองแห่งวัฒนธรรมซามูไร ที่นี่มีห้องชงชาแบบดั้งเดิมในสวน เคนโรกุเอ็น

  • โตเกียว: สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวก สามารถลองพิธีชงชาแบบย่อที่ อาคารวัฒนธรรมในโตเกียว

หากคุณวางแผนไป ทัวร์ญี่ปุ่น ลองจัดเวลาเพื่อสัมผัสพิธีชงชาแบบเต็มรูปแบบ หรือแม้แต่เวิร์กช็อปสั้นๆ ที่ให้คุณได้ลองชงชาด้วยตัวเอง

สรุป

พิธีชงชาญี่ปุ่นไม่ใช่แค่การดื่มชา แต่คือการเข้าถึงปรัชญาและวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น การได้ร่วมพิธีนี้ใน ทัวร์ญี่ปุ่น จะทำให้คุณเข้าใจวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของประเทศนี้มากขึ้น และอาจกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ประทับใจที่สุดในการเดินทางครั้งนี้

หากคุณสนใจทัวร์ที่รวมประสบการณ์วัฒนธรรมเช่นนี้ อย่าลืมเลือกแพ็กเกจ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่มีกิจกรรมพิเศษเช่นพิธีชงชา หรือติดต่อสอบถามเราได้เลยนะคะ เพื่อการเดินทางที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านความสนุกและความรู้การทัวร์ญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น นาโกย่า เมืองแห่งวัฒนธรรมและนวัตกรรม

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมเพื่อไป ทัวร์ญี่ปุ่น เมืองที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย นาโกย่า (Nagoya) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาด! เมืองใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาหารเลิศรส และประสบการณ์การเดินทางที่ลงตัววันนี้เราขอแนะนำจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจไปดูกันเลยจ้า

1. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)

ไฮไลต์ของทัวร์ญี่ปุ่นในนาโกย่า ต้องเริ่มที่ ปราสาทนาโกย่า สัญลักษณ์สำคัญของเมือง สร้างในปี 1612 โดยโชกุนโตกุงาวะ อิเอยาซุ ปราสาทสีทองสวยงามนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแคว้นโอวาริ

แนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อชมซากุระบานรอบปราสาท และอย่าพลาดชม คินชาจิ (Kinshachi) หรือรูปปั้นปลาทองคำบนยอดปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง


2. ศาลเจ้าแอตสึตะ (Atsuta Jingu)

ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์อายุเก่าแก่กว่า 1,900 ปี เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าภรรจุ ดาบศักดิ์สิทธิ์ Kusanagi-no-Tsurugi หนึ่งในสามสมบัติแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น

เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบ และต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม บริเวณรอบศาลเจ้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง


3. พิพิธภัณฑ์รถไฟ JR SCMAGLEV

หากคุณเป็นคนชอบเทคโนโลยี ทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ต้องไม่พลาดที่นี่! พิพิธภัณฑ์นี้จัดแสดง ประวัติศาสตร์รถไฟญี่ปุ่น และนวัตกรรมรถไฟความเร็วสูง ชินคันเซน รวมถึง รถไฟแม็กเลฟ (Maglev) ที่ทำความเร็วได้กว่า 500 กม./ชม.

เหมาะสำหรับครอบครัว เพราะมีโซนให้เด็กๆ ได้ลองขับรถไฟจำลอง และเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสนุกๆ


4. ย่านซาคาเอะ (Sakae) & หอคอยนาโกย่า TV Tower

ย่านช้อปปิ้งและความบันเทิงใจกลางเมืองนาโกย่า ที่นี่มีทั้ง ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า คาเฟ่เก๋ๆ และแหล่ง夜生活

หอคอยนาโกย่า TV Tower เป็นหอคอยเก่าแก่ที่เปิดให้ขึ้นไปชมวิวเมืองแบบพาโนรามา แนะนำให้มาเวลากลางคืน เพราะจะเห็นเมืองสว่างไสวสวยงามมาก


5. โอสุ คันนอน (Osu Kannon) & ย่านช้อปปิ้งโอสุ

วัดโบราณที่ผสมผสานกับย่านช้อปปิ้งสุดคึกคัก โอสุ คันนอน เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในนาโกย่า ส่วน ย่านโอสุ จะคล้ายกับ อากิฮาบาระ แต่มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่า มีทั้งร้านขายสินค้ามือสอง ร้านคาเฟ่แนวออโตะเมะ และอาหารท้องถิ่น

ต้องลอง:

  • เมนูเทโบะชิ (Tebasaki) ปีกไก่ทอดสูตรนาโกย่า
  • คิชิเมน (Kishimen) เส้นอุด้งแบนๆ สไตล์นาโกย่า

สรุป

นาโกย่า เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัส ทัวร์ญี่ปุ่นแบบครบรส ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และอาหารอร่อย หากคุณวางแผนมาเที่ยวญี่ปุ่น  นาโกย่า ต้องอยู่เมืองที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้งเช่นกัน!

✈️ เริ่มวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นวันนี้ แล้วมาสัมผัสเสน่ห์ของนาโกย่าด้วยตัวเองรับรองว่าคุณจะประทับใจแน่นอน แล้วพบกันนะคะ

เที่ยวญี่ปุ่น สัมผัสเสน่ห์แดนอาทิตย์อุทัย หลากรส หลายสไตล์ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!

ญี่ปุ่น… เพียงแค่ได้ยินชื่อก็เหมือนมีมนต์ขลังดึงดูดให้ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต ดินแดนที่ผสมผสานความล้ำสมัยเข้ากับวัฒนธรรมเก่าแก่ได้อย่างลงตัว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ไปเยือนญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะเป็นสายชิลล์ สายกิน สายช้อป หรือสายผจญภัย ญี่ปุ่นก็มีทุกสิ่งให้คุณได้สัมผัสและประทับใจอย่างแน่นอน

การวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น นั้นสำคัญมาก เพราะแต่ละฤดูกาลก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป หากคุณชอบบรรยากาศโรแมนติกของดอกซากุระบานสะพรั่ง ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด หรือถ้าอยากสัมผัสอากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามทั่วประเทศ ช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายนก็เป็นอีกช่วงที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีเทศกาลและงานเฉลิมฉลองต่างๆ มากมายตลอดทั้งปี ลองศึกษาและเลือกช่วงเวลาที่ตรงกับความสนใจของคุณดูสิ

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว เที่ยวญี่ปุ่น ก็มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสันอย่างโตเกียว ที่คุณจะได้พบกับเทคโนโลยีสุดล้ำ แฟชั่นทันสมัย ร้านอาหารอร่อยๆ และแหล่งช้อปปิ้งหลากหลาย ไปจนถึงเมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามและธรรมชาติอันงดงามอย่างเกียวโต ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม นอกจากนี้ เมืองใหญ่อื่นๆ อย่างโอซาก้าที่มีชื่อเสียงเรื่องอาหารอร่อยๆ และปราสาทที่ยิ่งใหญ่ หรือฮอกไกโดที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และอาหารทะเลสดใหม่ ก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการ เที่ยวญี่ปุ่น

การเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่น ก็สะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งด้วยความเร็วสูง เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ หรือรถไฟใต้ดินและรถโดยสารประจำทางในเมืองใหญ่ ทำให้คุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การมี Japan Rail Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟเป็นหลัก

สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อ เที่ยวญี่ปุ่น คือการได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นหลากหลายชนิด ตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ ราเม็ง เทมปุระ ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ละภูมิภาคก็มีอาหารท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป การได้ลองชิมอาหารอร่อยๆ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สำคัญที่จะทำให้ทริป เที่ยวญี่ปุ่น ของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

สำหรับนักช้อป การ เที่ยวญี่ปุ่น ก็เหมือนสวรรค์ เพราะมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ ตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสินค้าพื้นเมืองและของฝากน่ารักๆ ย่านช้อปปิ้งชื่อดังอย่างชินจูกุ ชิบูย่าในโตเกียว หรือโดทงโบริในโอซาก้า จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าจนลืมเวลา

ไม่ว่าคุณจะวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น ในรูปแบบไหน การได้สัมผัสวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ การได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ การได้ลิ้มรสอาหารอร่อยๆ และการได้พบปะผู้คนที่เป็นมิตร จะสร้างความทรงจำอันแสนประทับใจให้กับคุณอย่างแน่นอน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกไปสัมผัสเสน่ห์ของแดนอาทิตย์อุทัยด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะหลงรักการ เที่ยวญี่ปุ่น อย่างแน่นอน!

แน่นอนครับ สำหรับแผน เที่ยวญี่ปุ่น 2025 นี่คือ 5 สถานที่ที่กำลังได้รับความนิยมและน่าสนใจเป็นพิเศษครับ:

  1. TeamLab Borderless Tokyo (Reopening 2024/2025): หลังจากปิดตัวลงใน Odaiba ไปเมื่อปี 2022 แฟนๆ ของ TeamLab กำลังตั้งตารอคอยการกลับมาของนิทรรศการดิจิทัลอาร์ต immersive อันโด่งดังนี้ในโตเกียวอีกครั้ง แม้จะยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่คาดการณ์ว่าจะกลับมาเปิดตัวอีกครั้งในช่วงปี 2024 หรือต้นปี 2025 ด้วยคอนเซ็ปต์และประสบการณ์ที่น่าจะยิ่งตื่นตาตื่นใจกว่าเดิม ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะล้ำสมัยและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ห้ามพลาดที่จะติดตามข่าวสารและวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น 2025 เพื่อไปสัมผัส TeamLab Borderless โฉมใหม่นี้ครับ

  2. Immersive Fort Tokyo: สวนสนุกในร่มแห่งใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวใน Odaiba เมื่อเดือนมีนาคม 2024 นี้เอง แต่ด้วยคอนเซ็ปต์ “Immersive Theatre” ที่นำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงสุดอลังการ ทำให้กลายเป็นที่ฮือฮาและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ผู้เข้าชมจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไขปริศนาคดีฆาตกรรม ไล่ล่าผี หรือผจญภัยในโลกแฟนตาซี ด้วยเทคโนโลยี แสง สี เสียง และนักแสดงมืออาชีพ ทำให้การ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 ของคุณเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและแปลกใหม่

  3. Shibuya Sky (Tokyo): ถึงแม้จะเปิดตัวมาได้สักพักแล้ว แต่ Shibuya Sky ยังคงเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยทัศนียภาพแบบพาโนรามา 360 องศาของโตเกียว โดยเฉพาะวิว Shibuya Scramble Crossing ที่โด่งดัง ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดสำหรับการ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องส่องสว่างสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีโซน Outdoor Observation Deck ที่ให้คุณได้สัมผัสลมเย็นๆ และถ่ายรูปสุดประทับใจ

  4. The Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter: สำหรับแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ การ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 จะพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการไปเยือน Studio Tour แห่งนี้ ที่เปิดตัวในปี 2023 ตั้งอยู่ใน Nerima Ward โตเกียว ที่นี่คุณจะได้เดินชมฉากต่างๆ จากภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างใกล้ชิด พบกับอุปกรณ์ประกอบฉาก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และเรียนรู้เทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ใช้ในการถ่ายทำ เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและดื่มด่ำสำหรับทุกคนที่ชื่นชอบโลกเวทมนตร์

  5. พื้นที่ธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งในภูมิภาคต่างๆ: นอกเหนือจากเมืองใหญ่แล้ว ในปี 2025 เทรนด์การท่องเที่ยวที่เน้นธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งน่าจะยังคงได้รับความนิยม ญี่ปุ่นมีอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม ภูเขาไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทะเลสาบที่เงียบสงบ และเส้นทางเดินป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปีนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน การชมใบไม้เปลี่ยนสีในหุบเขาคามิโคจิ หรือการเล่นสกีในฮอกไกโด การ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 โดยเน้นไปที่การสัมผัสธรรมชาติก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง

หวังว่า 5 สถานที่แนะนำนี้จะเป็นไอเดียเพิ่มเติมสำหรับแผนการ เที่ยวญี่ปุ่น 2025 ของคุณนะครับ อย่าลืมติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนานครับ!

ทัวร์ญี่ปุ่น ฮาโกดาเตะ เที่ยวสนุก แนะนำที่เที่ยวสุดปัง!

หากคุณกำลังมองหา ทัวร์ญี่ปุ่น ที่ผสมผสานความคลาสสิกกับความสวยงามของธรรมชาติ ฮาโกดาเตะ (Hakodate) คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! เมืองท่าสุดชิคทางตอนใต้ของฮอกไกโดแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อาหารอร่อย และบรรยากาศโรแมนติก วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจ ที่เที่ยวฮาโกดาเตะ ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไป ทัวร์ญี่ปุ่น แบบจัดเต็ม!


1. ย่านคันโนะอิ (Kanemori Red Brick Warehouse)

แหล่งช้อปปิ้งและของฝากสุดฮิตของฮาโกดาเตะ! ย่านโกดังสีแดงเก่าแก่นี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง แนะนำให้มาเดินเล่นช่วงเย็นเพื่อสัมผัสบรรยากาศย้อนยุค พร้อมชิมของอร่อยเช่น ไอศกรีมนมฮอกไกโด และ เบียร์ท้องถิ่น


2. จุดชมวิวยามค่ำคืนบนภูเขาเฮะโกะดาเตะ (Mount Hakodate)

หนึ่งใน 3 จุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น! การขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดเขาเพื่อชมวิวเมืองที่สว่างไสวเป็นประสบการณ์ที่คุณต้องลองเมื่อมา ทัวร์ญี่ปุ่น ฮาโกดาเตะ แนะนำให้มาใกล้ค่ำเพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ตกและแสงไฟที่ค่อยๆ สว่างขึ้น


3. ตลาด早朝函館朝市 (Hakodate Morning Market)

ตลาดสดชื่อดังที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่ โดยเฉพาะ ปูทะเล และ หอยลายยักษ์ แนะนำให้มาทานข้าวเช้าที่นี่กับข้าวปั้นหน้าปู (Kaisendon) หรือลองลุ้นจับปลาหมึกสดแล้วให้เชฟทำเป็นซาชิมิให้ทานทันที!


4. ป้อมโกะเรียวคะคุ (Goryokaku Fort)

ป้อมรูปดาว 5 แฉกที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่น ในฤดูใบไม้ผลิจะกลายเป็นจุดชม ซากุระ ที่สวยงาม ส่วนในฤดูหนาวก็มีการประดับไฟวิเศษ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮาโกดาเตะ


5. โมโมโนะคังบังไค (Motomachi District)

ย่านสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เต็มไปด้วยโบสถ์สไตล์ยุโรปและบ้านเรือนเก่าแก่สวยๆ แนะนำให้เดินเล่นชมบรรยากาศแบบชิลๆ และถ่ายรูปสวยๆ โดยเฉพาะที่ Old Public Hall of Hakodate Ward


6. ออนเซ็นยูนางิ (Yunokawa Onsen)

หากอยากผ่อนคลายหลังท่องเที่ยวมาทั้งวัน ยูนางาวะ ออนเซ็น คือแหล่งน้ำพุร้อนใกล้ตัวเมืองฮาโกดาเตะ ที่นี่มีทั้งโรงแรมและรีสอร์ทให้เลือกพัก แช่น้ำอุ่นพร้อมวิวธรรมชาติสุดฟิน


สรุป

ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบ ทัวร์ญี่ปุ่น แบบชิลๆ มีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารเลิศรส ไม่ว่าจะเป็นวิว夜景 สถาปัตยกรรมสวยๆ หรืออาหารทะเลสดๆ รับรองว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือน!

หากวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น ครั้งต่อไป อย่าลืมเพิ่ม ฮาโกดาเตะ เข้าในลิสต์ แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้แน่นอน!

✈️ เตรียมกระเป๋าแล้วไปกันเลย! 🇯🇵

ทัวร์ญี่ปุ่น บิเอะ (Biei) ดินแดนแห่งความงามที่ซ่อนอยู่ในฮอกไกโด

หากคุณกำลังมองหาทัวร์ญี่ปุ่นที่พาคุณไปสัมผัสธรรมชาติสวยงามแบบไม่เหมือนใคร “บิเอะ” (Biei) ในฮอกไกโดคือจุดหมายที่ห้ามพลาด! บิเอะเป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี เนินเขารูปทรงสวยงาม และทิวทัศน์ที่ดูเหมือนภาพวาด จนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งภาพวาด” ไปดูกันเลยว่าเมืองบิเอะ มีอะไรน่าสนใจขนาดไหน

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในบิเอะ

1. เนินชิคิซัง (Shikisai-no-Oka)

หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของบิเอะ เนินชิคิซังคือทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน หรือดอกทิวลิปในฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่คุณสามารถนั่งรถม้าหรือรถบั๊กกี้ชมวิวแบบพาโนราม่า

2. ปาตีแอร์ฟาร์ม (Patchwork Road)

เส้นทางขับรถที่สวยที่สุดในบิเอะ! ด้วยทุ่งเกษตรกรรมที่เรียงรายเป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายแผ่นผ้าปะติดปะต่อกัน พร้อมจุดแวะพัก如 เนินเค็นกับแมรี่ (Ken & Mary Tree) และ ต้นโอ๊กแฝด (Parent and Child Tree) ที่เป็นสัญลักษณ์ของบิเอะ

3. บลูพอนด์ (Blue Pond)

สระน้ำสีฟ้าใสที่เกิดจากแร่ธาตุในน้ำจนกลายเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ มองเห็นเงาสะท้อนของต้นเบิร์ชขาวตัดกับสีน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่สวยราวกับภาพวาด

4. เนินโอไกดะ (Hokusei Hill Observatory)

จุดชมวิวมุมสูงที่มองเห็นทิวทัศน์แบบ 360 องศา เหมาะสำหรับถ่ายภาพบรรยากาศ pastoral แบบเต็มอิ่ม

ช่วงเวลาแนะนำในการไปทัวร์ญี่ปุ่น บิเอะ

  • เมษายน-พฤษภาคม: ดอกทิวลิปและฤดูใบไม้ผลิ
  • มิถุนายน-สิงหาคม: ดอกลาเวนเดอร์และทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม
  • กันยายน-ตุลาคม: ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม
  • พฤศจิกายน-มีนาคม: หิมะขาวโพลน บรรยากาศฟินแลนด์แบบญี่ปุ่น

การเดินทางไปบิเอะ

จาก ซัปโปโร นั่งรถไฟ JR สาย Furano ไปลงที่ สถานี Biei ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือเช่ารถขับเองเพื่อความสะดวกในการเที่ยวชม

สรุป

เมืองบิเอะคือหนึ่งในจุดหมายที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสเมื่อไปทัวร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากแนะนำเพื่อนๆ คนที่ชื่นชอบธรรมชาติและภาพวิวสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นนักถ่ายภาพหรือคนที่อยากพักผ่อนแบบ slow life ที่นี่ตอบโจทย์อยากแน่นอน!

ถ้าคุณวางแผนทัวร์ญี่ปุ่นครั้งหน้า อย่าลืมเพิ่ม บิเอะ ไว้ในลิสต์ แล้วคุณจะหลงรักความงามของฮอกไกโดแบบไม่รู้ตัว! ฝากไว้อีก 1 เมืองที่ห้ามพลาด!!

เคล็ดลับเตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น เที่ยวสนุกแบบไร้กังวล

การเดินทางไป ทัวร์ญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่การเตรียมตัวให้พร้อมจะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและสนุกยิ่งขึ้น!  ลดความกังวลเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร การเงิน สภาพอากาศ หรือวัฒนธรรมท้องถิ่น วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากเพื่อให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างมั่นใจ ไปดูกันเลย


1. ตรวจสอบเอกสารให้ครบก่อนเดินทาง

  • พาสปอร์ต: ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน
  • วีซ่า: คนไทยสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ ไม่เกิน 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า (หากพาสปอร์ตมีตราวีซ่า waiver)
  • ตั๋วเครื่องบินและที่พัก: พิมพ์สำรองหรือเซฟไว้ในมือถือ

💡 แนะนำ: หากวางแผน ทัวร์ญี่ปุ่น แบบกลุ่ม ควรตรวจสอบรายละเอียดกับบริษัททัวร์ให้ชัดเจน


2. จัดการเงินและการสื่อสาร

  • แลกเงินเยน: แนะนำแลกบางส่วนไว้ก่อนเดินทาง และใช้บัตรเครดิต/เดบิตที่รองรับต่างประเทศ
  • ซิมหรือ Pocket Wi-Fi: เพื่อความสะดวกในการใช้งานอินเทอร์เน็ตและ Google Maps
  • ดาวน์โหลดแอปจำเป็น: เช่น Google Translate (สำหรับแปลภาษาญี่ปุ่น), Suica/Pasmo (สำหรับเติมเงินใช้รถไฟ)

3. ศึกษาวัฒนธรรมและกฎพื้นฐาน

ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาทในที่สาธารณะ ดังนั้นควรระวังเรื่องเหล่านี้:

  • ไม่พูดเสียงดัง ในรถไฟหรือร้านอาหาร
  • ไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด (หาถังขยะยาก ควรพกถุงใส่ไว้ก่อน)
  • เข้าแถวให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง

4. เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดู

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-พ.ค.): อากาศเย็นสบาย เหมาะกับชมซากุระ
  • ฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.): ร้อนชื้น มีฝน ควรพกร่มและเสื้อกันแดด
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.): อากาศเย็น ทิวทัศน์สวยงาม
  • ฤดูหนาว (ธ.ค.-ก.พ.): หนาวจัด โดยเฉพาะฮอกไกโด ต้องเตรียมชุดกันหนาว

5. แพลนทริปและจองล่วงหน้า

หากอยากไป ทัวร์ญี่ปุ่น ในจุดหมายยอดนิยม เช่น โตเกียว, โอซาก้า, เกียวโต, หรือฮอกไกโด ควร:

  • จองตั๋วรถไฟชินคันเซนล่วงหน้า (ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย)
  • สำรองที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยว เพื่อความสะดวก
  • เช็คเวลาทำการ ของสถานที่ เช่น วัด ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์

6. เตรียมของใช้จำเป็น

  • ปลั๊กแปลงไฟ: ญี่ปุ่นใช้ปลั๊กแบบ 2 ขา (แรงดัน 100V)
  • ยาประจำตัว: ยาแก้ปวด, ยาแก้แพ้, พลาสเตอร์
  • กระเป๋าเป้สะพายหลัง: สำหรับเก็บของระหว่างท่องเที่ยว

7. ซื้อประกันการเดินทาง

อุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้เสมอ การซื้อ ประกันท่องเที่ยว จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด


สรุป

การเตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! ไม่ว่าจะเดินทางแบบ ทัวร์ญี่ปุ่น หรือแบบแบ็กแพ็กเอง การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเที่ยวได้อย่างสบายใจ และดื่มด่ำกับความสวยงามของญี่ปุ่นได้เต็มที่

10 เคล็ดลับ “เที่ยวญี่ปุ่น” ให้สะดวก และประทับใจไม่รู้ลืม!

การไป เที่ยวญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่หลายคนฝันถึง แต่เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและคุ้มค่าที่สุด เรามี 10 เคล็ดลับเด็ด ที่จะช่วยให้คุณท่องเที่ยวได้อย่างมั่นใจและเก็บความทรงจำดีๆ กลับมาเต็มกระเป๋า!


1. ซื้อ JR Pass ล่วงหน้า (ถ้าเที่ยวหลายเมือง)

หากวางแผนเดินทางข้ามเมือง เช่น โตเกียว-เกียวโต-โอซาก้า-ฮิโรชิม่า JR Pass จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะใช้ได้ทั้งรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟ JR ทั่วประเทศ หาซื้อก่อนเดินทางเท่านั้น (ซื้อในญี่ปุ่นจะแพงกว่า)

2. ดาวน์โหลดแอปช่วยเดินทาง

  • Google Maps : หาเส้นทางรถไฟและเดินได้แม่นยำ
  • Japan Travel by NAVITIME : ดูตารางรถไฟและคำนวณค่าโดยสาร
  • Google Translate : แปลภาษาญี่ปุ่นแบบเรียลไทม์ (ใช้โหมดกล้องแปลป้ายได้)

3. ใช้ Pasmo/Suica Card สำหรับเดินทางในเมือง

แทนการซื้อตั๋วรถไฟทีละครั้ง บัตรอิเล็กทรอนิกส์เช่น Pasmo หรือ Suica ใช้สะดวกทั้งรถไฟใต้ดิน, รถบัส และแม้แต่ชำระเงินในร้านสะดวกซื้อ

4. แลกเงินเยนให้พอใช้ + ใช้บัตรเครดิตไร้ค่าธรรมเนียม

  • แลกเงินเยนไว้บ้างสำหรับร้านเล็กๆ หรือตลาดสด
  • บัตรเครดิตเช่น SCB, KTC, หรือบัตรต่างประเทศอย่าง Revolut/Wise ช่วยลดค่าธรรมเนียมการแลกเงิน

5. เช่าหาหม้อportable Wi-Fi หรือซื้อซิมญี่ปุ่น

อินเทอร์เน็ตคือสิ่งจำเป็น! เช่า Pocket Wi-Fi ที่สนามบิน หรือซิม tourist SIM แบบไม่จำกัดข้อมูล (เช่น Mobal, Sakura Mobile)

6. เรียนรู้มารยาทพื้นฐาน

คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาท เช่น

  • ไม่กินเดิน (ยกเว้นในย่านท่องเที่ยว)
  • ไม่พูดโทรศัพท์เสียงดังในรถไฟ
  • เข้าแถวอย่างมีวินัย

7. จองที่พักใกล้สถานีรถไฟ

การเดินทางในญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับรถไฟเป็นหลัก เลือกที่พักใกล้สถานีจะช่วยประหยัดเวลาและแรงได้มาก

8. ใช้ตู้เก็บกระเป๋า (Coin Locker)

หากเช็คเอาท์แล้วแต่ยังอยากเที่ยวต่อ ตู้เก็บกระเป๋าตามสถานีรถไฟ จะช่วยให้คุณเดินทางแบบมือเปล่าได้สบายๆ (ราคาประมาณ 300-700 เยน)

9. ไปเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด

สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เช่น ฟูชิมิ อินาริ, พิพิธภัณฑ์ teamLab, หรือดิสนีย์แลนด์โตเกียว จะคนน้อยกว่าถ้าไปช่วงเปิดทันที

10. ซื้อของฝากและสินค้าพรีเมียมที่ Duty Free

ร้าน免税店 (Tax-Free Shop) ในญี่ปุ่นมีทั้ง เครื่องสำอาง, ขนม, และของเทคโนโลยี อย่าลืมพาสปอร์ตเพื่อยืนยันสิทธิ์ Tax-Free!


คล็ดลับสื่อสารกับคนญี่ปุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น

แม้ภาษาญี่ปุ่นอาจดูยาก แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใจดีและพร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยว หากคุณรู้วิธีสื่อสารอย่างถูกต้อง จะทำให้การเดินทางราบรื่นและประทับใจยิ่งขึ้น! มาดู 7 เคล็ดลับเด็ด ที่ช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจ


1. เรียนรู้คำศัพท์พื้นฐานสั้นๆ

แค่รู้ คำทักทายและคำขอบคุณ ก็สร้างความประทับใจได้มาก:

  • สวัสดีตอนเช้า: おはようございます (Ohayō gozaimasu)
  • ขอบคุณ: ありがとうございます (Arigatō gozaimasu)
  • ขอโทษ/ขออนุญาต: すみません (Sumimasen)
  • ไม่เป็นไร: 大丈夫です (Daijōbu desu)

2. ใช้ภาษากายและท่าทาง

คนญี่ปุ่นมักใช้ การโค้งหัวเล็กน้อย แทนการสัมผัสร่างกาย หรือใช้ มือชี้สิ่งของ แทนการพูดยาวๆ

3. พกสมุดโน้ตหรือใช้แอปแปลภาษา

  • Google Translate (โหมดถ่ายภาพ) ช่วยแปลป้าย เมนูอาหาร
  • แอป VoiceTra แปลเสียงพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบเรียลไทม์

4. ใช้รูปภาพช่วยสื่อสาร

  • ถ้าสั่งอาหารไม่เป็น ชี้รูปในเมนูหรือแสดงภาพจากมือถือ
  • เวลาถามทาง ใช้ Google Maps แสดงจุดหมาย

5. จำประโยคสำคัญสำหรับสถานการณ์ต่างๆ

  • ถามราคา: いくらですか? (Ikura desu ka?)
  • ถามทาง: すみません、◯◯はどこですか? (Sumimasen, ◯◯ wa doko desu ka?)
  • ขอเมนูภาษาอังกฤษ: 英語のメニューがありますか? (Eigo no menyū ga arimasu ka?)

6. ใช้การเขียนคันจิหรือตัวเลขช่วย

  • คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ อ่านตัวเลขและคันจิพื้นฐานได้ เช่น 駅 (สถานี), 入口 (ทางเข้า), 出口 (ทางออก)
  • เขียนตัวเลขลงกระดาษเวลาต่อรองราคาหรือถามเวลา

7. ยิ้มและแสดงความพยายาม

แม้ภาษาจะไม่คล่อง แต่ การยิ้มและท่าทางสุภาพ ทำให้คนญี่ปุ่นอยากช่วยเหลือมากขึ้น


Bonus Tip: ลองอาหารท้องถิ่นให้หลากหลาย

นอกเหนือจากซูชิและราเม็งแล้ว ลองเมนูประจำภูมิภาค เช่น

  • โอโคโนมิยากิ (โอซาก้า)
  • หอย扇貝 (ฮอกไกโด)
  • เนื้อวากิว (โกเบ)

สรุป
การไป เที่ยวญี่ปุ่น จะสนุกและสะดวกขึ้นหากเตรียมตัวดีๆ ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ วางแผนล่วงหน้า แต่อย่าลืมเปิดใจให้กับความประทับใจแบบไม่คาดคิด เพราะญี่ปุ่นเต็มไปด้วยเรื่องราวรอให้คุณไปค้นหา!